หยางเฟยเฟยเป็นคนทำงานที่ใส่ชุดพนักงานคอปกสีขาวเหมือนอย่างคนทั่วไป เธอใช้ชีวิตอย่างธรรมดาเมื่อเดือนก่อน แต่วันหนึ่งบนหน้าเทรนด์ของเว่ยป๋อ เธอได้เห็นบล็อกโพสต์เกี่ยวกับแอปพลิเคชันการทดสอบการจำลองภาพเสมือนจริงของสตาร์สกายเทคโนโลยี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับระบบแฟนท่อมและระบบต่อประสานระบบประสาทที่กำลังจะเปลี่ยนอนาคตของสังคมมนุษย์ไป แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเกมมากนัก แต่เธอก็รู้สึกทึ่งกับความคิดที่จะได้สัมผัสกับอีกโลกหนึ่งมาก ดังนั้นเธอจึงรีบไปลงทะเบียน จากนั้น… เธอก็ตระหนักว่าเธอได้กลายมาเป็นหนึ่งในสองร้อยจากยี่สิบล้านคนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมสตาร์สกายเทคโนโลยีในการทดสอบระบบ บอกตามตรง การทดสอบรอบแรกนั้นถือว่าน่าเบื่อเอามากเลยทีเดียว มันน่าเบื่อที่จะทำเดิมๆ เหมือนอย่างในชีวิตจริงหรือในโลกเสมือนจริงก็ตาม แต่สตาร์สกายเทคโนโลยีได้มอบตั๋วไปกลับและที่พักโรงแรมระดับห้าดาวให้เธอ เธอจึงเข้าร่วมในการทดสอบเพื่อเป็นการพักร้อน และเธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับระบบแฟนท่อมมากสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็เป็นเพียงการทดลองของเธอในสัปดาห์แรกเท่านั้น เมื่อการทดสอบรอบพิเศษได้มาถึงครั้งที่สองมาถึง ความประทับใจของเธอที่มีต่อระบบแฟนท่อมก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หรือกล่าวก็คือเธอรู้สึกประหลาดใจกับมันมากๆ ป่าไม้ที่อยู่ต่อหน้าผู้ทดสอบนั้นสมจริงมากๆ อย่างที่มันควรจะเป็น ลมที่พัดผ่านใบหน้าของพวกเขา แสงแดดที่ลอดผ่านระหว่างกิ่งไม้ ทุกอย่างดูสมจริงไปหมด ผู้ทดสอบคนอื่นๆ ก็อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับเธอเช่นกัน ในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายของสตาร์สกายเทคโนโลยีที่บอกว่า ‘สัมผัสกับอีกโลกหนึ่ง’ แล้ว มันอาจจะเรียกได้ว่าพวกเขากำลังสร้างโลกอีกใบขึ้นมา พวกเขาสร้างป่าที่แทบจะแยกไม่ออกจากความจริง หยางเฟยเฟยรู้สึกว่าการทดสอบรอบนี้แทบจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ถ้าหากมันไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน… การเกิดเหตุการณ์นั้นมันทำให้ทำลายอารมณ์ของเธออย่างมาก เมื่อซอมบี้หน้าเน่าเฟะวิ่งออกจากป่าเธอก็แข็งกลายเป็นหินทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นคนแรกถูกซอมบี้กัดที่คอ เธอได้เป็นลมและถอดอุปกรณ์ออกไปทันที เมื่อเธอถามนักวิจัยในห้องทดลองด้วยความโกรธว่าซอมบี้มาได้อย่างไร คำตอบเดียวที่เธอได้รับคือ ‘มันเป็นอุบัติเหตุ’ และพวกเขากำลัง ‘สืบสวนอยู่’ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ขึ้นกว่าเดิม สำหรับเธอแล้วนี่หมายความว่ามีคนใส่รหัสและเอาซอมบี้ลงในเซิร์ฟเวอร์สตาร์สกายเทคโนโลยี เธอคิดว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้ซอมบี้กับผู้ทดสอบตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว! และพวกเขาจงใจไม่แจ้งให้ผู้ทดสอบทราบล่วงหน้า! เมื่อเธอกลับถึงโรงแรมเธอจึงเขียนโพสต์ในเว่ยป๋อเพื่อบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าเธอจะมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่สิบนาทีหลังจากที่เธอโพสต์บล็อกออกไป เธอได้รับข้อความส่วนตัวเข้ามา บุคคลดังกล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวและทิ้งข้อมูลการติดต่อวีแชทไว้ให้กับเธอ เขาบอกว่าต้องการคุยกับเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบครั้งนั้น แม้ว่าเธอจะสับสนว่านักข่าวหาเธอเจอได้อย่างไร แต่เธอก็เพิ่มวีแชทของคนนั้นอยู่ดี เธอแค่ต้องการระบายและบ่นให้กับใครสักคนเท่านั้น หลังจากที่เธออธิบายสถานการณ์สั้นๆ ผ่านข้อความ นักข่าววีแชทก็โทรมาหาเธอ “ฉันจะให้เงินคุณหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ คุณแค่ต้องทำสิ่งเดียวเท่านั้น” หยางเฟยเฟยดึงสติกลับและถามว่า “อะไรนะ?” นักข่าวยิ้มและพูดว่า “คุณได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมระหว่างการทดสอบใช่ไหม? สิ่งที่คุณต้องทำนั้นง่ายนิดเดียว แค่ฟ้องสตาร์สกายเทคโนโลยีเรื่องความทุกข์ทางอารมณ์ที่คุณได้รับ” หยางเฟยเฟยตกตะลึงไปสักครู่ “ฟ้องสตาร์สกายเทคโนโลยีเหรอ? นี่คุณบ้าหรือเปล่า?” แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจในระหว่างการทดสอบ แต่การฟ้องร้องนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่มากเกินไป เธอไม่ได้คิดที่จะฟ้องร้องเลยสักนิด ชายคนนั้นยิ้มและส่ายหัว “แน่นอนว่าไม่ ผมไม่ได้ขอให้คุณชนะคดี คุณแค่ต้องยื่นฟ้องเฉยๆ คุณอาจก็อาจจะโดนฟ้องกลับ แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด คุณต้องบอกกับสาธารณชนว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นบริษัทที่โหดเหี้ยมที่ทำการทดลองที่ผิดจรรยาบรรณกับมนุษย์โดยไม่มีการรับประกันถึงความปลอดภัย…” หยางเฟยเฟยเงียบไป พูดตามตรง เงินหนึ่งล้านเหรียญเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับคนทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนแบบเธอแล้ว เงินก้อนนี้เพียงพอที่จะซื้อบ้านในเซี่ยงไฮ้ได้สักหลังเลย เธอไม่ได้สนใจเรื่องการสูญเสียคุณสมบัติการทดสอบเลยสักนิด เพราะเธอเข้าร่วมโปรเจกต์นี่ตามคนอื่นๆ เท่านั้น เธอค่อนไปทางเลือกเงินหนึ่งล้านเหรียญแทน อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีของฟรีในโลก เธอกำลังจะต่อต้านบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ ดังนั้นแม้ว่าบริษัทนี้จะไม่ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายในการจัดการกับเธอ แต่สิ่งนี้ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี หยางเฟยเฟยกลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พวกคุณต้องการอะไร” “มันสำคัญเหรอ?” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณต้องการเหตุผลที่จะโน้มน้าวใจตัวเองก็ให้บอกตัวเองว่าคุณกำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมสำหรับคนที่ไม่มีเสียงเหล่านั้น ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่คงไม่ชอบให้ซอมบี้มาเขมือบที่หน้าพวกเขาแน่นอน” หยางเฟยเฟย “ฉันขอถามอีกคำถามหนึ่ง… พวกคุณเป็นใคร?” “ไม่ต้องรู้หรอก นี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจเท่านั้น” หยางเฟยเฟยพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกคุณเป็นใคร ทำไมฉันต้องเชื่อว่าคุณจะจ่ายด้วยล่ะ?” “นั่นคือสิ่งที่คุณกังวลใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจัดการให้” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ขอบัญชีธนาคารของคุณหน่อสิ “เราจ่ายให้ก่อนก็ได้” ………………………………
หยางเฟยเฟยเป็นคนทำงานที่ใส่ชุดพนักงานคอปกสีขาวเหมือนอย่างคนทั่วไป
เธอใช้ชีวิตอย่างธรรมดาเมื่อเดือนก่อน
แต่วันหนึ่งบนหน้าเทรนด์ของเว่ยป๋อ เธอได้เห็นบล็อกโพสต์เกี่ยวกับแอปพลิเคชันการทดสอบการจำลองภาพเสมือนจริงของสตาร์สกายเทคโนโลยี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับระบบแฟนท่อมและระบบต่อประสานระบบประสาทที่กำลังจะเปลี่ยนอนาคตของสังคมมนุษย์ไป
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเกมมากนัก แต่เธอก็รู้สึกทึ่งกับความคิดที่จะได้สัมผัสกับอีกโลกหนึ่งมาก
ดังนั้นเธอจึงรีบไปลงทะเบียน
จากนั้น…
เธอก็ตระหนักว่าเธอได้กลายมาเป็นหนึ่งในสองร้อยจากยี่สิบล้านคนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมสตาร์สกายเทคโนโลยีในการทดสอบระบบ
บอกตามตรง การทดสอบรอบแรกนั้นถือว่าน่าเบื่อเอามากเลยทีเดียว
มันน่าเบื่อที่จะทำเดิมๆ เหมือนอย่างในชีวิตจริงหรือในโลกเสมือนจริงก็ตาม
แต่สตาร์สกายเทคโนโลยีได้มอบตั๋วไปกลับและที่พักโรงแรมระดับห้าดาวให้เธอ เธอจึงเข้าร่วมในการทดสอบเพื่อเป็นการพักร้อน และเธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับระบบแฟนท่อมมากสักเท่าไหร่
แต่นั่นก็เป็นเพียงการทดลองของเธอในสัปดาห์แรกเท่านั้น
เมื่อการทดสอบรอบพิเศษได้มาถึงครั้งที่สองมาถึง ความประทับใจของเธอที่มีต่อระบบแฟนท่อมก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หรือกล่าวก็คือเธอรู้สึกประหลาดใจกับมันมากๆ
ป่าไม้ที่อยู่ต่อหน้าผู้ทดสอบนั้นสมจริงมากๆ อย่างที่มันควรจะเป็น ลมที่พัดผ่านใบหน้าของพวกเขา แสงแดดที่ลอดผ่านระหว่างกิ่งไม้ ทุกอย่างดูสมจริงไปหมด
ผู้ทดสอบคนอื่นๆ ก็อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับเธอเช่นกัน
ในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายของสตาร์สกายเทคโนโลยีที่บอกว่า ‘สัมผัสกับอีกโลกหนึ่ง’ แล้ว
มันอาจจะเรียกได้ว่าพวกเขากำลังสร้างโลกอีกใบขึ้นมา
พวกเขาสร้างป่าที่แทบจะแยกไม่ออกจากความจริง
หยางเฟยเฟยรู้สึกว่าการทดสอบรอบนี้แทบจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง
ถ้าหากมันไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน…
การเกิดเหตุการณ์นั้นมันทำให้ทำลายอารมณ์ของเธออย่างมาก
เมื่อซอมบี้หน้าเน่าเฟะวิ่งออกจากป่าเธอก็แข็งกลายเป็นหินทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นคนแรกถูกซอมบี้กัดที่คอ เธอได้เป็นลมและถอดอุปกรณ์ออกไปทันที
เมื่อเธอถามนักวิจัยในห้องทดลองด้วยความโกรธว่าซอมบี้มาได้อย่างไร คำตอบเดียวที่เธอได้รับคือ ‘มันเป็นอุบัติเหตุ’ และพวกเขากำลัง ‘สืบสวนอยู่’
มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ขึ้นกว่าเดิม
สำหรับเธอแล้วนี่หมายความว่ามีคนใส่รหัสและเอาซอมบี้ลงในเซิร์ฟเวอร์สตาร์สกายเทคโนโลยี
เธอคิดว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้ซอมบี้กับผู้ทดสอบตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว!
และพวกเขาจงใจไม่แจ้งให้ผู้ทดสอบทราบล่วงหน้า!
เมื่อเธอกลับถึงโรงแรมเธอจึงเขียนโพสต์ในเว่ยป๋อเพื่อบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
แม้ว่าเธอจะมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่สิบนาทีหลังจากที่เธอโพสต์บล็อกออกไป เธอได้รับข้อความส่วนตัวเข้ามา
บุคคลดังกล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวและทิ้งข้อมูลการติดต่อวีแชทไว้ให้กับเธอ เขาบอกว่าต้องการคุยกับเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบครั้งนั้น
แม้ว่าเธอจะสับสนว่านักข่าวหาเธอเจอได้อย่างไร แต่เธอก็เพิ่มวีแชทของคนนั้นอยู่ดี เธอแค่ต้องการระบายและบ่นให้กับใครสักคนเท่านั้น
หลังจากที่เธออธิบายสถานการณ์สั้นๆ ผ่านข้อความ นักข่าววีแชทก็โทรมาหาเธอ
“ฉันจะให้เงินคุณหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ คุณแค่ต้องทำสิ่งเดียวเท่านั้น”
หยางเฟยเฟยดึงสติกลับและถามว่า “อะไรนะ?”
นักข่าวยิ้มและพูดว่า “คุณได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมระหว่างการทดสอบใช่ไหม? สิ่งที่คุณต้องทำนั้นง่ายนิดเดียว แค่ฟ้องสตาร์สกายเทคโนโลยีเรื่องความทุกข์ทางอารมณ์ที่คุณได้รับ”
หยางเฟยเฟยตกตะลึงไปสักครู่
“ฟ้องสตาร์สกายเทคโนโลยีเหรอ? นี่คุณบ้าหรือเปล่า?”
แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจในระหว่างการทดสอบ แต่การฟ้องร้องนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่มากเกินไป
เธอไม่ได้คิดที่จะฟ้องร้องเลยสักนิด
ชายคนนั้นยิ้มและส่ายหัว
“แน่นอนว่าไม่ ผมไม่ได้ขอให้คุณชนะคดี คุณแค่ต้องยื่นฟ้องเฉยๆ คุณอาจก็อาจจะโดนฟ้องกลับ แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด คุณต้องบอกกับสาธารณชนว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นบริษัทที่โหดเหี้ยมที่ทำการทดลองที่ผิดจรรยาบรรณกับมนุษย์โดยไม่มีการรับประกันถึงความปลอดภัย…”
หยางเฟยเฟยเงียบไป
พูดตามตรง เงินหนึ่งล้านเหรียญเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับคนทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนแบบเธอแล้ว เงินก้อนนี้เพียงพอที่จะซื้อบ้านในเซี่ยงไฮ้ได้สักหลังเลย
เธอไม่ได้สนใจเรื่องการสูญเสียคุณสมบัติการทดสอบเลยสักนิด เพราะเธอเข้าร่วมโปรเจกต์นี่ตามคนอื่นๆ เท่านั้น เธอค่อนไปทางเลือกเงินหนึ่งล้านเหรียญแทน
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีของฟรีในโลก
เธอกำลังจะต่อต้านบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ ดังนั้นแม้ว่าบริษัทนี้จะไม่ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายในการจัดการกับเธอ แต่สิ่งนี้ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี
หยางเฟยเฟยกลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พวกคุณต้องการอะไร”
“มันสำคัญเหรอ?” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณต้องการเหตุผลที่จะโน้มน้าวใจตัวเองก็ให้บอกตัวเองว่าคุณกำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมสำหรับคนที่ไม่มีเสียงเหล่านั้น ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่คงไม่ชอบให้ซอมบี้มาเขมือบที่หน้าพวกเขาแน่นอน”
หยางเฟยเฟย “ฉันขอถามอีกคำถามหนึ่ง… พวกคุณเป็นใคร?”
“ไม่ต้องรู้หรอก นี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจเท่านั้น”
หยางเฟยเฟยพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกคุณเป็นใคร ทำไมฉันต้องเชื่อว่าคุณจะจ่ายด้วยล่ะ?”
“นั่นคือสิ่งที่คุณกังวลใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจัดการให้” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ขอบัญชีธนาคารของคุณหน่อสิ
“เราจ่ายให้ก่อนก็ได้”
………………………………