ณ กระทรวงป้องกันราชอาณาจักร
ภายในออฟฟิศของผู้อำนวยการ
ชายหนวดขาวเปิดประตูออฟฟิศและเดินเข้ามาด้านใน
“ผู้เฒ่าหลี่! ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! “
ผู้อำนวยการหลี่ยังคงใจเย็น แต่เสียงนั้นทำให้ผู้ช่วยกลัว
คนทั่วไปส่วนใหญ่คงไม่มีใครกล้าพูดกับเลขากระทรวงป้องกันราชอาณาจักรแบบนี้ แต่นักวิชาการเสวี่ยไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
ลืมเรื่องกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรไปได้แล้ว แม้แต่คนใหญ่คนโตของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศยังต้องแสดงความเคารพต่อชายสูงวัยคนนี้
ตอนที่ผู้อำนวยการหลี่เห็นนักวิชาการเสวี่ยตรงหน้าประตู เขาดูเหมือนจะรู้สาเหตุที่นักวิชาการเสวี่ยมาที่นี่ เขายิ้ม วางปากกาในมือ และพูดขึ้นมา
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ เข้ามานั่งสิครับ…เสี่ยวโจว คุณไปเตรียมชามาให้นักวิชาการเสวี่ยและพิมพ์เอกสารนี้มา 50 ชุดแล้วไปส่งให้ผู้อำนวยการหลิว”
“ได้ครับ!”
เสี่ยวโจวเทชาร้อนให้นักวิชาการเสวี่ยทันที หลังจากนั้นเขาหยิบเอกสารจากโต๊ะของผู้อำนวยการหลี่ และออกจากออฟฟิศ
“อะไรนะ?” นักวิชาการเสวี่ยพูดขณะหยิบถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะ เขาจิบชาและพูดด้วยความโมโห “คุณกำลังถามผมว่าทำไมผมถึงมาที่นี่เหรอ ผมจะมาที่นี่เพราะอะไรได้อีกล่ะ”
ก่อนที่ผู้อำนวยการหลี่จะตอบโต้ นักวิชาการเสวี่ยเริ่มยิงคำพูดราวกับปืนกล
“คุณคือคนที่ต้องการพัฒนาอัลกอริทึมการเข้ารหัสควอนตัม! แต่ตอนนี้คุณกลับยกเลิกโปรเจกต์ ผู้เชี่ยวชาญวิทยาการเข้ารหัสลับกว่าครึ่งมาที่ปักกิ่งกันแล้วและงานของเราก็เพิ่งจะเริ่มต้น แต่ตอนนี้คุณกลับไม่ต้องการเราแล้วอย่างนั้นเหรอ ล้อกันเล่นหรือเปล่า”
ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกละอายเล็กน้อย นักวิชาการเสวี่ยพูดถูก แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียหมด
“สถานการณ์นี้มันซับซ้อนครับ”
“หมายความว่าอย่างไรที่ว่าซับซ้อน ผมเตือนคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าแม้แต่คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ก้าวล้ำที่สุดก็ทำได้แค่ 100 คิวบิต คอมพิวเตอร์ควอนตัม 1,000 คิวบิตเป็นเรื่องเพ้อฝัน”
ในสายตาของนักวิชาการเสวี่ยมันเป็นโปรเจกต์วิจัยที่ไร้สาระที่เสนอโดยคนธรรมดา เขาเกลียดที่คนใหญ่คนโตเข้ามาแทรกแซงงานวิจัยวิทยาศาสตร์ของเขา มันเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรในการวิจัย
ผู้อำนวยการหลี่กระแอมและพูด “นั่นไม่ใช่เหตุผลในการยกเลิกโปรเจกต์ โปรเจกต์ไม่ได้ถูกยกเลิกเสียทีเดียว เราก็แค่กำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์…”
นักวิชาการเสวี่ยพูด “แล้วทำไมคุณถึงทำแบบนี้”
“เพราะมีคนอื่นที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แล้ว”
ออฟฟิศเงียบไป
นักวิชาการเสวี่ยอึ้งไป เขาใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะกลับมามีสติอีกครั้ง
“แก้เหรอ แล้วปัญหาที่ถูกแก้คืออะไร”
“แน่นอนว่ามันคืออัลกอริทึมการเข้ารหัสควอนตัม…”
“เป็นไปไม่ได้!”
ดวงตาของนักวิชาการเสวี่ยเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ เขาคิดว่าผู้อำนวยการหลี่โกหกเขา เขาโกรธยิ่งกว่าเดิม “ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการเข้ารหัสลับอยู่ที่นี่ที่ปักกิ่งกับผม และคุณกำลังบอกว่ามีคนแก้ปัญหานี้ได้แล้วเหรอ”
หลังจากทำงานยาวนานหนึ่งอาทิตย์ งานวิจัยของพวกเขายังไม่คืบหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับมีคนมาบอกเขาว่าปัญหานี้ถูกแก้ไปแล้ว มีคนที่สามารถหาอัลกอริทึมได้แล้วเหรอ
เขาไม่เคยได้ยินอะไรที่ไร้สาระขนาดนี้มาก่อน
ผู้อำนวยการหลี่ถอนหายใจและพูด “ไหนๆ คุณก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมอยากจะคุยเรื่องนี้กับคุณ”
เขาเปิดลิ้นชักและนำแผ่นซีดีที่บรรจุข้อมูลพิเศษออกมา
นักวิชาการเสวี่ยขมวดคิ้วขณะที่ผู้อำนวยการหลี่พูดต่อ
“อัลกอริทึมการเข้ารหัสควอนตัมอยู่ที่นี่…แน่นอนว่ามันต้องอยู่ในออฟฟิศนี้เท่านั้น จะเอาออกไปไม่ได้ แต่ผมสามารถสาธิตให้คุณดูจากคอมพิวเตอร์ของผมได้”
นักวิชาการเสวี่ยพ่นลมหายใจและพูด “ผมไม่ได้โง่นะ”
ผู้อำนวยการหลี่ยิ้มและพูด “ผมรู้ ผมก็แค่คนธรรมดา เราต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณ นี่คือเหตุผลที่ผมอยากให้คุณดูสิ่งนี้ ดูว่ามันสามารถป้องกันการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม 1,000 คิวบิตได้จริงๆ …”
เขาใส่แผ่นซีดีเข้าไปในโน้ตบุ๊ค
ผู้อำนวยการหลี่หมุนหน้าจอไปทางนักวิชาการเสวี่ยในขณะที่แผ่นซีดีเริ่มหมุน
นักวิชาการเสวี่ยดื่มชาขนหมดและยืนขึ้นจากโซฟา เขาเดินไปที่โต๊ะผู้อำนวยการหลี่และนั่งลงที่เก้าอี้
เขาใช้เมาส์กดไปที่ไฟล์บนแผ่นซีดี นักวิชาการเสวี่ยเห็นรหัสอัลกอริทึมการเข้ารหัสบนหน้าจอ
พูดตรงๆ ก็คือมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาอัลกอริทึมการเข้ารหัสให้แข็งแกร่งและปลอดภัยมากกว่าที่แตกต่างจากโพรโทคอล BB84 โดยเฉพาะในเวลาสั้นๆ
เขารู้นักวิชาการจีนแทบทุกคนที่ทำงานในสายนี้
ถ้าแม้แต่ทีมวิจัยของเขาเองยังทำไม่ได้ เขาก็ไม่เชื่อว่าคนอื่นจะทำได้
เว้นเสียแต่ว่า พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากต่างชาติ
แต่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ ความน่าจะเป็นในการใช้บริการทีมวิจัยต่างชาติให้ทำอัลกอริทึมการเข้ารหัสแก้จึงเป็นศูนย์
นักวิชาการเสวี่ยชำเลืองมองรหัส
ในขณะที่เขาเลื่อนเมาส์ไปเรื่อยๆ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
แม้การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มันชัดเจนในสายตาของผู้อำนวยการหลี่
ในที่สุดชายสูงวัยจอมดื้อพูดขึ้น
“ใครเป็นคนทำ”
“ผมบอกคุณไม่ได้” ผู้อำนวยการหลี่พูด เขากระแอมและพูด “มันเป็นความลับสุดยอด หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ”
ออฟฟิศเงียบลง
นักวิชาการเสวี่ยละสายตาของหน้าจอและสบตากับผู้อำนวยการหลี่ เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “นักวิชาการลู่เหรอ”
นั่นคือความเป็นไปได้เดียว…
ผู้อำนวยการหลี่ไม่ได้ตอบ เขาแสดงสีหน้าที่ว่างเปล่า
บางครั้ง สีหน้าที่ว่างเปล่าก็เป็นคำตอบหนึ่ง
นักวิชาการเสวี่ยหันหัว เขายังคงอ่านรหัสลับต่อด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ
ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งสัมผัสกับปาฏิหาริย์ เขาพึมพำกับตัวเอง “แปลว่าเป็นเขานี่เอง ไม่แปลกใจเลย”
ไม่แปลกใจที่โปรเจกต์นี้ถูกยกเลิก
อัลกอริทึมแบบนี้ ก็ไม่เหลืองานอะไรให้เราทำแล้ว
น่าอายอะไรขนาดนี้ คน 20 คนแพ้คนแค่คนเดียว
เขามีสีหน้าที่ขมขื่น
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจึงมีคนพูดว่าการทำงานในแขนงเดียวกับนักวิชาการลู่เป็นเรื่องน่าหงุดหงิด
เขาไม่เพียงแค่หงุดหงิด แต่เขาเริ่มไม่มั่นใจกับทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตของเขา เขาแทบจะรู้สึกไร้ความหมาย
บางทีมันคงจะดีเสียกว่าถ้าฉันไม่รู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการยกเลิกในครั้งนี้…
จากที่เห็นว่านักวิชาการเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรอยู่สักพัก ผู้อำนวยการหลี่เริ่มเป็นกังวลขณะที่พูด
“อย่านั่งเฉยๆ บอกผมว่าสิครับว่าอัลกอริทึมเป็นอย่างไรบ้าง”
นักวิชาการเสวี่ยพูด
“มันแข็งแกร่ง”
“หมายความว่าอย่างไรที่ว่าแข็งแกร่ง”
“หมายความว่า ลืม 1,000 คิวบิตไปได้เลย…”
นักวิชาการเสวี่ยกลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “แม้แต่ 2,000 คิวบิตก็ไม่ใช่ปัญหา…”
……………………