แปะๆ ๆ !
เสียงปรบมือยังคงดังไม่หยุดจนลู่โจวก้าวลงจากเวทีไป
นักเต้นสาวที่พึ่งแสดงไปเมื่อกี้ก็ปรบมือแล้วคุยกันอย่างตื่นเต้น
“ว้าว เขาเป็นแค่นักศึกษาปีสอง?!”
“โอ้ เธอไม่รู้เหรอ? เขาดังมากในมหาวิทยาลัย! เขาเป็นคนที่เป็นกระแสบนเว่ยป๋อ! อ่า ฉันว่าความสำเร็จของเขาสมควรได้รับแล้ว ฉันเห็นเขาอยู่ในห้องสมุดตลอดเลย ถ้าห้องสมุดเปิดทั้งวันทั้งคืน เขาอาจใช้ชีวิตในห้องสมุดแล้ว!”
“ไม่รู้ว่าเขาจะมีแฟนรึยัง?”
“อาจจะไม่มีนะ ทำไมเหรอ? เธอสนใจ?”
“ฮ่าๆ เธอไม่สนเหรอ?”
“ฉันมีแฟนแล้ว! เอ่อ…ถ้าเขาจีบฉัน ฉันอาจพิจารณา”
“อู…แหวะ”
“ไปไกลเลย นังสารเลว เธออยากมีเรื่อง?!”
ไม่ไกลจากตรงนั้น ที่นั่งสภานักศึกษา…
ประธานหลินอวี่เซียงจ้องมองไปที่โพเดียมแล้วปรบมือ แววตาของเธอเปล่งประกายราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ที่นั่งข้างหลินอวี่เซียงเป็นเลขาสภานักศึกษา เธอเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง และเธอก็กำลังมองผู้ได้รับรางวัลลู่โจวด้วยความเคารพเช่นกัน ทันใดนั้นเองเธอก็นึกอะไรได้แล้วหันไปถาม “รุ่นพี่ หนูได้ยินว่าลู่โจวเป็นเพื่อนร่วมทีมของรุ่นพี่ในการแข่งขัน มันเป็นเรื่องจริงไหม?”
“ใช่”
นักศึกษาสาวถามด้วยความตื่นเต้น “เขาเป็นคนแบบไหน? ไลฟ์สไตล์ของเขาต่างจากคนปกติไหม?”
หลินอวี่เซียงยิ้มแล้วมองไปทางพิธีกรบนเวที เธอเอานิ้วแตะริมฝีปากแล้วกล่าว “อืม…จริงๆ แล้วก็ไม่ต่างจากคนปกติ เขาแค่ให้บรรยากาศสงบและน่าเชื่อถือ? แต่เขาไม่รู้วิธีดูแลตัวเอง เขามักจะลืมทานข้าวและจำเป็นต้องมีคนนำข้าวมาให้…เธอจะหยุดกังวลเรื่องของเขาไม่ได้เลย ทำนองนี้แหละ”
ว้าว…
แววตาของหญิงสาวเปล่งประกายราวกับดวงดารา เธอมองประธานหลินราวกับเป็นไอดอล
นี่คือความสัมพันธ์ของคุณกับท่านเทพ!
ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะเป็นประธาน
บางทีคุณอาจเป็นเทพธิดาในตำนาน!
ห่างออกไป ผู้นำของมหาวิทยาลัยจินหลิง
แน่นอนมันไม่ใช่แค่ผู้นำมหาวิทยาลัย มีแขกรับเชิญทางวิชาการคนพิเศษมาร่วมพิธีด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างศาสตราจารย์เหรินที่นั่งข้างคณบดีฉิน
ศาสตราจารย์เหรินใส่ใจเรื่องเด็กที่มีพรสวรรค์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงอย่างมาก
นี่เป็นครั้งที่สองของปีนี้ที่เขามามหาวิทยาลัยจินหลิง
เขาไม่ได้เอ่ยปากพูดเลยตั้งแต่ที่ลู่โจวขึ้นไปพูด เขารอจนกว่าเสียงปรบมือจะหายไปกว่าจะพูดขึ้นมา “มหาวิทยาลัยจินหลิงโชคดีมาก!”
คณบดีฉินยิ้มแล้วกล่าว “ฮ่าๆ อิจฉาเหรอ?”
“ดูสิว่าคุณภูมิใจขนาดไหน” ศาสตราจารย์เหรินจ่างหมิงกล่าวขณะเหลือบมองเพื่อนเก่า เขากล่าวเสริม “ฉันคิดว่าคุณคงมีความสุขไม่ได้นานนัก อัจฉริยะประเภทนี้ไม่อยู่มหาวิทยาลัยจินหลิงนานนักหรอก”
คณบดีฉินยิ้มแล้วกล่าว “อ่า คุณไม่ต้องกังวลว่าเขาจะอยู่มหาวิทยาลัยจินหลิงนานหรือไม่ ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจินหลิง ถ้าเด็กคนนี้ได้รับเหรียญฟิลด์ เขาก็ยังอยู่ในหอแห่งเกียรติยศของมหาวิทยาลัยจินหลิง แล้วมันเกี่ยวข้องกับคุณยังไง?”
ศาสตราจารย์เฒ่าสบถออกมาประโยคหนึ่งว่า”ตาแก่ไร้ยางอาย”ก่อนจะไขว้ขาแล้วเลิกสนใจเพื่อนเก่าคนนี้
คณบดีฉินยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไร
เขามองดูสีหน้าเพื่อนเก่าแล้วรู้ว่าเพื่อนเก่าเขาอิจฉาอยู่ข้างใน
…
คนจากจินหลิงมีความสามารถจริงๆ
เมื่อลู่โจวลงจากเวที เขาก็ดูพิธีจากด้านข้าง
คนจากคณะอื่นก็ได้รางวัลบุคคลประจำปีเช่นกัน และพวกเขาก็น่าประทับใจ
ยกตัวอย่างอัจฉริยะคนนี้ เขามาจากคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขาแข็งแกร่งกว่าเพื่อนร่วมทีมของลู่โจวตอนแข่งแบบจำลองเสียอีก
เขาสอบได้เฉลี่ย 97.8 เปอร์เซ็นต์ ตอนมัธยมปลาย เขาได้เหรียญเงินในการแข่งขันโอลิมปิกวิทยาการสารสนเทศระดับนานาชาติและยังได้รับข้อเสนอเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรงจากมหาวิทยาลัยจินหลิง ช่วงซัมเมอร์ปีสอง เขาไปฝึกที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและแก้ปัญหาปลายเปิดที่เกรแฮม ผู้เชี่ยวชาญเน็กเวิร์กอินฟอร์เมชั่นซีเคียวริตี้ที่มีชื่อเสียง เป็นคนตั้งขึ้นมาได้สำเร็จ นอกจากนี้เขายังพรีเซนต์วิทยานิพนธ์ในงานประชุมวิทยาการคอมพิวเตอร์ในงาน STOC
ชายคนนี้เหนือกว่าผู้ได้รับรางวัลคนอื่นๆเสียอีก แม้แต่ลู่โจวก็ยังไม่เคยเข้าร่วมงานประชุมที่ต่างประเทศ เพราะงานประชุมที่พรินซ์ตันของเขาเป็นงานในอนาคต
แน่นอนเนื่องจากหวังเสี่ยวตงเป็นนักศึกษาปีสาม เขายังมีเวลาอีกปีหนึ่งที่จะไล่ตามคนๆนี้!
อัจฉริยะจากคณะศิลปศาสตร์ก็เปิดหูเปิดตาลู่โจวเช่นกัน เขาคิดมาเสมอว่าศิลปศาสตร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานเขียน กวีและสาขาที่เกี่ยวข้องกับถ้อยคำ เขาไม่เคยคิดเลยว่านักศึกษาศิลปศาสตร์จะน่าประทับใจพอๆกับนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์เลย
ยกตัวอย่างชายคนนี้ ในช่วงสามปีครึ่งในมหาวิทยาลัย เขาได้รับทุนการศึกษาทั้งสิ้นเก้าทุนการศึกษาซึ่งรวมถึงทุนการศึกษาอย่างทุนการศึกษา’รักการอ่าน’และรางวัลผู้เป็นเลิศด้านวิชาการ ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังเชี่ยวชาญเจ็ดภาษาและมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ SRT หกโปรเจกต์ ในช่วงปีสอง เขาได้ไปที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและมหาวิทยาลัยนิวยอร์กเพื่อฝึกอบรมภาคฤดูร้อน ในระหว่างฝึกอบรมที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เขาได้เข้าร่วมโปรเจกต์วิจัยสังคมศาสตร์อย่าง ‘การเปลี่ยนแปลงผู้ประกอบการเอกชนในประเทศจีน’
สุดยอด…
ลู่โจวปรบมือและอดรู้สึกนับถือไม่ได้…
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีคนที่สุดยอดมากมายอยู่ที่นี่ ลู่โจวมองไปรอบๆ ก็ยังไม่เห็นใครที่สุดยอดเท่าเขา
ท้ายที่สุดแล้วรัศมีของปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลกก็แข็งแกร่งเกินไป ความสำเร็จนี้เพียงอย่างเดียวก็บดขยี้คู่แข่งของเขาได้แล้ว รางวัล Higher Education Society Cup ก็ทำให้เขามีเครดิตมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์
ส่วนวิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์หลักๆทั้งสามวิทยานิพนธ์และวิทยานิพนธ์วิทยาการคอมพิวเตอร์ทั้งเก้า แม้ว่าคุณค่าของมันจะสูง แต่มันก็เหมือนเป็นเครื่องประดับ
นักศึกษาคนสุดท้ายที่ขึ้นไปบนเวทีคือนักศึกษาป้องกันราชอาณาจักร หลังจากสุนทรพจน์ผู้ได้รับรางวัลจบลง ผู้ได้รับรางวัลทุกคนก็ขึ้นบนเวทีแล้วอ่าน[คำสาบานของยุคใหม่]ด้วยกัน
หลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่สวี่ก็ขึ้นเวทีแล้วมอบประกาศนียบัตรสำหรับ’นักศึกษามหาวิทยาลัยจินหลิงแห่งปี 2014’และ’ผู้ได้รับทุนการศึกษาพิเศษตงเหลียง 2014′
ลู่โจวคิดว่าเขาจะได้รับเหรียญหรืออะไรแบบนั้น แต่มันเป็นแค่ใบรับรองหนาๆสองใบ
สุดท้ายทุกคนก็ยืนเรียงแถวโดยมีอาจารย์ใหญ่อยู่ตรงกลางแล้วถ่ายรูปหมู่กัน
นักศึกษาทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วสาบานว่าตั้งตารอปีใหม่และไล่ตามเป้าหมายและความฝันของตนเอง สุดท้ายพิธีมอบรางวัลก็จบลง…
…
หลังจากม่านถูกเลื่อนลง ลู่โจวก็กลับไปห้องหลังเวทีพร้อมกับใบรับรองสองใบ เขาแขวนชุดสูทที่ยืมมาไว้ที่ไม้แขวนเสื้อก่อนจะเปลี่ยนไปใส่เสื้อโค้ตกำมะหยี่ของเขา
แม้ว่าจินหลิงจะไม่มีหิมะช่วงมกรา แต่มันก็หนาวเสียดกระดูก
ในเวลานั้นเอง หลินอวี่เซียงก็เดินมาหาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวคุณว่าไหม?”
“ทำไมหรือ?” ลู่โจวถาม
“มหาวิทยาลัยจัดให้นักศึกษาที่เป็นเลิศไปทานอาหารร่วมกันที่ชั้นบนสุดของตึกโรงอาหาร”
ชั้นบนสุดของตึกโรงอาหาร?
สถานที่ในตำนานที่มีอาหารที่ดีที่สุด…น่าจะใช่?
ลู่โจวไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน เขาได้ยินมาว่ามันปิดไม่ให้นักศึกษาเข้า มันต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น และส่วนใหญ่มันมีไว้ให้อาจารย์และผู้นำของมหาวิทยาลัย ว่ากันว่าสภานักศึกษาจองโต๊ะที่นั่นได้ อย่างไรก็ตามมันมีราคาแพง ดังนั้นปกติแล้วพวกเขาจะไปร้านอาหารกัน
เพราะยังไงแล้วการทานข้าวที่โรงอาหารก็ไม่ได้อารมณ์เท่ากับร้านอาหาร
ลู่โจวพยักหน้าแล้วกล่าว “ตกลง เดี๋ยวผมจะไป”
เขากำลังจะไปเข้าห้องน้ำ แต่จู่ๆหลินอวี่เซียงก็หยุดเขาไว้
“รอเดี๋ยว”
ลู่โจวหันหน้าไปถาม “ครับ?”
หลินอวี่เซียงก้มหน้ามองพื้นด้วยแก้มสีแดงระเรื่อ เธอยิ้มแล้วกล่าว “ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากบอกว่าตอนคุณใส่ชุดสูท คุณหล่อมาก”
การเคลื่อนไหวนี้ถือได้เป็นนักฆ่าผู้ชาย
ผู้ชายจะไม่มีวันรู้เลยว่าผู้หญิงมีเจตนายังไงกันแน่แล้วจะเข้าใจผิด
พูดมามากพอแล้ว เป็นไปตามคาด อัจฉริยะคนนั้น’ขี้อาย’เกินไป
ลู่โจวกระแอมแล้วยิ้ม เขาเขินๆ “จริงเหรอ? ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
หลินอวี่เซียง “?”
………………………………………..