หลังจากลู่โจวแยกกับศาสตราจารย์หลิว เขาก็เดินไปสถาบันคาร์บอนนาโนทิวป์แล้วพบศาสตราจารย์หลี่หรงเดินที่ห้องแล็บ
รุ่นพี่ทั้งสองไม่ได้อยู่ที่ห้องแล็บ แต่ลู่โจวรู้จากฟีดข่าวว่าพวกเขากำลังไปเที่ยว
เมื่อศาสตราจารย์หลี่เห็นลู่โจว เขาก็ยิ้มแล้วกล่าว “บ่ายเมื่อวาน อาจารย์ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง รายงานผลสรุปของเราผ่านแล้ว! อาจารย์จะไปฝ่ายการเงินแล้วคำนวณเงินทุนวิจัยที่เหลือ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นนักศึกษาปริญญาโท แต่เราก็ยังต้องขอบคุณเธอ เราคงทำโปรเจกต์นี้ให้สำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากเธอ”
ศาสตราจารย์หลี่ดึงลิ้นชักแล้วหยิบเอาแผ่นกระดาษออกมา จากนั้นเขาก็เขียนอะไรไม่รู้สองสามบรรทัดก่อนจะประทับตราลงไป
เขาวางเงินไว้บนโต๊ะแล้วยิ้มขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “อาจารย์ก็ไม่มีอะไรให้เธอนัก ดังนั้นอาจารย์เลยมอบเงินก้อนนี้ให้เป็นรางวัล รับเงินห้าหมื่นหยวนนี้ไปเถอะ”
ลู่โจวคาดไม่ถึงเลย
เมื่อเขารับเช็คมา เขาก็ยิ้มแล้วกล่าว “ขอบคุณครับศาสตราจารย์!”
ห้าหมื่นหยวนก็ค่อนข้างมาก เพราะแม้แต่ทุนการศึกษาระดับชาติก็มีเพียงแปดหมื่นหยวนเท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือนักศึกษาปริญญาโทที่ทำงานกับศาสตราจารย์จะได้เพียงห้าหกร้อยต่อเดือนเท่านั้น บางคนก็ถึงกระทั่งยึดเงินเดือนนั้นไปแล้วบอกว่ามันเป็น ‘ทุนวิจัย’
ดังนั้นศาสตราจารย์หลี่จึงถือว่าเป็นคนใจกว้างมาก
ศาสตราจารย์หลี่ยิ้มแล้วโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณอาจารย์ อาจารย์ต่างหากที่ควรขอบคุณเธอ”
ศาสตราจารย์กระแอม “อะแฮ่ม ไม่กี่ปีมานี้กระบวนการผลิตของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์แบบหลายชั้นมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ราคาก็ลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่ก้าวย่างการค้ากำลังเร่งความเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวัสดุคอมโพสิต อัตราส่วนระหว่างราคากับประสิทธิภาพค่อนข้างดี อาจารย์ได้คุยกับประธานบริษัทจ้งซานซินฉายมาสักพักแล้ว และอาจารย์ก็รู้สึกว่ายังมีพื้นที่ตลาดอีกมากที่จะเข้าไป”
“หลังจากผ่านปีนี้ไป อาจารย์อาจเปิดโปรเจกต์วิจัยวัสดุอิเล็กโทรด เธอสนใจไหม?”
ลู่โจวคิดแล้วกล่าว “ผมจะมาตอบภายหลัง ผมไม่รู้ว่าผมจะว่างไหม”
เขาให้สัญญาไม่ได้ เขายังต้องไปประชุมคณิตศาสตร์ที่พรินซ์ตันในอีกสองเดือนข้างหน้า มันอาจมีบางอย่างรอเขาหลังประชุมก็ได้ บวกกับระบบอาจให้ภารกิจแปลกๆแก่เขา
แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมโปรเจกต์วิจัยแบบนี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ทางวิชาการ แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะรอและพิจารณาให้รอบคอบมากขึ้น
ศาสตราจารย์หลี่แล้วกล่าว “ก็ได้ พอถึงเวลาอาจารย์ค่อยถามเธอละกัน เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ไปทำธุระของเธอเถอะ”
จากนั้นลู่โจวก็ออกจากห้องแล็บแล้วไปห้องสมุด เขาเปิดโน๊ตบุ๊คแล้วกำลังจะอ่านวิทยานิพนธ์ต่อ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็สังเกตว่าชายคนที่อยู่ข้างเขากำลังใช้ฟีเจอร์ล็อกหน้าจอของแคมปัสแอสซิสแตนท์ ลู่โจวก็อดยิ้มไม่ได้
ดูเหมือนว่าแผนการตลาดของหยวนลี่เหว่ยจะประสบความสำเร็จ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่โจวเห็นคนใช้แอปเขา
จากนั้นลู่โจวก็เปิดไป่ตู้แล้วพิมพ์คำว่า ‘แคมปัสแอสซิสแตนซ์’ ก่อนจะกดค้นหา เขาอยากเห็นว่าจำนวนดาวน์โหลดเท่าไหร่แล้ว
อย่างไรก็ตามเขาก็เห็นข่าวปรากฏอยู่ในผลการค้นหา
[จ้งซานซินฉาย (300xxx) ลงทุนในแอปแคมปัสแอสซิสแตนซ์เพื่อนำ ‘อินเทอร์เน็ต’ และ ‘วิทยาเขต’ สู่ตลาดมหาลัยอย่างต่อเนื่อง…]
นี่คือ?
ลู่โจวไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ เขารู้แค่ว่าเขาสามารถซื้อขายหุ้นได้ในตลาด
เขาเปิดอ่านข่าวด้วยความสงสัย
[เมื่อสองวันก่อน จ้งซานซินฉายได้พัฒนาครั้งสำคัญในวัสดุคอมโพสิตซีเมนต์เบสที่ดัดแปลงโดยคาร์บอนนาโนทิวป์ และจดสิทธิบัตรสำเร็จสองฉบับ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ช่วงเร็วๆนี้มีข่าวดีอีกอย่าง จ้งซานซินฉายใช้เงินทุนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ลงทุนในแคมปัสแอสซิสแตนซ์…]
ลู่โจวข้ามบทความอันยาวเหยียดแล้วไปดูตอนจบ
ทันใดนั้นเองเขาก็เลิกคิ้วขึ้น
คุณพระ ข่าวพึ่งออกมา แต่หุ้นของจ้งซานซินฉายขึ้นไปห้าจุดหกเปอร์เซ็นต์! มูลค่าทางตลาดเพิ่มขึ้นสามร้อยล้าน!
บัดซบ มันก็แค่ลงทุนห้าล้านหยวน ทำไมมันถึงเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้?
ลู่โจวคิดถึงเช็คห้าหมื่นหยวนที่ศาสตราจารย์หลี่มอบให้แล้วรู้สึกโง่งม เมื่อเทียบกันแล้ว เงินที่เขาได้รับนั้นน้อยมาก เขาปิดเว็บไซต์แล้วอ่านวิทยานิพนธ์ต่อ
ทุนนิยมช่างชั่วร้ายมาก…
…..
ขณะที่ลู่โจวกำลังอ่านวิทยานิพนธ์อยู่ในห้องสมุด ห้องเรียนในตึกเรียนที่อยู่ไม่ไกลก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นมาแสดงว่าการสอบจบลงแล้ว
เว่ยเฟิงตรวจสอบชื่อของตนอีกครั้งก่อนจะส่งข้อสอบพีชคณิตขั้นสูง จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกห้องสอบ
เขากำลังจะไปโรงอาหาร แต่แล้วเขาก็บังเอิญเจอกับหลี่รุ่ยเจ๋อ หลี่รุ่ยเจ๋อเหมือนกำลังตามหาเขาอยู่
“อืมม…พี่เฟิง นายว่างไหม?”
เว่ยเฟิงมองเขาด้วยความสงสัย “ทำไม?”
หลี่รุ่ยเจ๋อกระแอมแล้วกล่าว “นายช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
มีปัญหาอะไรนายก็พูดมาสิ
เว่ยเฟิงกล่าว “ว่ามา ถ้าฉันช่วยได้ ฉันจะช่วย ถ้าฉันช่วยไม่ได้ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้”
หลี่รุ่ยเจ๋อยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วกล่าว “เรื่องก็คือ ฉันมาลองคิดดู ฉันคิดว่าฉันยังจำเป็นต้องฝึกเขียนโปรแกรม ฉันไม่ควรออก นายยังต้องการคนเข้าทีมใช่ไหม? ฉันอยากกลับไป…”
เว่ยเฟิงยิ้มแล้วกล่าว “ได้สิ ไปคุยกับเจ้าอ้วนอู๋เลย เขาเป็นประธานชมรม”
หลี่รุ่ยเจ๋อกระวนกระวาย “ฉันถามเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอม นายช่วยเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยได้…”
“ขอโทษ ฉันช่วยนายไม่ได้” เว่ยเฟิงกล่าวขัดจังหวะ “นายจำไม่ได้เหรอว่านายพูดยังไงกับฉันก่อนออกจากชมรม? ฉันโน้มน้าวนายไม่ให้ออกแล้ว ทำไมนายถึงออก”
เว่ยเฟิงพูดไม่ออก
นายเป็นคนออกเอง นายก็ไม่สมควรกลับมา
แคมปัสแอสซิสแตนซ์ได้รับเงินทุนมาห้าล้านเหรียญ หลังจากอัปเดต จำนวนดาวน์โหลดกับจำนวนผู้ใช้ต่อวันก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคืน ใครที่อยากเข้าร่วมทีมต้องมีความสามารถอย่างแท้จริง
ถ้าใครพลาดโอกาสไปก็จะไม่มีโอกาสอีก
แม้ว่าการพูดความจริงจะค่อนข้างเจ็บปวด แต่ความจริงก็คือความแข็งแกร่งของหลี่รุ่ยเจ๋อไม่เพียงพอที่จะเป็นคนวิ่งเต้นทำธุระให้ด้วยซ้ำ
เว่ยเฟิงรับผิดชอบต่อทีม เขาจะไม่ปล่อยให้เด็กที่ไม่มีความสามารถเข้าร่วมทีมโดยไม่มีเหตุผล
เว่ยเฟิงหันหลังแล้วเดินจากไป
หลี่รุ่ยเจ๋อถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี และเขาก็พูดไม่ออกอยู่นาน
ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้าและความอิจฉา
ในที่สุดเขาก็พูดได้
“บัดซบ อะไรวะ…ก็แค่สตาร์ทอัพโง่ๆ ใครจะสนกัน!”
……………………………………..