Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 1159 สถานที่ที่ฝังพระสันตะปาปาแห่งวงการคณิตศาสตร์

ต้นกำเนิดของภาพวาดของศาสตราจารย์อาเบลในสมุดยิ่งลึกลับขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าดูจากสมุดแล้ว ดูเหมือนว่านักวิชาการคนนี้คิดว่าความฝันทั้งหมดของเขามาจากพระเจ้าและไม่คิดที่จะค้นหาความหมายที่อยู่เบื้องหลังความฝันนี้

มันก็เข้าใจได้อยู่ ถ้าดูจากยุคสมัยของเขาในตอนนั้น

แม้ว่าตัวลู่โจวเองจะไม่ได้เชื่อในพระเจ้า เขาก็รู้ว่าความคิดของศาสตราจารย์อาเบลคืออะไร

การที่คิดว่าเรื่องราวลึกลับเป็นการมีอยู่ของผู้มีพลังอันสูงศักดิ์เป็นเรื่องปกติของอารยธรรมมนุษย์

จริงๆ แล้วเขาก็ทำแบบเดียวกันหรือเปล่า การที่คิดว่าระบบมาจากอารยธรรมล้ำหน้าไม่ได้ต่างไปจากการที่เชื่อว่าทุกอย่างมาจากของพระเจ้าของจักรวาล

สมมุติฐานทั้งสองไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้มาพิสูจน์การมีอยู่

ลู่โจวไม่รู้ว่าอาเบลกำจัดฝันแปลกๆ นั้นออกไปหรือจงใจที่จะไม่คิดถึงมันกันแน่ เนื้อหาที่เหลือก็เกี่ยวกับปัญหาที่ว่า ‘ยังไม่มีผลลัพธ์ที่แน่นอนของระดับห้าหรือสูงกว่าของสมการพหุนามทั่วไป’

ลู่โจวรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเกี่ยวกับปัญหานี้ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกเขียนไว้ในสมุดก็ตาม

ศาสตราจารย์อาเบลประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปี 1824 เขาประสบความสำเร็จในการสร้างชุดความสำเร็จทางคณิตศาสตร์ อย่างเช่น ทฤษฎีบทของอาเบล

แต่ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้พัฒนาชีวิตของเขา มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากวงการคณิตศาสตร์ปารีสเลยด้วยซ้ำในตอนนั้น

ในที่สุด ในฤดูใบไม้ผลิปี 1829 เขายากจนมากจนป่วยและเสียชีวิตลงภายในบ้านของคู่หมั้น ผลงานของเขาหลังจากนั้นถูกตีพิมพ์โดยครูของเขา ศาสตราจารย์โฮล์ม สิบปีให้หลัง

โลกที่เขาวาดขึ้นไม่เคยปรากฏที่ไหน

เบาะแสเดียวที่เหลืออยู่คือภาพสีน้ำมัน

โมลิน่ายืนอยู่ตรงสนามหญ้า ตอนที่เธอเห็นลู่โจวเดินออกมาจากบ้าน เธอพูด “คุณอยากจะไปที่ไหนต่อ ฉันจะอยู่กับคุณทั้งวัน”

ลู่โจว “ไม่มีที่ที่ผมอยากจะไปแล้ว

โมลิน่าเลิกคิ้ว

“แค่นี้เหรอ?”

ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า

“ใช่ ผมไม่ได้นอนทั้งคืนเลยเมื่อคืน และพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญด้วย ผมควรจะพักผ่อน”

หลังจากที่ลู่โจวบอกลาโมลิน่า เขาขึ้นรถหวังเผิงและกลับไปที่โรงแรม

เขาเข้านอนทันที

เช้าวันถัดมา รถลีมูซีนสีดำจากกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสจอดอยู่ตรงทางเข้าโรงแรมเพื่อมารับลู่โจว

เมืองแซงต์-ลิซิเยร์ที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปตั้งอยู่ที่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ซึ่งไม่ไกลจากปารีสมากนัก เนื่องจากเขาตั้งใจว่าจะกลับในวันนั้นเลย พวกเขาจึงควรออกตั้งแต่เช้า

ก่อนที่จะขึ้นรถ ลู่โจวคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศจะเตรียมบอดี้การ์ดและไกด์นำเที่ยวให้เขาด้วย แต่เขาไม่คาดคิดว่าชายที่มากับเขาจะเป็นผู้อำนวยการจัคโกบิโนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฝรั่งเศสจริงๆ

ตำแหน่งของเขาน่าจะเทียบเท่ากับผู้ควบคุมดูแลกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน

ลู่โจวไม่รู้ว่าตำแหน่งพวกนั้นหมายถึงอะไรกันแน่ แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าหัวหน้านักออกแบบและหัวหน้าที่ปรึกษาของคณะกรรมการการโคจรของดวงจันทร์หมายถึงอะไรกันแน่ แต่เท่าที่ดูจากสิ่งที่ประธานาธิบดีจีนพูด ผู้อำนวยการจัคโกบิโนอยู่ระดับเดียวกับผู้อำนวยการหลี่

ดังนั้นจัคโกบิโนจึงเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง

นอกจากถามเรื่องสารทุกข์สุกดิบก่อนขึ้นรถ ทั้งคู่ก็แทบไม่ได้คุยกันเลย

ลู่โจวพกหนังสือไปด้วย เขาไม่ได้สนใจอยากจะพูดคุยเลยแม้แต่น้อย เขาเปิดหนังสือเงียบๆ ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับจัคโกบิโนที่จะสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลใยวงการวิชาการจีน

จัคโกบิโนชำเลืองมองเวลาตรงนาฬิกาข้อมือและเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกไม่มาก เขาแอบส่งสัญญาณบอกคนขับรถเป็นภาษาฝรั่งเศสว่าให้ขับช้าๆ หลังจากนั้นเขามองลู่โจวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา และถาม “ฮาเวสท์แอนด์แพลนท์ติ้ง…ชื่อน่าสนใจดีนะครับ เป็นบทกวีเหรอ”

ลู่โจวเปิดหนังสือผ่านๆ และตอบด้วยท่าทีเป็นกันเอง “ถ้าจะให้พูดชัดๆ ก็คือ มันคืออัตชีวประวัติครับ”

อัตชีวประวัติเหรอ

จัคโกบิโนลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดต่อ

“แล้วผู้เขียนคือใครครับ”

“ศาสตราจารย์ก็อตเท็นดิ๊ก ผมไม่รู้วันมันถูกเขียนขึ้นตอนไหน…อยากให้ผมอ่านให้ฟังไหมครับ”

จัคโกบิโนยิ้มและพูดด้วยท่าทีใจดี

“มันเป็นโอกาสที่หายากมากๆ เลยที่จะได้ฟังการบรรยายจากคุณ”

ลู่โจวยิ้มให้ผู้อำนวยการจัคโกบิโน

เขารู้ว่าจัคโกบิโนพยายามจะทำอะไร

แต่เขาคงไม่ประจานที่จัคโกบิโนพยายามจะสานสัมพันธ์กับเขา ความฉลาดทางอารมณ์ของเขาไม่ได้ต่ำขนาดนั้น

เขากระแอมและอ่านย่อหน้าที่เขาชอบที่สุดในภาษาฝรั่งเศสด้วยเสียงที่หนักแน่น

“…เมื่อเราไม่ได้ใช้วิทยาศาสตร์ในฐานะเครื่องมือที่มีพลังความสามารถ แต่เพื่อการผจญภัยในการแสวงหาความรู้ เราจะได้สัมผัสถึงความสงบบริสุทธิ์จากสิ่งนี้ ในขณะที่ความสงบผันเปลี่ยนไปตามเวลา มันปรากฏให้เห็นถึงแก่นสารที่ละเอียดอ่อนของโลก…ราวกับว่ามันมาจากความว่างเปล่า”

มาจากความว่างเปล่า…

ลู่โจวรู้สึกว่าทุกครั้งที่เขาอ่านประโยคนี้ เขาเข้าใจในสิ่งที่มันพยายามจะบอกมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วความว่างเปล่าคืออะไรกันแน่

คำถามนี้ค้างคาอยู่ในใจเขา

แต่จัคโกบิโนไม่ได้ซาบซึ้งกับประโยคเหล่านั้นเลย แต่เขากลับประหลาดใจกับภาษาฝรั่งเศสของลู่โจวมากกว่า

ทั้งสองคนพูดภาษาอังกฤษด้วยกันมาตลอด เขาไม่รู้เลยว่าศาสตราจารย์ลู่จะเก่งภาษาฝรั่งเศสด้วย

“…ภาษาฝรั่งเศสของคุณคล่องแคล่วมากครับ คุณเริ่มเรียนตั้งแต่ตอนไหนเหรอ ตั้งแต่ตอนอยู่ที่เซิร์นหรือเปล่า”

ลู่โจวส่ายหัว

“ผมเริ่มเรียนเมื่อเดือนที่แล้วครับ”

จัคโกบิโน “…?”

พูดชัดๆ ก็คือเขาเพิ่งเริ่มเรียนตอนสิ้นเดือนที่แล้ว ตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะมาฝรั่งเศส

แน่นอนว่าถ้าลู่โจวบอกเรื่องนั้นกับจัคโกบิโน จัคโกบิโนคงอ้าปากค้างแน่ๆ

ลู่โจวมองสีหน้าประหลาดใจของผู้อำนวยการจัคโกบิโนและยิ้ม ลู่โจวไม่ได้สนใจเขาและยังคงอ่านอัตชีวประวัติต่อ

คนขับรถที่นั่งด้านหน้าพวกเขาพูด

“ถึงแล้วครับ”

โบสถ์แซงต์ลิซิเยร์ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่แซงต์-ลิซิเยร์ มันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มันเป็นเพียงโบสถ์เล็กๆ สำหรับคนในท้องถิ่นเท่านั้น

นักบุญสูงวัยยืนอยู่ตรงทางเข้าโบสถ์ เขามองลู่โจวลงจากรถและพูด “ในที่สุดคุณก็อยู่ที่นี่”

ลู่โจวมองไปที่นักบวชสูงวัยและยิ้มอย่างประหม่า

“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอนะครับ”

“จดหมายอยู่ที่ไหนเหรอครับ”

ลู่โจวหยิบซองจดหมายเก่าๆ จากกระเป๋าและยื่นให้กับนักบวช

หลังจากที่นักบวชเปิดจดหมายและตรวจสอบดูว่าเป็นลายมือของก็อตเท็นดิ๊กจริงๆ เขายื่นจดหมายให้ลู่โจวและพูด “ศาสตราจารย์ก็อตเท็นดิ๊กขอให้ผมมอบจดหมายนี้ให้กับคุณด้วยตัวเอง ผมคิดว่าเขาสามารถทำตามสิ่งที่ต้องการได้ตั้งแต่แปดปีที่แล้ว”

“…ผมขอโทษที่ใช้เวลานานขนาดนี้”

นักบวชหายใจแรงและพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกครับ ถ้าคุณไม่มาคุณเองนั่นแหละที่เสียประโยชน์ คนที่ควรเป็นคนโกรธคนอยู่ใต้ดินลึกหกฟุต คุณควรไปขอโทษเขาเอง ต้องการดอกไม้ไหมครับ ราคา 10 ยูโร ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องให้อภัยคุณอยู่แล้ว”

ลู่โจวพยายามหาเงินสด แต่เขาเจอแค่บัตรเครดิต ผู้อำนวยการจัคโกบิโนที่ยืนใกล้เขา รีบหยิบกระเป๋าเงินออกมาและพูดกับนักบวช

“ผมซื้อสองกำ! ศาสตราจารย์ก็อตเท็นดิ๊กเป็นนักวิชาการที่เก่ง การตายของเขาคือความสูญเสียของโลกและเราติดค้างคำขอโทษเขา…”

เขาเกิดในยุคสงคราม ศาสตราจารย์ก็อตเท็นดิ๊กเป็นนักสันตินิยมมาตลอดชั่วชีวิตของเขา เพราะแบบนี้เขาและสถาบันการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงปารีสจึงถกเถียงกันอย่างดุเดือดเรื่อง ‘คณิตศาสตร์ควรถูกนำไปใช้ในสงครามหรือไม่’ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาอาศัยอยู่อย่างสันโดษที่เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส…

ทุกคนในฝรั่งเศสรู้เรื่องนั้น

ชายสูงวัยมองจัคโกบิโนและยิ้ม

“ถ้าคุณคิดแบบนั้น คุณคงไม่รอมานาน 8 ปีกว่าจะมาเยี่ยมเขาหรอกครับ”

นักบวชหันหลังและเปิดประตูไม้และนำทางไปที่สุสาน

“เข้ามาครับ ศิลาหน้าหลุมศพของเขาคืออันที่สองจากซ้าย แถวที่สาม”

ลู่โจวพยักหน้าและเดินตรงไปที่ประตูไม้

แต่ตอนที่เขากำลังจะก้าวผ่านประตู จู่ๆ นักบวชสูงวัยก็ดึงมือลู่โจวไว้

“เดี๋ยวนะ นี่ของคุณเหรอ”

เขาหยิบสมุดจากมือของเขา

ลู่โจวหยิบสมุดสีน้ำตาลจากมือของนักบวชและเปิดดูผ่านๆ

“มันคือสมุดของก็อตเท็นดิ๊กเหรอครับ”

จริงๆ แล้วลู่โจวประหลาดใจกับความบางของมัน

นักบวช “มันยังมีอีกครับ แต่นี่คือเล่มที่สำคัญที่สุดผมก็เลยเก็บไว้ในโบสถ์ ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่ด้านใน แต่เขาเคยบอกว่ามันเป็นปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ยังไม่ได้รับการแก้”

“เขาต้องการหาคนมาช่วยอยู่ตลอด เขาคิดว่าเดอลีงย์และชาวเยอรมันที่ชื่อชูลทซ์อาจจะช่วยได้ แต่เขาเกลียดเยอรมันและคิดว่าชูลทซ์ยังเด็กเกินไป…เพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง เขาเลือกคุณในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอคุณด้วยซ้ำ”

ลู่โจวสัมผัสได้ถึงความสำคัญของสมุดนี้ เขามองนักบวชสูงวัยและพูดด้วยท่าทีที่จริงจัง

“ขอบคุณที่เก็บรักษามันให้ผมมาโดยตลอด”

นักบวชสูงวัยพ่นลมหายใจและพูดอย่างเป็นกันเอง “ยินดีครับ คุณรวยไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณอยากขอบคุณผมก็บริจาคเงินให้โบสถ์บ้างสิ โบสถ์นี้ไม่ได้รับการบูรณะมากว่า 50 ปีแล้ว”

ลู่โจวหยุดนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะยิ้ม

“ไม่มีปัญหา”

ถ้าเทียบกับปัญหาคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนแล้ว…

อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเงินเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเขา

………………………

Scholar’s Advanced Technological System

Scholar’s Advanced Technological System

The Overachiever's Black Tech System, 学霸的黑科技系统
Score 6.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Scholar’s Advanced Technological Systemหลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล “ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?” “ไม่ได้” “เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?” “ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset