ณ สถาบันวิศวกรรมสารสนเทศที่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
หลังจากที่นักวิชาการเกาเห็นชายสูงวัยผมขาวเดินตรงมาที่เขา เขาจึงรีบเดินเข้าไปและถาม “ท่านผู้เฒ่าเสวี่ย คุณได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ก่อนหน้านั้นสักพัก จู่ๆ กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศก็ระงับโปรเจกต์อัลกอริทึมการเข้ารหัสควอนตัมทั้งหมด
คนเกือบทุกคนที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นี้ต่างก็สับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในฐานะผู้นำและนักวิชาการที่เป็นที่นับถือที่สุดของโปรเจกต์นี้ นักวิชาการเสวี่ยได้รับการรับเลือกให้ไปอภิปรายกับกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเกาจุนฟาพยายามสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในที่สุดเขาก็ได้เจอกับนักวิชาการเสวี่ย
ดูเหมือนว่านักวิชาการเสวี่ยจะมีคำตอบ
แต่ดูจากสีหน้าของนักวิชาการเสวี่ยแล้ว คำตอบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
นักวิชาการเสวี่ยจินฮุยเห็นนักวิชาการเกาเดินมาที่เขา เขาอยากจะหลบ แต่ก็ไม่มีที่ให้หลบ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระแอมและอธิบาย
“เรื่องนี้มันซับซ้อนมากๆ คุณรู้แค่ว่าอัลกอริทึมการเข้ารหัสควอนตัมได้รับการแก้แล้วก็พอ”
แก้ได้แล้วเหรอ
นักวิชาการเกาจุนฟาตกตะลึง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ซึ่งคล้ายกับปฏิกิริยาของนักวิชาการเสวี่ยหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้
“แก้ได้แล้วเหรอ เป็นไปได้อย่างไรกัน! “
“ตอนแรกผมเองก็ประหลาดใจเหมือนคุณนี่แหละ” นักวิชาการเสวี่ยจินฮุยพูดหลังจากที่เงียบไปสักพัก “แต่มันเป็นข้อเท็จจริง ผมเห็นมากับตาตัวเอง”
หลังจากที่เห็นว่าชายสูงวัยไม่ได้โกหก นักวิชาการเกาจุนฟารีบพูด “คุณเห็นอัลกอริทึมไหม”
นักวิชาการเสวี่ยจินฮุยพยักหน้า
“ผมเห็นแล้ว”
“บอกผมมา มันเป็นอัลกอริทึมการเข้ารหัสประเภทไหน แล้วใครเป็นคนสร้าง”
นักวิชาการเสวี่ยกระแอมและพูด “ผมคงตอบคำถามพวกนั้นตอนนี้ไม่ได้”
นักวิชาการเการู้สึกกังวลใจ เขานำกลยุทธ์ความเป็นเพื่อนมาใช้
“คุณไม่ไว้ใจผมเหรอ”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับความไว้ใจ แต่เป็นเรื่องของจรรยาบรรณ” นักวิชาการเสวี่ยถอนหายใจและพูด “ไม่ต้องห่วง อย่างไรเสียอัลกอริทึมจะต้องถูกนำมาใช้แน่ๆ คุณจะได้เห็นรหัสในอีกหนึ่งเดือนหรือนานที่สุดก็สองเดือน”
นักวิชาการเกายังมีเรื่องที่อยากพูด แต่เมื่อเห็นว่านักวิชาการเสวี่ยไม่แสดงท่าทีใดๆ เขาจึงไม่ถามต่อ
เขารู้ว่านักวิชาการเสวี่ยน่าจะเซ็นสัญญาที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลไปแล้ว
นักวิชาการเกาส่ายหัวหลังจากถอนหายใจอยู่นาน
“คนรุ่นใหม่กำลังมาแทนที่เรา ไม่เป็นไร เราก็แค่รอ”
หลังจากที่นักวิชาการเกากลับไป นักวิชาการเสวี่ยก็ไม่อยากอยู่ที่นั่นนานเพราะกลัวว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นจะเข้ามาถามคำถามเขา เขาจึงรีบกลับไปที่ออฟฟิศทันที
เขาบอกให้ผู้ช่วยชงชาให้เขา หลังจากที่ได้จิบชาเขาก็อยากอ่านเอกสาร แต่เขารู้สึกว่าลืมอะไรบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเขาก็ควบคุมความสงสัยของตัวเองไว้ไม่ได้ หลังจากนั้นเขาขอให้ผู้ช่วยจองตั๋วรถไฟความเร็วสูงไปที่จินหลิง เพื่อทำการบรรยายที่มหาวิทยาลัยจินหลิง
แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการเข้ารหัสลับแบบเขาไปเยี่ยมเยือนมหาวิทยาลัย พวกเขาจึงจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้เขา
หลังจากทำการบรรยายเสร็จแล้ว นักวิชาการเสวี่ยปฏิเสธคำเชิญในการร่วมทานอาหารจากคณบดีคณะวิศวกรรมสารสนเทศ เขาเดินรอบๆ มหาวิทยาลัยจินหลิง ในที่สุดเขาก็หาออฟฟิศของนักวิชาการลู่ที่อาคารคณิตศาสตร์เจอ
ตอนที่เขามาถึงออฟฟิศ ภายในออฟฟิศไม่ค่อยมีคน มีเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่งนั่งใกล้ๆ ประตู ซึ่งน่าจะเป็นผู้ช่วย
นักวิชาการเสวี่ยมองผ่านกระจกและเคาะประตู หลังจากนั้นเขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ขอโทษนะครับ นักวิชาการลู่อยู่ที่นี่ไหมครับ”
จ้าวหวนวางปากกาลงและมองไปที่ชายสูงวัยท่าทางแปลกๆ เธอจำได้ว่าลู่โจวไม่ได้มีนัดวันนี้
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เธอจึงตอบ
“นักวิชาการลู่อยู่ที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงมาหลายวันแล้วค่ะ ขอถามได้ไหมคะว่าคุณมาที่นี่มีธุระอะไร ฉันจะได้โทรหาเขาและถามให้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่”
ตอนที่นักวิชาการเสวี่ยเห็นเด็กสาวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ เขารีบห้ามเธอไว้
“โอ้ ไม่เป็นไรหรอกครับ สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงใช่ไหม ผมไปเองก็ได้ครับ”
จ้าวหวนมองชายสูงวัยท่าทางแปลกๆ เดินจากไป เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขียนอีเมลถึงศาสตราจารย์ลู่
เห็นได้ชัดว่าลู่โจวกำลังทำโปรเจกต์ระดับชาติที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงอยู่ แต่เธอไม่รู้ว่าโปรเจกต์นั้นคือโปรเจกต์อะไร
เธอรู้แค่ว่ามันสำคัญมากๆ
…
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง นักวิชาการเสวี่ยก็ยังไม่หมดหวัง
เขาอุตส่าห์เดินทางมาถึงจินหลิง เขาจึงไม่อยากกลับไปมือเปล่า หรือไม่ก็จนกว่าจะเจอผู้สร้างอัลกอริทึมการเข้ารหัสอัจฉริยะ
ในที่สุดเขาก็เดินทางมาถึงสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง หลังจากอธิบายเหตุผลที่มาให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฟัง เขาก็ได้เขียนข้อมูลส่วนตัวและเข้ามาด้านใน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงได้นำทางเขาเข้ามาที่สถาบันสารกึ่งตัวนำ
นักวิชาการเสวี่ยเดินอยู่ด้านหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขามีความรู้สึกว่านักวิชาการลู่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมา
ในที่สุดเขาก็เดินทางมาถึงห้องทดลอง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมือออกไป
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เคาะประตู ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อน
ชายหนุ่มสวมเสื้อกาวน์พร้อมผมยุ่งเหยิงยืนอยู่หลังประตู
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่นักวิชาการเสวี่ยได้เจอกับลู่โจว แต่ในฐานะสมาชิกวงการวิชาการ เขาจำลู่โจวได้ทันที ก่อนที่นักวิชาการเสวี่ยจะพูด ลู่โจวพูดขึ้นมาก่อน
“คุณคือนักวิชาการเสวี่ยจากสถาบันวิศวกรรมสารสนเทศใช่ไหม”
“ใช่ครับ” นักวิชาการเสวี่ยพยักหน้าและพูด “ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ขัดจังหวะงานวิจัยของคุณ ผมก็แค่สงสัยเรื่องอัลกอริทึมการเข้ารหัสควอนตัมของคุณ ผมก็เลยมาที่นี่ทั้งที่ไม่ได้รับคำเชิญ…”
“คุณไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรนะครับ” ลู่โจวยิ้มและมองไปที่ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ตรงประตู เขาหลีกทางและแสดงท่าทางต้อนรับขณะที่พูด “ผู้อำนวยการหลี่เล่าเรื่องคุณให้ผมฟังแล้ว เข้ามาสิครับ”
“ผู้อำนวยการหลี่?” นักวิชาการเสวี่ยมองไปที่ลู่โจวและพูด “เขารู้ได้อย่างไรว่าผมจะมาที่นี่”
“เขาไม่ได้บอกว่าคุณจะมา แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นผมก็มีความรู้สึกว่าคุณน่าจะมา” ลู่โจวยิ้มและพูด “เรื่องมันเพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ มากับผม ผมอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทดลองแล้ว”
……………………