ณ เมืองไห่โจว
การประชุมอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ครั้งที่สามจัดขึ้นตามตาราง
เนื่องจากงานประชุมนี้เป็นที่รู้จักมากที่สุด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในด้านฟิวชั่นที่ควบคุมได้มาเข้าร่วมงานประชุมครั้งนี้ นั่นรวมไปถึงผู้นำอุตสาหกรรมที่เกษียณแล้ว อาทิเช่น นักวิชาการพาน และนักวิชาการโจว ซึ่งรวมทั้งหวังเจิงกวงและหลี่เจี้ยนกัง
คนกลุ่มนี้พยายามแทบตายเพื่ออิกไนต์เตาปฏิกรณ์ทดลอง หลังจากฟิวชั่นอิกนิชั่นสำเร็จพวกเขาก็แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง
การรวมทุกคนที่งานประชุมครั้งนี้คู่ควรกับการเฉลิมฉลอง
โต๊ะรับประทานอาหารค่อนข้างครื้นเครง
ศาสตราจารย์เชิ่งเซี่ยนฟู่ดื่มเหล้าสองสามช็อตและรู้สึกมึนเล็กน้อย สายตาของเขาหรี่ระหว่างที่เขาพูด
“ผมรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไป”
ศาสตราจารย์หลี่ชางเซี่ยที่นั่งอยู่ข้างเขาได้ยิ้มให้และพูดว่า
“อาจจะเป็นเพราะว่านักวิชาการลู่ไม่ได้อยู่ที่นี่”
ถึงแม้ว่างานประชุมอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ได้เชิญลู่โจวทุกปี ลู่โจวยังไม่ได้มาร่วมงานประชุมแม้แต่ครั้งเดียว การประชุมอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ครั้งที่สามถูกจัดขึ้นที่ไห่โจว แม้แต่พานฉางหงที่เกษียณแล้วก็มาร่วมงาน แต่การไม่อยู่ของลู่โจวทำให้เพื่อนเก่าพวกนี้รู้สึกเหงาเล็กน้อย
นักวิชาการหวังเจิงกวงได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เขายิ้มและพูดว่า “ผมเห็นเขาตอนผมอยู่ที่รัสเซีย”
เชิ่งเซี่ยนฟู่พูดทันทีว่า “โอ้ จริงเหรอ? เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เขายอดเยี่ยมมาก! ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!” นักวิชาการหวังยิ้มและพูดว่า “นักวิชาการลู่ยุ่งกับเรื่องของตัวเอง เขาอยู่ในวัยของการทำวิจัยวิทยาศาสตร์ที่เยี่ยมที่สุด และเขาไม่มีเวลามาสังสรรค์กับเพื่อนเก่า”
นักวิชาการหลี่เจี้ยนกังที่ยังไม่ได้พูดอะไร พูดขึ้นมากะทันหันว่า “พูดถึงนักวิชาการลู่ พวกคุณได้ยินมาไหมว่าเขาเพิ่งเริ่มทำนิตยสาร? มันมีชื่อว่าฟิวเจอร์”
หวังเจิงกวงก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน เขายิ้มและพูดว่า “ใช่ครับ ผมได้ยินมา ผมบอกเขาเมื่อนานมาแล้วให้เริ่มทำนิตยสาร แต่เด็กคนนี้ไม่ยอมฟัง สถาบันวิจัยใหญ่ขนาดนี้ของเขาไม่มีนิตยสารได้อย่างไร? ตอนนี้เขาถูกแทงข้างหลัง เขาเลยได้เริ่มทำในที่สุด”
เชิ่งเซี่ยนฟู่ถามว่า “แทงข้างหลัง?”
นักวิชาการหวังพูดว่า “ใช่ งานเขียนของเขาที่ IEEE ถูกเพิกถอน”
หลี่เจี้ยนกังพูดด้วยความตกใจ “เพิกถอน? ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย”
เชิ่งเซี่ยนฟู่ก็พูดอย่างเหลือเชื่อ “งานวิจัยของนักวิชาการลู่ถูกเพิกถอน? งานวิจัยอะไร…ไม่สิ นิตยสารไหนกล้าทำแบบนี้?”
“นิตยสาร IEEE ผมคิดว่าพวกนั้นอยู่ในด้านวงจรรวม ด้านนั้นไม่ใช่ความถนัดของผม ผมจึงรู้เกี่ยวกับมันไม่ค่อยมาก ผมคิดว่าเขาเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้สำหรับเขา แต่มันก็เป็นเรื่องดี เขาต้องการแรงจูงใจให้ทำอะไรนอกจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์”
หวังเจิงกวงค่อนข้างดีใจที่นิตยสารฟิวเจอร์ถูกสร้างขึ้นจากเรื่องนี้ เขาเกือบอยากขอบคุณ IEEE ที่เพิกถอนงานวิจัยนี้
หลังจากหลี่เจี้ยนกังได้ยินที่หวังเจิงกวงพูด เขาถอนหายใจและพูดว่า “แม้แต่งานเขียนของนักวิชาการลู่ยังถูกเพิกถอน IEEE กำลังทำอะไรอยู่?”
แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“ว่าแต่เรื่องนิตยสารใหม่ของนักวิชาการลู่ เราควรสนับสนุนเขาไหม?”
“ผมสนับสนุนเขาไปแล้ว” หวังเจิงกวงพูดโดยสีหน้าแดงขึ้น “หน่วยวิจัยทั้งหมดที่บริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีนได้ให้โปรโมชันจากงานเขียนฟิวเจอร์ที่เขียนโดยพนักงาน! งานเขียนที่ได้รับการยอมรับจะถูกใช้เป็นการอ้างอิงมาตรฐาน!”
ถึงแม้ว่าหวังเจิงกวงพูดด้วยน้ำเสียงเว่อแต่เขาดูไม่เหมือนกับคนพูดล้อเล่น
ทุกคนที่โต๊ะรวมทั้งนักวิชาการหลี่เจี้ยนกังมีสีหน้าประหลาดใจ
นี่คือบริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีน!
ผู้นำในด้านนิวเคลียร์จีน!
อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ขายไฟฟ้าในขณะที่พวกเขาเป็นผู้สร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ทั้งสองบริษัทนี้มีอำนาจเบ็ดเสร็จของอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์
การที่บริษัทนิวเคลียร์ยักษ์ใหญ่เช่นนี้ให้โปรโมชั่นสำหรับนิตยสารใหม่นั้น…
แต่ถึงแม้ว่านักวิชาการรู้สึกเซอร์ไพรส์ พวกเขาไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่ยุติธรรม
ท้ายที่สุดแล้วผู้ก่อตั้งนิตยสารเป็นบิดาแห่งฟิวชั่นที่ควบคุมได้ ถึงแม้ว่าลู่โจวได้ทำงานในสายอื่นมาก่อนในช่วงไม่กี่ปีนี้ ไม่มีใครสงสัยในอำนาจของเขาในด้านนิวเคลียร์
สิ่งนี้รวมไปถึงหวังเจิงกวงและนักวิชาการหลี่เจี้ยนกังซึ่งทั้งคู่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม
ท้ายที่สุดแล้วหากไม่มีลู่โจว พวกเขาต้องรอพลังงานฟิวชั่นไปอีก 50 ปี…
“ชื่อเสียงและความสามารถด้านวิชาการของศาสตราจารย์ลู่สามารถเชื่อถือได้ ถ้าเขาไม่สามารถเชื่อถือได้ก็ไม่มีใครแล้ว” หลี่เจี้ยนกังพูดในขณะที่เขายกแก้วดื่ม เขาพูดต่อ “ผมตัดสินใจแล้ว นับตั้งแต่ตอนนี้ ห้องปฏิบัติการวัสดุก่อสร้างแห่งสถาบันฟู่หยางจะรวมงานเขียนฟิวเจอร์เข้าเป็นมาตรการเลื่อนตำแหน่งงาน!”
ถ้าห้องปฏิบัติการวัสดุก่อสร้างแห่งสถาบันฟู่หยาง บริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีน และอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ ต่างมีส่วนร่วมกับนิตยสารฟิวเจอร์ มันก็จะเป็นนิตยสารระดับท็อปในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์อย่างง่ายดาย..
…
ลู่โจวที่ยังอยู่ที่จินหลิงไม่ได้รู้ถึง ‘การช่วยเหลือ’ ที่เพื่อนเก่าของเขาทำให้
ในความเป็นจริงมันไม่ได้อยู่แค่ในด้านนิวเคลียร์ฟิวชั่น เมื่อข่าวของนิตยสารฟิวเจอร์ถูกปล่อยออกไป ทั้งชุมชนวิชาการพูดคุยถึงเรื่องนี้อย่างตื่นเต้น
ฟิวเจอร์
ชื่อนี้สร้างแรงบันดาลใจ มันทำให้ผู้คนนึกถึงนิตยสารระดับท็อปสองฉบับในแวดวงวิชาการ ไซเอินซ์ และ เนเจอร์
ถึงแม้ว่าลู่โจวไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะว่าฟิวเจอร์เป็นนิตยสารประเภทไหน ทุกคนเริ่มคาดเดากันแล้ว
นิตยสารต่างชาติเป็นมาตรฐานในวงการวิชาการและโลกอุตสาหกรรมของจีนเป็นเวลาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นการประเมินประสิทธิภาพการทำงานหรืออำนาจในการยื่นธีสิสปริญญาเอก
ไม่เพียงแต่ว่าตะวันตกได้มีอำนาจควบคุมในโลกวิชาการ แต่มันก็ยังเป็นเพราะว่าสถาบันวิจัยส่วนใหญ่ทั่วโลกไม่ว่าจะอยู่ในอเมริกาหรือไม่ก็ได้ทำงานเพื่อคนอเมริกัน
ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้แข็งแกร่งในบางส่วน แต่เป็นเพราะว่ามันเป็นประเทศศูนย์กลางสำหรับวิชาการ นักวิชาการจึงเลือกปัญหาที่วิกฤตเป็นโปรเจกต์วิจัย
ปัญหาอะไรคือปัญหาวิกฤต?
ปัญหาที่ถูกถามโดยคนส่วนใหญ่
ปัญหาพวกนั้นมีอำนาจเหนือทรัพยากรของนักวิชาการว่ามีสิทธิ์ตัดสินว่านักวิชาการคนไหนเป็นนักวิจัยที่ดีและนักวิชาการคนไหนคู่ควรกับการเลื่อนขั้นในสายอาชีพวิชาการ
นิตยสารจีนเต็มไปด้วยงานเขียนต่ำกว่ามาตรฐานและหลอกลวงซึ่งไม่สามารถเชื่อถือได้ ถึงแม้ว่าสิ่งนี้เป็นการเสียประโยชน์ที่ปล่อยให้นิตยสารต่างชาติกำหนดมูลค่าของการวิจัย พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
ในสายตานักวิชาการจีน นิตยสารฟิวเจอร์ของลู่โจวเป็นการท้าทายในการเจาะเข้าชุมชนวิชาการระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าเขาทำสำเร็จ…
จากนั้นฟิวเจอร์จะยืนหยัดอยู่ข้างนิตยสารอย่างไซเอินซ์และเนเจอร์…
มันอาจจะยากที่จะก่อกวนการครอบครองด้านวิชาการของตะวันตกทั้งหมด แต่มันก็จะมีผลกระทบอย่างแน่นอนกับชุมชนวิชาการจีน…
…
จริงๆ แล้ว ลู่โจวอยากตั้งนิตยสารของตัวเองมานานแล้ว
เหตุผลที่เขาไม่ได้ทำมันจนถึงตอนนี้เป็นเพราะว่าเขายุ่งเกินไป
ในความเห็นของเขา ในฐานะนักวิชาการ งานของเขาคือการทำวิจัย ไม่ใช่แค่นั้น เขาไม่ชอบทำให้ตัวเองมีงานเยอะเกินไป เหมือนกับบี๊บบี๊บชาร์จจิง เขาชอบให้คนอื่นบริหารธุรกิจแทนเขา
แต่ตอนนี้ IEEE เพิกถอนงานเขียนของเขา!
ถึงภายนอกลู่โจวมีท่าทีไม่ใส่ใจอะไร เขาก็ค่อนข้างอารมณ์เสียอยู่ข้างใน
แผนกบรรณาธิการฟิวเจอร์
การก่อสร้างเฟสที่สามของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากลู่โจวเหลือบมองเค้าโครงแผนที่ของสถาบัน เขาวาดวงกลมบนแผนที่ตรงอาคารสามชั้นที่มีแผนใช้เป็นคาเฟ่หนังสือซึ่งตอนนี้มันถูกใช้เป็นออฟฟิศบรรณาธิการใหม่
ในความเป็นจริงแล้วอาคารนี้ใหญ่เกินไปที่จะใช้เป็นแค่ออฟฟิศบรรณาธิการของฟิวเจอร์ ท้ายที่สุดแล้วดีไซน์ของตึกนี้สามารถรองรับหนังสือและงานเขียน 4 ล้านชิ้น
หลังจากที่ลู่โจวบอกความเห็นให้ทีมงานทราบ เขาตัดสินใจว่าชั้นแรกจะยังทำหน้าที่เป็นคาเฟ่หนังสือ
นักวิจัยในสถาบันสามารถมาดื่มกาแฟที่นี่และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจากสาขาวิจัยที่ต่างกัน
สิ่งนี้อย่างเดียวจะเพิ่มบรรยากาศวิชาการของสถาบัน
แรงบันดาลใจที่ดีหลายอย่างเกิดขึ้นโดยที่ไม่คาดคิด
ลู่โจวรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากที่สถานที่ถูกตัดสินแล้ว ป้ายของแผนกบรรณาธิการถูกตั้งขึ้น
‘ฟิวเจอร์’ และโลโก้พิเศษถูกปริ้นท์ไว้บนป้าย
ฟอนต์ขนาดใหญ่ดูคล้ายกับสิ่งที่ออกมาจากหนังไซไฟ
สุดท้ายแล้ว เทคโนโลยีทุกอย่างที่คิดค้นขึ้นที่สถาบันนี้เหมือนหนังไซไฟ
แผนกบรรณาธิการของฟิวเจอร์ก็แข็งแกร่งเท่ากับตัวสถาบัน ไม่ว่าเป็นบรรณาธิการใหญ่หรือแค่พนักงานทั่วไป พวกเขาต่างเป็นคนชื่อดังในอุตสาหกรรม
มันน่าสนใจที่คนส่วนใหญ่โดนขโมยตัวมาจากนิตยสารอื่นโดยเฉินยู่ซาน คนส่วนใหญ่ไม่ได้มาที่นี่เพราะเงินเดือน แต่พวกเขากลับมาเพราะชื่อเสียงของลู่โจวและสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง
ยกตัวอย่างเช่น บรรณาธิการใหญ่คนใหม่ที่ยืนตรงหน้าลู่โจว
ชื่อของเขาคือเหยากง และเขาเคยเป็นบรรณาธิการที่เนเจอร์ เขากลับไปสอนที่มหาวิทยาลัยในปักกิ่งเนื่องจากโครงการหมื่นอัจฉริยะ หลังจากที่ได้ยินว่าศาสตราจารย์ลู่เริ่มนิตยสารของตัวเอง เขาลาออกจากงานและมาที่นี่
“…จนถึงตอนนี้ นิตยสารที่เราได้สมัครมี ฟิวเจอร์ ฟิวเจอร์แมททีเรียลส์ ฟิวเจอร์ฟิสิกส์ ฟิวเจอร์แมทเทมาติกส์ ฟิวเจอร์นาโนเทคโนโลยี ฟิวเจอร์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี และอีก 15 นิตยสารย่อย เราหวังว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มเป็น 27 ภายในสองปี หลังจากนั้นเราจะทำการขยายต่อไปตามสมควร”
เหยากงนิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อให้ลู่โจวฟัง
“นั่นเป็นภาพรวมของสิ่งที่เราทำอยู่ ผมมีคำขอเล็กน้อยเกี่ยวกับนิตยสารของเรา ผมไม่รู้ว่าคุณจะอนุมัติคำขอนี้ไหม”
ลู่โจวยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง บอกผมมาเลย ผมจะทำให้ดีที่สุด”
“เรื่องมีอยู่ว่าเนื่องจากนิตยสารของเราเพิ่งเปิดตัว ผมเกรงว่าการได้รับการเสนองานคุณภาพสูงเป็นเรื่องยาก ผมจึงอยากรู้ว่าคุณพอส่งงานเขียนให้เราได้ไหม”
หลังจากลู่โจวได้ยินคำขอ เขาคิดอยู่ชั่วครู่และพยักหน้าให้
“โอเค ผมจะส่งงานเขียนให้คุณ”
บรรณาธิการใหญ่นิ่งเงียบไปชั่วครู่
“คุณ…เขียนมันเสร็จแล้วเหรอ?”
“ยังครับ…” ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า “แต่มันไม่ใช่เรื่องยาก มันน่าจะใช้เวลาไม่นาน” บรรณาธิการใหญ่ยิ้มและกระแอมลำคอ
“เอ่อ…นักวิชาการลู่ ผมไม่ได้หมายความว่าให้คุณเขียนงาน อาจจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางวิชาเสียหน่อยนั้นดีที่สุด นอกจากนี้ มันไม่น่าสมเพชหรือที่เผยแพร่งานวิชาการเพื่อการเผยแพร่อย่างเดียว?”
ลู่โจวยิ้มให้และโบกมือ
“ไม่ต้องกังวลไป ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
บรรณาธิการใหญ่เหยานิ่งไปชั่วครู่ เขาเชื่อในลู่โจว แต่เขาก็ถามไปว่า “เอ่อ…ผมขอถามได้ไหมว่าคุณวางแผนส่งอะไร?”
ลู่โจวถามว่า “ข้อพิสูจน์ของสมมติฐานของรีมันน์ฟังดูเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
บรรณาธิการใหญ่เหยา “…???”
……………………….