พนักงานซัมซุงประเมินค่าความตื่นเต้นของคนต่อเทคโนโลยีภาพเสมือนต่ำไป
หลังจากที่หมวกกว่า 50,000 ใบถูกขายผ่านการขายสด ราคาของหมวก HV-1 ที่ถูกขายต่อสูงขึ้นถึง 50,000 หยวน ซึ่งมากกว่าราคาเดิม 12,000 หยวนถึงสี่เท่า
คนที่ขายหมวกของพวกเขาเร็วเริ่มรู้สึกเสียดาย ในทางกลับกัน ผู้ขายพากันยกเลิกการขายก่อนหน้านี้และเพิ่มราคาสินค้าให้สูงขึ้น
ตลาดผู้ขายต่อนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีการซื้อขายเท่าไหร่นัก แต่การประมูลและราคาของหมวกสูงขึ้นทุกๆ นาที ทำให้ผู้ขายต่อได้เปรียบมาก
ปกติแล้วการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แบบนี้จะมีผู้ขายต่อมายืนรอบๆ สถานที่ และถามคนที่กลับบ้านมือเปล่าว่าพวกเขาต้องการซื้อสินค้าที่พวกเขาเพิ่งจะซื้อหรือไม่
แต่สถานการณ์ที่นี่กลับตรงกันข้าม แม้ว่าจะมีผู้ขายต่อรอบๆ สถานที่ก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้พยายามพูดคุยกับลูกค้าที่ซื้อของไม่ทัน พวกเขากลับรบกวนลูกค้าที่ซื้อหมวกได้ทันแทน
เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเห็นคนแบบนั้น พวกเขาจะรีบตรงไปที่พวกเขาและถามอย่างหยาบคาย
“นี่พวก คุณขายไหม ผมให้ราคา 24,000 หยวน ให้เป็นสองเท่าจากราคาเดิมเลย ข้อเสนอเดียวเท่านั้น”
“ไปไกลๆ ไป ผมให้ 30,000 ขายให้ผมเถอะนะ”
แน่นอนว่านอกจากคนที่ซื้อไปขายต่อ ก็ยังมีคนที่อยากซื้อหมวกเพื่อตัวของพวกเขาเองด้วย
แต่ก็นะ ใครจะไม่อยากสัมผัสประสบการณ์ภาพเสมือนบ้าง
ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะให้ราคาเท่าไหร่ก็ตาม คนส่วนใหญ่จะตอบสั้นๆ ได้ใจความ
“ไปไกลๆ เลย!”
ในทางกลับกัน หมวกติดอันดับในหน้าที่เป็นกระแส คนมากมายที่โชคดีพอที่จะคว้าหมวกมาเป็นของตัวเองได้เริ่มโพสต์ประสบการณ์ของพวกเขาออนไลน์ พวกเขาต้องเจอกับความอิจฉาริษยา
ตัวอย่างเช่น ผู้อำนวยการหวังหลี่หุยผู้โด่งดังโพสต์ข้อความยาวเหยียดบนเว่ยป๋อของเขาทันทีหลังงานแถลงการณ์ เขาอธิบายประสบการณ์ของเขาตอนที่ใช้เทคโนโลยีหมวก HV-1 ภาพเสมือนจริงอย่างเต็มรูปแบบ
[ก่อนอื่นเลย นี่ไม่ใช่การโฆษณา กว่าผมจะได้ตั๋วสำหรับการแถลงข่าวนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก หัวเหว่ยและสตาร์สกายเทคโนโลยีไม่จำเป็นต้องให้ผมโฆษณาผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
[ดังนั้นในขณะที่อุปกรณ์ภาพเสมือนประสานต่อประสาทถูกขายเป็นครั้งแรกของโลก หมวก HV-1 ที่ใช้งานร่วมกับระบบแฟนท่อมทำให้การจำลองภาพเสมือนพัฒนาไปอีกระดับ ไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนในตลาดที่เทียบเท่าได้เลย สิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้ก็คือรอให้เสี่ยวมี่ปล่อยหมวกออกมาบ้าง แล้วเปรียบเทียบอุปกรณ์จากสองบริษัท
[ในเรื่องของราคา 12,000 หยวนไม่ถูกเลย มันเทียบเท่ากับราคาของโน้ตบุ๊คระดับกลางถึงระดับสูง แต่มันคุ้มค่าที่จะเสียเงินเพื่อซื้อจักรวาลใบใหม่ทั้งใบ อีกทั้งผมยังเห็นว่าบางคนในตลาดผู้ขายต่อยังขายอยู่ที่ 200,000 หยวน ดูเหมือนว่าตลาดจะเห็นคุณค่าของมัน
[แน่นอนว่าผมคงไม่แนะนำให้แฟนคลับของผมซื้อหมวกจากตลาดผู้ขายต่อ เพราะท้ายที่สุดแล้ว หัวเหว่ยก็จะปล่อยหมวกใหม่ออกมาอยู่ดีเดือนหน้า เมื่ออุปทานตอบสนองต่อความต้องการ ทุกคนก็จะมีโอกาสใช้ชีวิตในโลกเสมือนที่งดงามนี้
[ส่วนในความคิดของผม ผมหาคำมาอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร มันเหนือความคาดหมายของผมต่ออินเทอร์เน็ตและโลกเสมือน ผมมั่นใจว่าพวกคุณส่วนใหญ่คงจะดูสงครามเกมคนอัจฉริยะกันแล้ว ผมรับรองได้เลยว่าประสบการณ์นี้เหมือนในหนังไม่มีผิด! แม้ว่าคุณจะเล่นทั้งหมด ตาของคุณก็ไม่มีวันล้า เพราะภาพถูกส่งตรงไปยังเส้นประสาทตาของคุณ
[แน่นอนว่าในฐานะผู้ผลิตภาพยนตร์ เทคโนโลยีภาพเสมือนทำให้ผมคิดถึงอนาคตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ บางทีเราอาจจะได้ดูหนังในโลกเสมือนในอีกไม่นาน ทำให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ของตัวละครอย่างเต็มที่…]
โพสต์บนเว่ยป๋อถูกแชร์ไปทั่วอินเทอร์เน็ต
ในตลาดตอนนี้มีหมวกแค่หนึ่งล้านใบเท่านั้น ยังไม่รวมถึงการขายออนไลน์ที่จะเริ่มขึ้นตอนเที่ยงคืน แต่จำนวนคนที่กำลังมองหาหมวกนี้สูงถึงสิบล้านหรือร้อยล้าน
ผู้คนต่างเฝ้าฝันถึงเทคโนโลยีภาพเสมือนมาเป็นเวลานาน
นานมาแล้วที่ภาพยนตร์ไวไฟพรรณนาถึงอนาคตที่คนหมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีภาพเสมือน บางทีในอนาคตความจริงอาจไม่เป็นกำแพงสำหรับจินตนาการและประสบการณ์ของคนอีกต่อไป ข้อมูลที่ไม่มีขีดจำกัดนำพาความคิดมนุษย์สู่โลกใหม่
ในที่สุดเทคโนโลยีจากห้องทดลองนี้ก็เข้าสู่อุตสาหกรรมอย่างแท้จริง คนแทบทุกคนอยากจะรู้ว่าประสบการณ์สวรรค์นี้เป็นอย่างไรกันแน่
จากสถิติจากการค้นหาเว็บไซต์ คีย์เวิร์ดอย่างภาพเสมือน ระบบแฟนท่อม HV-1 เป็นต้น เริ่มเป็นกระแส
คนเริ่มรู้สึกมากกว่าแค่ตื่นเต้นกับเทคโนโลยีนี้
ทุกคนต่างพากันหาข้อมูลของเทคโนโลยีใหม่นี้ และหวังว่าตัวเองจะเข้าใจก่อนที่จะเข้าสู่ยุคใหม่…
…
เดิมทีแล้วกำหนดการปล่อยผลิตภัณฑ์สิ้นสุดที่เวลาห้าโมงเย็น
คนไม่คาดคิดว่ามันจะจบลงตั้งแต่บ่ายสามโมง
เพราะราคาขายต่อเพิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ คนจากเมืองใกล้ๆ ถึงขนาดนั่งรถไฟสายด่วนมาที่นี่ เป็นผลให้มีคนมากมายมาที่แห่งนี้ พวกเขาจึงต้องจบการประชุมเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
อีกอย่าง หมวก 100,000 ใบขายหมดตอนบ่ายสามโมง
มันจึงเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับคนที่อุตส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่
แม้แต่หัวเหว่ยเองก็ไม่คาดคิดว่าการขายจะเป็นไปได้ด้วยดีขนาดนี้
แม้ว่าพวกเขาจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าหมวกภาพเสมือนประสานประสาทรุ่นแรกของโลกจะขายหมด แถมยังร่วมมือกับตำรวจในพื้นที่ไว้แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันจะบ้าระห่ำขนาดนี้…
การแถลงการณ์จบลง
เวลาสี่ทุ่ม
สำนักงานใหญ่หัวเหว่ยยังคงครึกครื้น
เจ้าหน้าที่จากแผนกฝ่ายขายยังคงนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาจับจ้องไปที่หน้าจออย่างตั้งใจเพราะกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด
ภายในเวลาสองชั่วโมง หมวก 900,000 ใบกำลังจะถูกจองในเว็บไซต์หลัก
สิ่งที่ทำให้พวกเขางุนงงก็คือสองชั่วโมงก่อนการขาย คนก็เริ่มเข้าชมเว็บไซต์อย่างท่วมท้น
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านั้นกดปุ่มรีเฟรชอยู่เรื่อยๆ เพื่อจะได้ไม่พลาดการขาย
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการประชุม ผู้อำนวยการโปรเจกต์ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบหมวก HV-1 สัมผัสได้ถึงความกดดันเป็นล้านตันบนบ่า แม้ว่าเขาจะดื่มชาแก้วแล้วแก้วเล่าก็ไม่สามารถลดความประหม่าของตัวเองได้เลย
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ไม่นานก็ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงคืน
พนักงานที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์พูดด้วยความตื่นเต้น
“หัวหน้าครับ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”
ผู้อำนวยการโปรเจกต์วางถ้วยชาลง เขาพยายามตั้งสติขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มาเริ่มการขายกันเลย”
…………………