Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 1102 เราจ่ายก่อนได้

หยางเฟยเฟยเป็นคนทำงานที่ใส่ชุดพนักงานคอปกสีขาวเหมือนอย่างคนทั่วไป เธอใช้ชีวิตอย่างธรรมดาเมื่อเดือนก่อน แต่วันหนึ่งบนหน้าเทรนด์ของเว่ยป๋อ เธอได้เห็นบล็อกโพสต์เกี่ยวกับแอปพลิเคชันการทดสอบการจำลองภาพเสมือนจริงของสตาร์สกายเทคโนโลยี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับระบบแฟนท่อมและระบบต่อประสานระบบประสาทที่กำลังจะเปลี่ยนอนาคตของสังคมมนุษย์ไป แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเกมมากนัก แต่เธอก็รู้สึกทึ่งกับความคิดที่จะได้สัมผัสกับอีกโลกหนึ่งมาก ดังนั้นเธอจึงรีบไปลงทะเบียน จากนั้น… เธอก็ตระหนักว่าเธอได้กลายมาเป็นหนึ่งในสองร้อยจากยี่สิบล้านคนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมสตาร์สกายเทคโนโลยีในการทดสอบระบบ บอกตามตรง การทดสอบรอบแรกนั้นถือว่าน่าเบื่อเอามากเลยทีเดียว มันน่าเบื่อที่จะทำเดิมๆ เหมือนอย่างในชีวิตจริงหรือในโลกเสมือนจริงก็ตาม แต่สตาร์สกายเทคโนโลยีได้มอบตั๋วไปกลับและที่พักโรงแรมระดับห้าดาวให้เธอ เธอจึงเข้าร่วมในการทดสอบเพื่อเป็นการพักร้อน และเธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับระบบแฟนท่อมมากสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็เป็นเพียงการทดลองของเธอในสัปดาห์แรกเท่านั้น เมื่อการทดสอบรอบพิเศษได้มาถึงครั้งที่สองมาถึง ความประทับใจของเธอที่มีต่อระบบแฟนท่อมก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หรือกล่าวก็คือเธอรู้สึกประหลาดใจกับมันมากๆ ป่าไม้ที่อยู่ต่อหน้าผู้ทดสอบนั้นสมจริงมากๆ อย่างที่มันควรจะเป็น ลมที่พัดผ่านใบหน้าของพวกเขา แสงแดดที่ลอดผ่านระหว่างกิ่งไม้ ทุกอย่างดูสมจริงไปหมด ผู้ทดสอบคนอื่นๆ ก็อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับเธอเช่นกัน ในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายของสตาร์สกายเทคโนโลยีที่บอกว่า ‘สัมผัสกับอีกโลกหนึ่ง’ แล้ว มันอาจจะเรียกได้ว่าพวกเขากำลังสร้างโลกอีกใบขึ้นมา พวกเขาสร้างป่าที่แทบจะแยกไม่ออกจากความจริง หยางเฟยเฟยรู้สึกว่าการทดสอบรอบนี้แทบจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ถ้าหากมันไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน… การเกิดเหตุการณ์นั้นมันทำให้ทำลายอารมณ์ของเธออย่างมาก เมื่อซอมบี้หน้าเน่าเฟะวิ่งออกจากป่าเธอก็แข็งกลายเป็นหินทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นคนแรกถูกซอมบี้กัดที่คอ เธอได้เป็นลมและถอดอุปกรณ์ออกไปทันที เมื่อเธอถามนักวิจัยในห้องทดลองด้วยความโกรธว่าซอมบี้มาได้อย่างไร คำตอบเดียวที่เธอได้รับคือ ‘มันเป็นอุบัติเหตุ’ และพวกเขากำลัง ‘สืบสวนอยู่’ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ขึ้นกว่าเดิม สำหรับเธอแล้วนี่หมายความว่ามีคนใส่รหัสและเอาซอมบี้ลงในเซิร์ฟเวอร์สตาร์สกายเทคโนโลยี เธอคิดว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้ซอมบี้กับผู้ทดสอบตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว! และพวกเขาจงใจไม่แจ้งให้ผู้ทดสอบทราบล่วงหน้า! เมื่อเธอกลับถึงโรงแรมเธอจึงเขียนโพสต์ในเว่ยป๋อเพื่อบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าเธอจะมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่สิบนาทีหลังจากที่เธอโพสต์บล็อกออกไป เธอได้รับข้อความส่วนตัวเข้ามา บุคคลดังกล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวและทิ้งข้อมูลการติดต่อวีแชทไว้ให้กับเธอ เขาบอกว่าต้องการคุยกับเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบครั้งนั้น แม้ว่าเธอจะสับสนว่านักข่าวหาเธอเจอได้อย่างไร แต่เธอก็เพิ่มวีแชทของคนนั้นอยู่ดี เธอแค่ต้องการระบายและบ่นให้กับใครสักคนเท่านั้น หลังจากที่เธออธิบายสถานการณ์สั้นๆ ผ่านข้อความ นักข่าววีแชทก็โทรมาหาเธอ “ฉันจะให้เงินคุณหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ คุณแค่ต้องทำสิ่งเดียวเท่านั้น” หยางเฟยเฟยดึงสติกลับและถามว่า “อะไรนะ?” นักข่าวยิ้มและพูดว่า “คุณได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมระหว่างการทดสอบใช่ไหม? สิ่งที่คุณต้องทำนั้นง่ายนิดเดียว แค่ฟ้องสตาร์สกายเทคโนโลยีเรื่องความทุกข์ทางอารมณ์ที่คุณได้รับ” หยางเฟยเฟยตกตะลึงไปสักครู่ “ฟ้องสตาร์สกายเทคโนโลยีเหรอ? นี่คุณบ้าหรือเปล่า?” แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจในระหว่างการทดสอบ แต่การฟ้องร้องนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่มากเกินไป เธอไม่ได้คิดที่จะฟ้องร้องเลยสักนิด ชายคนนั้นยิ้มและส่ายหัว “แน่นอนว่าไม่ ผมไม่ได้ขอให้คุณชนะคดี คุณแค่ต้องยื่นฟ้องเฉยๆ คุณอาจก็อาจจะโดนฟ้องกลับ แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด คุณต้องบอกกับสาธารณชนว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นบริษัทที่โหดเหี้ยมที่ทำการทดลองที่ผิดจรรยาบรรณกับมนุษย์โดยไม่มีการรับประกันถึงความปลอดภัย…” หยางเฟยเฟยเงียบไป พูดตามตรง เงินหนึ่งล้านเหรียญเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับคนทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนแบบเธอแล้ว เงินก้อนนี้เพียงพอที่จะซื้อบ้านในเซี่ยงไฮ้ได้สักหลังเลย เธอไม่ได้สนใจเรื่องการสูญเสียคุณสมบัติการทดสอบเลยสักนิด เพราะเธอเข้าร่วมโปรเจกต์นี่ตามคนอื่นๆ เท่านั้น เธอค่อนไปทางเลือกเงินหนึ่งล้านเหรียญแทน อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีของฟรีในโลก เธอกำลังจะต่อต้านบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ ดังนั้นแม้ว่าบริษัทนี้จะไม่ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายในการจัดการกับเธอ แต่สิ่งนี้ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี หยางเฟยเฟยกลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พวกคุณต้องการอะไร” “มันสำคัญเหรอ?” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณต้องการเหตุผลที่จะโน้มน้าวใจตัวเองก็ให้บอกตัวเองว่าคุณกำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมสำหรับคนที่ไม่มีเสียงเหล่านั้น ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่คงไม่ชอบให้ซอมบี้มาเขมือบที่หน้าพวกเขาแน่นอน” หยางเฟยเฟย “ฉันขอถามอีกคำถามหนึ่ง… พวกคุณเป็นใคร?” “ไม่ต้องรู้หรอก นี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจเท่านั้น” หยางเฟยเฟยพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกคุณเป็นใคร ทำไมฉันต้องเชื่อว่าคุณจะจ่ายด้วยล่ะ?” “นั่นคือสิ่งที่คุณกังวลใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจัดการให้” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ขอบัญชีธนาคารของคุณหน่อสิ “เราจ่ายให้ก่อนก็ได้” ………………………………

หยางเฟยเฟยเป็นคนทำงานที่ใส่ชุดพนักงานคอปกสีขาวเหมือนอย่างคนทั่วไป

เธอใช้ชีวิตอย่างธรรมดาเมื่อเดือนก่อน

แต่วันหนึ่งบนหน้าเทรนด์ของเว่ยป๋อ เธอได้เห็นบล็อกโพสต์เกี่ยวกับแอปพลิเคชันการทดสอบการจำลองภาพเสมือนจริงของสตาร์สกายเทคโนโลยี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับระบบแฟนท่อมและระบบต่อประสานระบบประสาทที่กำลังจะเปลี่ยนอนาคตของสังคมมนุษย์ไป

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเกมมากนัก แต่เธอก็รู้สึกทึ่งกับความคิดที่จะได้สัมผัสกับอีกโลกหนึ่งมาก

ดังนั้นเธอจึงรีบไปลงทะเบียน

จากนั้น…

เธอก็ตระหนักว่าเธอได้กลายมาเป็นหนึ่งในสองร้อยจากยี่สิบล้านคนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมสตาร์สกายเทคโนโลยีในการทดสอบระบบ

บอกตามตรง การทดสอบรอบแรกนั้นถือว่าน่าเบื่อเอามากเลยทีเดียว

มันน่าเบื่อที่จะทำเดิมๆ เหมือนอย่างในชีวิตจริงหรือในโลกเสมือนจริงก็ตาม

แต่สตาร์สกายเทคโนโลยีได้มอบตั๋วไปกลับและที่พักโรงแรมระดับห้าดาวให้เธอ เธอจึงเข้าร่วมในการทดสอบเพื่อเป็นการพักร้อน และเธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับระบบแฟนท่อมมากสักเท่าไหร่

แต่นั่นก็เป็นเพียงการทดลองของเธอในสัปดาห์แรกเท่านั้น

เมื่อการทดสอบรอบพิเศษได้มาถึงครั้งที่สองมาถึง ความประทับใจของเธอที่มีต่อระบบแฟนท่อมก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

หรือกล่าวก็คือเธอรู้สึกประหลาดใจกับมันมากๆ

ป่าไม้ที่อยู่ต่อหน้าผู้ทดสอบนั้นสมจริงมากๆ อย่างที่มันควรจะเป็น ลมที่พัดผ่านใบหน้าของพวกเขา แสงแดดที่ลอดผ่านระหว่างกิ่งไม้ ทุกอย่างดูสมจริงไปหมด

ผู้ทดสอบคนอื่นๆ ก็อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับเธอเช่นกัน

ในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายของสตาร์สกายเทคโนโลยีที่บอกว่า ‘สัมผัสกับอีกโลกหนึ่ง’ แล้ว

มันอาจจะเรียกได้ว่าพวกเขากำลังสร้างโลกอีกใบขึ้นมา

พวกเขาสร้างป่าที่แทบจะแยกไม่ออกจากความจริง

หยางเฟยเฟยรู้สึกว่าการทดสอบรอบนี้แทบจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง

ถ้าหากมันไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน…

การเกิดเหตุการณ์นั้นมันทำให้ทำลายอารมณ์ของเธออย่างมาก

เมื่อซอมบี้หน้าเน่าเฟะวิ่งออกจากป่าเธอก็แข็งกลายเป็นหินทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นคนแรกถูกซอมบี้กัดที่คอ เธอได้เป็นลมและถอดอุปกรณ์ออกไปทันที

เมื่อเธอถามนักวิจัยในห้องทดลองด้วยความโกรธว่าซอมบี้มาได้อย่างไร คำตอบเดียวที่เธอได้รับคือ ‘มันเป็นอุบัติเหตุ’ และพวกเขากำลัง ‘สืบสวนอยู่’

มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ขึ้นกว่าเดิม

สำหรับเธอแล้วนี่หมายความว่ามีคนใส่รหัสและเอาซอมบี้ลงในเซิร์ฟเวอร์สตาร์สกายเทคโนโลยี

เธอคิดว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้ซอมบี้กับผู้ทดสอบตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว!

และพวกเขาจงใจไม่แจ้งให้ผู้ทดสอบทราบล่วงหน้า!

เมื่อเธอกลับถึงโรงแรมเธอจึงเขียนโพสต์ในเว่ยป๋อเพื่อบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้

แม้ว่าเธอจะมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่สิบนาทีหลังจากที่เธอโพสต์บล็อกออกไป เธอได้รับข้อความส่วนตัวเข้ามา

บุคคลดังกล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวและทิ้งข้อมูลการติดต่อวีแชทไว้ให้กับเธอ เขาบอกว่าต้องการคุยกับเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบครั้งนั้น

แม้ว่าเธอจะสับสนว่านักข่าวหาเธอเจอได้อย่างไร แต่เธอก็เพิ่มวีแชทของคนนั้นอยู่ดี เธอแค่ต้องการระบายและบ่นให้กับใครสักคนเท่านั้น

หลังจากที่เธออธิบายสถานการณ์สั้นๆ ผ่านข้อความ นักข่าววีแชทก็โทรมาหาเธอ

“ฉันจะให้เงินคุณหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ คุณแค่ต้องทำสิ่งเดียวเท่านั้น”

หยางเฟยเฟยดึงสติกลับและถามว่า “อะไรนะ?”

นักข่าวยิ้มและพูดว่า “คุณได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมระหว่างการทดสอบใช่ไหม? สิ่งที่คุณต้องทำนั้นง่ายนิดเดียว แค่ฟ้องสตาร์สกายเทคโนโลยีเรื่องความทุกข์ทางอารมณ์ที่คุณได้รับ”

หยางเฟยเฟยตกตะลึงไปสักครู่

“ฟ้องสตาร์สกายเทคโนโลยีเหรอ? นี่คุณบ้าหรือเปล่า?”

แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจในระหว่างการทดสอบ แต่การฟ้องร้องนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่มากเกินไป

เธอไม่ได้คิดที่จะฟ้องร้องเลยสักนิด

ชายคนนั้นยิ้มและส่ายหัว

“แน่นอนว่าไม่ ผมไม่ได้ขอให้คุณชนะคดี คุณแค่ต้องยื่นฟ้องเฉยๆ คุณอาจก็อาจจะโดนฟ้องกลับ แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด คุณต้องบอกกับสาธารณชนว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นบริษัทที่โหดเหี้ยมที่ทำการทดลองที่ผิดจรรยาบรรณกับมนุษย์โดยไม่มีการรับประกันถึงความปลอดภัย…”

หยางเฟยเฟยเงียบไป

พูดตามตรง เงินหนึ่งล้านเหรียญเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับคนทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนแบบเธอแล้ว เงินก้อนนี้เพียงพอที่จะซื้อบ้านในเซี่ยงไฮ้ได้สักหลังเลย

เธอไม่ได้สนใจเรื่องการสูญเสียคุณสมบัติการทดสอบเลยสักนิด เพราะเธอเข้าร่วมโปรเจกต์นี่ตามคนอื่นๆ เท่านั้น เธอค่อนไปทางเลือกเงินหนึ่งล้านเหรียญแทน

อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีของฟรีในโลก

เธอกำลังจะต่อต้านบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ ดังนั้นแม้ว่าบริษัทนี้จะไม่ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายในการจัดการกับเธอ แต่สิ่งนี้ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี

หยางเฟยเฟยกลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“พวกคุณต้องการอะไร”

“มันสำคัญเหรอ?” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณต้องการเหตุผลที่จะโน้มน้าวใจตัวเองก็ให้บอกตัวเองว่าคุณกำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมสำหรับคนที่ไม่มีเสียงเหล่านั้น ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่คงไม่ชอบให้ซอมบี้มาเขมือบที่หน้าพวกเขาแน่นอน”

หยางเฟยเฟย “ฉันขอถามอีกคำถามหนึ่ง… พวกคุณเป็นใคร?”

“ไม่ต้องรู้หรอก นี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจเท่านั้น”

หยางเฟยเฟยพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกคุณเป็นใคร ทำไมฉันต้องเชื่อว่าคุณจะจ่ายด้วยล่ะ?”

“นั่นคือสิ่งที่คุณกังวลใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจัดการให้” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ขอบัญชีธนาคารของคุณหน่อสิ

“เราจ่ายให้ก่อนก็ได้”

………………………………

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

The Overachiever's Black Tech System, 学霸的黑科技系统
Score 6.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Scholar’s Advanced Technological Systemหลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล “ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?” “ไม่ได้” “เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?” “ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset