บรรณาธิการใหญ่เหยาไม่คาดคิดว่าลู่โจวจะส่งงานเขียนที่เป็นปัญหาคณิตศาสตร์ระดับใหญ่ให้กับนิตยสารที่เพิ่งก่อตั้งใหม่
ถึงแม้ว่าเป็นระดับลู่โจว ชื่อเสียงของนิตยสารก็ไม่สำคัญอีกแล้ว แต่มันก็ยัง…
“…อืม ผมคิดว่าคุณควรคิดดีๆ สำหรับการส่งงานเขียนอย่างสมมติฐานของรีมันน์ ผมคิดจะส่งไปที่นี่…”
ลู่โจวมองดูบรรณาธิการใหญ่เหยาและยิ้มให้
“คุณคิดว่าการส่งสมมติฐานของรีมันน์ไปที่ฟิวเจอร์ดูไม่ปกติไปใช่ไหม?”
บรรณาธิการใหญ่เหยาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สีหน้าของเขาชัดเจน
“ที่งานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติ ศาสตราจารย์โฮลเดนบอกผมเป็นการส่วนตัวว่าเขาอยากให้ผมส่งงานเขียนให้อินเวนชั่นส์เมทามาติคก์”
“ผลการวิจัยเล็กน้อยไม่ได้รุ่งเรืองเพราะมันอยู่ในเนเจอร์หรือไซเอินซ์ แน่ขนาดที่ผลวิจัยสำคัญจะเจริญงอกงามถึงแม้ว่ามันถูกเผยแพร่ที่ arXiv “
“จำไว้นะว่าชื่อเสียงและเกียรติของนิตยสารหรือรางวัลมาจากผู้ทำงานให้และนักวิจัย ไม่ใช่จากทางอื่น”
“คุณทำได้” ลู่โจวพูดในขณะที่เขาเอามือแปะหลังบรรณาธิการใหญ่เหยา เขายิ้มให้และพูดว่า “ถ้าคุณว่ามีแต่นิตยสารระดับท็อปอย่าง เนเจอร์ และไซเอินซ์ที่คู่ควรกับสมมติฐานของรีมันน์ งั้นก็ทำให้ฟิวเจอร์คู่ควรด้วยเช่นกันสิ!”
…
มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในโลกวิชาการไม่นานมานี้
อย่างแรก งานเขียนของนักวิชาการลู่ถูกเพิกถอนโดย IEEE และความถูกต้องของฐานคาร์บอนและอำนาจของ IEEE นั้นถูกตั้งคำถาม ต่อมานักวิชาการหลายคนซุบซิบเกี่ยวกับการสร้างนิตยสารฟิวเจอร์
ภายในช่วงสิ้นเดือนนี้ นิตยสารฟิวเจอร์ฉบับแรกได้ปรากฏในมือของผู้คนในที่สุด
นาทีที่นิตยสารฉบับแรกออกมา ผู้คนรู้สึกอึ้ง
มีเหตุผลเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น
ฉบับแรกของนิตยสารฉบับนี้เป็นฉบับพิเศษความยาว 30 หน้า?!
และการเผยแพร่ของข้อพิสูจน์สมมติฐานของรีมันน์
ด้วยเฉพาะไซเอินซ์ซึ่งได้รับทุนโดยเอ็ดดิสันไม่เคยได้รับเกียรติเช่นนี้ในช่วงนิตยสารฉบับแรกๆ สำหรับนิตยสารที่ได้เผยแพร่ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลกในฉบับแรก นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน
ออร่าของตัวลู่โจวเองรวมกับชื่อเสียงของสมมติฐานของรีมันน์ซึ่งเป็นยอดมงกุฎแห่งคณิตศาสตร์ได้ทำให้ทุกคนในชุมชนคณิตศาสตร์ช็อก ซึ่งรวมไปถึงคนอย่างฟาลติ้งส์
ลู่โจวไม่ได้เผยแพร่การวิจัยที่อินเวนชั่นส์แมทเทมาติคก์อย่างที่โฮลเดนแนะนำไว้ แต่เขาไม่ได้ให้สัญญาอะไรกับโฮลเดน เนื่องจากเขาแค่บอกว่าเขาจะพิจารณาดู
นอกจากข้อพิสูจน์สมมติฐานของรีมันน์ความยาว 30 หน้า เทคโนโลยีชิปฐานคาร์บอนก็ถูกเผยแพร่ในหนึ่งในนิตยสารย่อยของฟิวเจอร์
คนจำนวนมากพบว่ามันเป็นงานเขียนชิ้นเดียวกันที่ถูกเพิกถอนโดย IEEE
ในความเป็นจริงมันเป็นการทำสำเนาคำต่อคำ
สิ่งนี้อาจจะเป็นการดูถูกอย่างเปิดเผยต่อ IEEE
อยู่ดีๆ เรื่องทุกอย่างนั้นน่าสนใจ
โรงอาหารในมหาวิทยาลัยในจีน
นักวิชาการอ่อนหัดสองคนกำลังกินบะหมี่ด้วยกัน โดยพูดคุยเสียงดังใส่กัน
“ฮ่าฮ่า ศาสตราจารย์ลู่บ้าไปแล้ว! มันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนสร้างนิตยสารของตัวเองขึ้นมาหลังจากถูกเพิกถอน”
“หัวหน้าผมตามเรื่องนี้อยู่ แม้แต่เขาก็อึ้ง”
“คุณคิดว่าคนจะส่งงานไปที่ฟิวเจอร์ไหม?”
“คิดจริงๆ หรือว่านี่เป็นปัญหาสำหรับนักวิชาการลู่ ด้วยอิทธิพลที่เขามีในชุมชนวิชาการ? ผมไม่คิดว่าปัญหาคือการที่มีคนจำนวนเพียงพอส่งงานไปที่ฟิวเจอร์ ปัญหาคือการผ่านขั้นตอนรีวิว”
“คุณพูดถูก…”
ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือศาสตราจารย์ลู่
ลืมเรื่องอิทธิพลของเขานอกโลกวิชาการไปเลย อำนาจของเขาต่อสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงอย่างเดียวก็ทำให้เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในชุมชนวิชาการจีน
นักวิจัยอ่อนหัดคนนี้อยู่ในสายวัสดุศาสตร์และเขาจำได้ว่าหัวหน้าพูดว่านักวิจัยวัสดุศาสตร์ที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้นำหน้าคนอื่นไปเยอะอย่างไร
ไม่มีมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยแห่งไหนได้ดึงดูดนักวิชาการจีนที่ต่างประเทศให้กลับมาจีนได้มากขนาดนี้ ไม่มีสถาบันวิจัยไหนได้งบวิจัยมากกว่านี้ ดูเหมือนว่าลู่โจวลงทุนกำไรประจำปีเกือบครึ่งหนึ่งของสตาร์สกายเทคโนโลยีไปกับสถาบันนี้
มันดูเหมือนว่างานเขียนและการวิจัยจากสถาบันนี้มาจากต่างดาว…
ในระหว่างที่ชุมชนวิชาการกำลังพูดถึงนิตยสารฟิวเจอร์ที่เพิ่งตั้งมาใหม่และความขัดแย้งระหว่างนักวิชาการลู่กับ IEEE มีซีทีโอคนหนึ่งก็กำลังเดือดดาล
ในความเป็นจริง Intel ควอลคอมม์ AMD และแม้แต่ซัมซุงได้สร้างพันธมิตรขึ้นเพื่อรับมือกับวิกฤตนี้ เมย์เบอร์รี่เสนอให้ IEEE เพิกถอนงานวิจัย โดยอ้างว่ามันสามารถแบ่งแยกเทคโนโลยีจากอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำ เมย์เบอร์รี่ได้คำนึงถึงหลายสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากแผนการของเขา
เขาคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าลู่โจวโพสต์งานวิจัยที่ arXiv แทน หรือว่าส่งมันไปที่ไซเอินซ์ เนเจอร์ หรือนิตยสารจีนฉบับอื่น เขาไม่ได้คาดคิดว่าชายคนนี้จะก่อตั้งนิตยสารของตัวเองจริงๆ
มันแทบเหมือนกับว่ากรรมการเริ่มเล่นในสนามด้วยตัวเอง
จริงๆ แล้ว มันแย่กว่านั้น!
มันเหมือนกับว่าผู้เล่นอารมณ์เสียกับใบเหลือง ผู้เล่นคนนั้นจึงตัดสินใจเป็นกรรมการเสียเอง
ไม่ใช่แค่นั้น นิตยสารนี้เริ่มได้รับแรงฉุดและคนจำนวนมากคิดว่ามันจะเทียบเท่ากับนิตยสารอย่างไซเอินซ์และเนเจอร์
เมย์เบอร์รี่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ใครสามารถทำอะไรได้?
มันไม่ได้เหมือนกับว่าเขาสามารถล็อบบี้นักกฎหมายเพื่อแบนนิตยสารในสหรัฐอเมริกาได้?
ในทางทฤษฎี เขาสามารถทำได้ สุดท้ายแล้วอิทธิพลของอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำค่อนข้างแข็งแกร่ง
แต่อย่างไรก็ตาม…
การทำสิ่งนั้นจะได้อะไรขึ้นมา?
นอกจากการทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนโง่
แล้วยังมีเรื่อง ‘อิสรภาพทางวิชาการ’ อีก
เขาได้ยินเสียงเคาะที่ประตู และผู้ช่วยเดินเข้ามาในห้อง
“ท่านครับ”
“อะไร?!”
ผู้ช่วยกลืนน้ำลายและพูดว่า
“HiSillicon ส่งจดหมายเชิญเรา…ไปงานเปิดตัวชิปดราก้อนวัน”
ตาของเมย์เบอร์รี่เริ่มกระตุกและเขารีบถามว่า “ที่ไหน?”
“เซี่ยงไฮ้”
เมย์เบอร์รี่ถามว่า “พวกเขาเชิญแค่ผมเหรอ?”
ผู้ช่วยตอบว่า “ไม่ใช่ครับ มีคุณสวอนด้วย… ถ้าคุณไม่อยากไป ผมสามารถ—”
“ไม่ ใครบอกล่ะว่าผมไม่ไป” เมย์เบอร์รี่กัดฟันและพูดว่า “ซื้อตั๋วให้ผมเดี๋ยวนี้!”
……………………………