ลู่โจวคิดว่าการไปปักกิ่งจะทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการถูกสัมภาษณ์ได้ แต่วินาทีที่เขาลงจากเครื่องบิน เขาก็ถูกนักข่าวรุมล้อมทันที
ลู่โจวประเมินความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาต่ำเกินไป
วินาทีที่เขาเดินออกจากอาคารผู้โดยสาร ก็นักข่าวถือกล้องล้อมรอบตัวเขาทันที
นักข่าวจากหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ “ศาสตราจารย์ลู่! ความก้าวหน้าของสตาร์สกายเทคโนโลยีในการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง เป็นเรื่องจริงใช่มั้ยครับ?”
ลู่โจว “ไปตรวจสอบเว็บไซต์เอาเองเถอะครับ”
นักข่าวจากเดอะซัน “ศาสตราจารย์ลู่! เราได้ยินมาว่าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เครือข่ายประสาทของสวิตเซอร์แลนด์ได้ทำการวิจัยในด้านเดียวกัน และสถาบันของคุณก็ได้ไปเอาตัวนักวิจัยจากพวกเขาเมื่อสองเดือนก่อน นี่ไม่เรียกว่าเป็นการโจรกรรมทางวิชาการเหรอครับ?”
ลู่โจว “คุณต้องไปถามศาสตราจารย์ลูเมียร์เอาเอง และบอกด้วยว่าเอกสารไหนที่คุณว่ามันเป็นการโจรกรรมทางวิชาการน่ะ ผมหวังว่าคุณจะเตรียมคำถามได้ดีกว่านี้ ในครั้งต่อไปนะ”
นักข่าวบีบีซี “สวัสดี อาจารย์ลู่! ดร.ซีเป็นนักวิจัยของสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงใช่มั้ยครับ? เราสังเกตเห็นว่าเมื่อเดือนที่แล้วเขาได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ arXiv เรื่องเทคโนโลยีเสมือนจริง คุณช่วยบอกเราได้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่เปิดเผยตัวครับ?”
ลู่โจวกล่าวว่า “ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะเขาไม่อยากเจอนักข่าวอย่างคุณล่ะมั้ง”
นักข่าวบีบีซี “โอ้”
ในที่สุดลู่โจวก็สามารถหนีขึ้นรถจากนักข่าวภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนามบินได้สำเร็จ
ลู่โจวเอนหลังพิงเบาะนั่งและปรับคอเสื้อนิดหน่อย จากนั้นเขาก็ถามว่า “คนพวกนี้รู้เที่ยวบินผมได้ไง?”
เขาซื้อตั๋วเครื่องบินในนาทีสุดท้ายที่สนามบิน และเขาไม่รู้ว่านักข่าวรู้เรื่องเที่ยวบินของเขาได้อย่างไร
หวังเผิงก็ยังไม่เข้าใจ ในฐานะที่เป็นคนที่รับผิดชอบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลู่โจว นี่ถือเป็นความผิดพลาดของเขาโดยตรง
“อาจจะเกิดอะไรขึ้นขึ้นกับสายการบินมั้งครับ…ผมจะตรวจสอบในภายหลัง”
ลู่โจว “ไม่ต้องหรอก…”
นักข่าวก็แค่ทำงานของพวกเขาเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปทำให้พวกนั้นลำบาก
หวังเผิงมองไปที่กระจกมองหลังและถามว่า “จะไปไหนครับ?”
ลู่โจวมองดูเวลาที่นาฬิกาตัวเองและตอบกลับ
“ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ไปมหาวิทยาลัยจินหลิงดีกว่า”
หวังเผิง “แล้วกระเป๋าเดินทางล่ะครับ?”
ลู่โจว “ทิ้งมันไว้ในรถนี่แหละ”
เขาพยักหน้าและเริ่มขับรถไปที่มหาวิทยาลัยจินหลิงทันที
…
ณ มหาวิทยาลัยจินหลิง
สุดทางเดินในอาคารแผนกวิชาคณิตศาสตร์
ผู้ช่วยจ้าวตัวแข็งทันทีเมื่อเธอเห็นว่าใครอยู่ที่หน้าประตู
ลู่โจวเห็นจ้าวหวนมองมาที่เขาทำให้เขาสงสัยว่ามีอาหารติดอยู่ที่หน้าของเขาหรือเปล่า เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
“ไม่มีอะไรค่ะ…” จ้าวหวนส่ายหัวและพูดว่า “ฉันแค่คาดไม่ถึง…ว่าวันนี้คุณมาที่นี่น่ะค่ะ”
ลู่โจวรู้สึกอายเล็กน้อย
เขาบอกตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่าปีนี้เขาจะ ‘มุ่งความสนใจไปที่การสอน’ ทำให้มีนักเรียนหลายคนลงทะเบียนเรียนหลักสูตรทฤษฎีจำนวนของเขา อย่างไรก็ตามหลังจากสอนการบรรยายสองด้วยตนเอง เขาก็ได้ให้นักศึกษาปริญญาเอกคนหนึ่งสอนในชั้นเรียนแทน
เขาไม่มีทางเลือก เพราะตัวเขานั้นยุ่งมากเกินกว่าที่จะมีเวลาสอน
ลู่โจวกระแอมเบาๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“โทรหานักศึกษาปริญญาเอกให้หน่อย ศาสตราจารย์เฉินหยางด้วย ขอให้พวกเขามาที่ออฟฟิศผมทีสิ”
จ้าวหวนพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ค่ะ”
…
หลังจากที่โทรไปได้สักพักพวกเขาก็มาถึง
คนแรกที่มาถึงคือเหอชางเหวิน เหอชางเหวินถือแล็ปท็อปข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเขาถือกระดาษร่างจดหมายเอาไว้ เขาสะพายกระเป๋าเป้เอาไว้ด้านหลัง เขาเหมือนคนที่มาที่นี่อย่างรีบร้อน
เขากำลังค้นคว้าอยู่ในห้องสมุดตอนที่ได้รับโทรศัพท์
เมื่อเขาได้ยินผู้ช่วยจ้าวบอกว่าลู่โจวต้องการบางอย่างจากเขา เหอชางเหวินก็รีบออกจากห้องสมุดทันที
เขาเคยเรียนภายใต้ศาสตราจารย์ลู่มาหลายปีแล้ว ในที่สุดศาสตราจารย์ลู่ก็ต้องการความช่วยเหลือจากเขาสักที มันทำเขาเกือบจะร้องไห้ออกมา
ในที่สุด!
นี่เป็นโอกาสของฉันที่จะเปล่งประกายแล้วสินะ!
เขาเดินเข้าไปในออฟฟิศและพูดด้วยอารมณ์ที่สดใส
“ศาสตราจารย์! คุณต้องการให้ผมทำอะไร? ผมจะพยายามให้ดีที่สุด!”
ลู่โจวมองไปที่เหอชางเหวินและยิ้มให้
“ไม่ต้องห่วง ผมจะบอกตอนคนอื่นมาถึง”
เหอชางเหวินตัวแข็งทื่อทันที
“…คนอื่นเหรอ?”
“ใช่” ลู่โจวมองเขาอย่างประหลาด และพูดว่า “มีอะไรเหรอ?”
เหอชางเหวินยิ้มอย่างไม่เต็มใจในขณะที่เขาพูดช้าๆ
“…ไม่มีอะไรครับ”
ไม่รู้เพราะอะไรลู่โจวรู้สึกว่าเหอชางเหวินเริ่มมีความกระตือรือร้นน้อยลง
ประตูออฟฟิศได้ถูกเปิดออก และหานเมิ่งฉีเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือเรียนในอ้อมแขนของเธอ เธอมองไปที่ศาสตราจารย์ลู่และถามเบาๆ “คุณต้องการพบฉันเหรอคะ?”
“มีงานบางอย่างที่ฉันต้องการให้คุณทำ…” ลู่โจวพูดกับศาสตราจารย์เฉินหยาง รวมถึงนักเรียนคนอื่นๆ ในออฟฟิศ เขาพูดต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้ก็มาครบกันแล้ว เรามาเริ่มกันเถอะ”
ลู่โจวกระแอมและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตอนที่ฉันค้นคว้าฟังก์ชันซีตาของรีมันน์โดยใช้วิธีการประมาณเส้นวิกฤต ฉันพยายามนำท่อร่วมที่แตกต่างกันเข้าไปในระนาบเชิงซ้อน ซึ่งแก้สมการย่อยของค่าศูนย์ที่ไม่สำคัญ
“ผมแน่ใจว่าพวกคุณทุกคนคงได้อ่านบทความนี้แล้ว ดังนั้นผมจะไม่พูดซ้ำ คุณจะเห็นได้ว่านอกจากการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนแล้ว สมการเชิงอนุพันธ์ย่อย และวิธีการเรขาคณิตเชิงอนุพันธ์พวกนี้ ผมยังใช้เรขาคณิตเกี่ยวกับพีชคณิตในการพิสูจน์ด้วย”
ลู่โจวหยุดครู่หนึ่งให้เวลานักเรียนในการแยกแยะข้อมูล จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “อันที่จริงถ้าพูดให้เห็นภาพคือ ผมได้สร้างสะพานเชื่อมระหว่างตัวเลขและรูปทรงแล้ว”
“สะพานนี้ชัดเจนมาก และผมสามารถอธิบายมันได้ ในฐานะนักเรียนของผม พวกคุณน่าจะรู้ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร อย่างน้อยคุณควรจะมองโครงร่างของสะพานออกได้”
“และสะพานคือเป้าหมายของเรา”
นักเรียนงงงันขณะที่ลู่โจวพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จากนี้ไปพวกคุณทุกคนจะมีภารกิจที่สำคัญ”
“ภารกิจเกี่ยวข้องกับอนาคตของคุณ เช่นเดียวกับอนาคตของมหาวิทยาลัยจินหลิง และแม้แต่อนาคตของคณิตศาสตร์ด้วย…”
ลู่โจวมองดูใบหน้าประหม่าและพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายมากขึ้น
“อย่ากังวลไป ผมประเมินความสามารถคร่าวๆ ของพวกคุณแล้ว ผมจะไม่มอบหมายงานที่เกินความสามารถหรอก แต่ผมหวังว่าทุกคนๆ จะพยายามอย่างเต็มที่นะ”
“ผมยื่นข้อเสนอการวิจัยเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ผมจะให้ข้อมูลเฉพาะกับคุณในตอนนี้
“ผมจะจบโปรเจกต์ภายในปีนี้
“เราจะรวมพีชคณิตและเรขาคณิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้!”
…………………………