เมื่อลู่โจวมอบความรับผิดชอบในการสำรวจวอยด์เมมโมรี่ให้กับกลุ่ม ‘เกมเมอร์’ เขารู้สึกว่าในที่สุดเขาก็เป็นอิสระจากการถูกยิงจนตายเสียที ในที่สุดเขาก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าเขาจะอยากรู้ว่าทำไมออราเคิลของศาสตราจารย์เลนจึงส่งผลต่อชะตากรรมของจักรวรรดิได้ แต่เขารู้ดีว่ามันต้องใช้เวลา
นี่ยังไม่พูดถึงการทดลองทางฟิสิกส์ที่สำคัญไม่แพ้กันรอเขาอีกในหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าอีกด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่โจวได้ขอให้หวังเผิงขับรถพาเขาไปที่อาคารคณะเพื่อไปเยี่ยมบ้านของผู้เฒ่าถัง
ลู่โจวเคาะประตู ผู้เฒ่าถังเห็นลู่โจวที่ประตูหน้าของเขาและตกใจ
“ทำไมถึงมาอยู่นี่ล่ะ? ฉันไม่ได้บอกให้คุณโทรหาฉันก่อนเหรอ?”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “ผมมาที่นี่ได้ ไม่มีปัญหา”
ในฐานะครูคนก่อนของเขาลู่โจวมีความเคารพต่อผู้เฒ่าถังเป็นอย่างมาก
ถ้าเขาไม่ได้เจอกับผู้เฒ่าถัง เส้นทางสู่ความสำเร็จของเขาอาจไม่ราบรื่นอย่างนี้
แม้ว่าเขาจะแซงหน้าศาสตราจารย์ถังในด้านวิชาการไปมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณสำหรับบทเรียนของศาสตราจารย์ถังตลอดเวลา
“ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้… เข้ามาสิ” ผู้เฒ่าถังมองลู่โจวที่ยืนอยู่ที่ประตูหน้าของเขาและพูดว่า “ฉันไม่มีอะไรทำทั้งวัน ฉันเลยอยากจะออกไปข้างนอกและคุยกับคุณด้วยน่ะ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่หรอก คุณควรใช้เวลาอ่านหนังสือและสอนนักเรียน ไม่ใช่มาเยี่ยมชายชราอย่างฉัน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกะจะมาอยู่แล้ว” ลู่โจวถอดรองเท้าแล้วพูดว่า “พอพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว… เมื่อวานคุณพูดถึงเรื่องอะไรเหรอครับ?”
ผู้เฒ่าถังยิ้มอย่างเชื่องช้า
“เอาล่ะ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ นั่งก่อน ฉันจะรินชาให้แล้วเราค่อยคุยกัน…”
ผู้เฒ่าถังเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลู่โจว
หลังจากฟังจบ ลู่โจวก็งงงัน
การเดาของลู่โจวนั้นถูกต้อง
ว่าเหตุผลที่ผู้เฒ่าถังนั้นทำท่าทีลึกลับตอนโทรมาก็เพราะต้องการให้เขาช่วย
“มันจำเป็นต้องตีพิมพ์หนังสือเหรอครับ? นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนยุค 50 หรือ 60 ทำกันหรอกเหรอ?”
“แน่นอนสิ ถ้าเราปล่อยโอกาสนี้ไป คนอื่นอาจจะคว้ามันไว้ก่อน” ผู้เฒ่าถังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กระฉับกระเฉง เขาพยายามที่สุดเพื่อเกลี้ยกล่อมลู่โจว “และเราไม่ต้องการอะไรจากคุณมากเกินไป ไม่ใช่ว่าตำราจะเขียนคนเดียวสักหน่อย! ฉันได้คุยกับผู้เฒ่าฉินแล้ว เราจะรวบรวมกลุ่มนักวิชาการรุ่นเยาว์จากแผนกคณิตศาสตร์ที่จะช่วยเขียนหนังสือเล่มนี้ให้”
“ถ้างั้นก็เชิญทำได้เลย ตามสบายครับไม่ต้องรอ! มันจะได้ไม่ลำบาก!”
ลู่โจวไม่สนใจที่จะถ่ายทอดความรู้ของเขา รวมถึงการที่จะสร้างโรงเรียนแห่งความคิดด้วย
การวิจัยเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
ถ้ามันสร้างคุณค่าให้กับสังคมได้ก็ดี เมื่อบุคคลสร้างคุณค่าได้เพียงพอ สังคมก็จะปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั่นเป็นเรื่องรองลงมา
แต่หลังจากที่ลู่โจวคิดถึงคำพูดของผู้เฒ่าถัง เขาก็ตระหนักว่าผู้เฒ่าถังมีเหตุมีผลแล้ว
โอกาสนี้ค่อนข้างไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะเขาไม่มีปัญหาเรื่องความสำเร็จทางคณิตศาสตร์อยู่แล้ว ไม่ว่าเด็กในอนาคตจะสร้างความก้าวหน้าทางคณิตศาสตร์ได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่านักคณิตศาสตร์ในอนาคตทำงานหนักกันแค่ไหน ไม่เกี่ยวว่าเขาจะเขียนหนังสือวิชาการหรือไม่ก็ตาม
แต่อย่างที่ผู้เฒ่าถังบอก แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขาเป็นการส่วนตัว แต่นี่เป็นโอกาสทองสำหรับแผนกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง
หนังสือเล่มนี้สามารถสร้างได้ทั้งโรงเรียนแห่งความคิดเลยทีเดียว
และในอนาคตอันไกลโพ้นนั้น ผู้คนจะเผยแพร่หลักคำสอนของลู่โจวให้มันมีอิทธิพลต่อผู้คนมากขึ้น
หลังจากที่ลู่โจวออกจากอพาร์ตเมนต์ของผู้เฒ่าถัง เขาก็ไปที่มหาวิทยาลัยจินหลิง
ระหว่างทางเขาได้คิดเกี่ยวกับวิธีการเขียนหนังสือวิชาการรวมถึงการทำงานร่วมกับคณบดีฉินเพื่อค้นหานักวิชาการรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถมาทำงานร่วมกัน
ลู่โจวบังเอิญชนเฉินหยางตรงบันไดของอาคารแผนกคณิตศาสตร์
ทันได้นั้นลู่โจวก็เกิดไอเดียขึ้นมา เขาเดินขึ้นไปแล้วถามว่า “สวัสดีตอนเช้า ทำอะไรอยู่น่ะ?”
“ผมเพิ่งมาจากโรงอาหารครับ” เฉินหยางกล่าวขณะรอให้ลู่โจวตามเขาทัน จากนั้นเขาก็พูดว่า “แล้วคุณล่ะ?”
“ผมไปบ้านอดีตอาจารย์ที่เคยสอนมาน่ะ” ลู่โจวกล่าว “คุณเคยอ่านบทความของผมเกี่ยวกับทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ไหม?”
เฉินหยางพยักหน้า
“…เคยครับ ทำไมเหรอ?”
“ผมอยากจะขออะไรหน่อย” ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “ผมมีงานให้ทำ”
เฉินหยางทำหน้าจริงจังและพูด
“โปรดบอกมากได้เลยครับ”
“ไม่ต้องกังวลไป มันไม่ยาก และมันควรจะง่ายสำหรับคุณด้วยซ้ำ” ลู่โจวยิ้มให้เฉินหยางและกล่าวว่า “เรื่องก็คือมหาวิทยาลัยจินหลิงวางแผนที่จะเผยแพร่… ทฤษฎีของหนังสือคณิตศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ และทฤษฎีบทที่เกี่ยวข้องบางส่วนเท่านั้น”
เฉินหยางขมวดคิ้วและพูดว่า “ทฤษฎีคณิตศาสตร์?”
“ใช่ หนังสือเล่มนี้จะยาวหน่อย เรายังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับจำนวนเล่ม บางทีอาจจะมีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา” ลู่โจวกล่าว เขาไม่ได้จงใจบอกเฉินหยางว่าเขาคิดชื่อหนังสือขึ้นมาเมื่อกี้ เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “และคุณที่มีความสามารถเช่นนี้ หลังจากคิดดีแล้ว ผมตัดสินใจที่จะมอบหมายงานอันรุ่งโรจน์นี้ให้คุณ!
“แน่นอนว่า ถ้าคุณไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร เพราะการเขียนหนังสือก็ไม่ใช่เรื่องง่าย—”
“ผมตกลง”
เมื่อเห็นว่าเฉินหยางตกลงได้ง่ายแค่ไหน ลู่โจวก็แทบรู้สึกผิด
ผู้ชายคนนี้โดนหลอกง่ายเกินไป
ลู่โจวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เขาเอื้อมมือออกไปตบไหล่เฉินหยาง
“ผมรู้ว่าผมเลือกคนที่ใช่แน่ๆ… ขอบคุณนะ”
พวกเขาเดินขึ้นบันไดจนถึงทางเดิน
ลู่โจวกล่าวอำลา และเริ่มเดินไปที่ห้องทำงานของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาได้ยินเสียงจากด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อน”
ลู่โจวหันกลับมาและพูดว่า “ว่าไง?”
จู่ๆ เฉินหยางก็จำบางอย่างได้ และเขาก็พูดว่า “ผมพยายามค้นคว้าวิธีที่คุณใช้ในการพิสูจน์ส่วนที่สองของข้อคาดการณ์มาตรฐานของก็อตเท็นดิ๊ก”
ลู่โจวขมวดคิ้วและพูดว่า “แล้วมีการค้นพบใหม่มั้ย?”
“…ประมาณนั้นครับ”
เฉินหยางพยักหน้าและพูด
“ผมคิดว่าผมมีไอเดียบางอย่าง…เกี่ยวกับข้อคาดการณ์ของฮ็อดจ์น่ะครับ”
……………………………