บิตคอยน์กำลังล้มละลาย?
เมื่อลู่โจวได้ยินข่าวนี้ เขารู้สึกงุนงง
เขาเคยวางแผนที่จะใช้บิตคอยน์เพื่อทดสอบว่าคอมพิวเตอร์ของเขาเร็วหรือไม่ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำการทดสอบนั้นตลาดบิตคอยน์ทั้งหมดก็พังครืนลงต่อหน้าเขา
วิธีการที่เขาได้รับข่าวนี้มานั้นค่อนข้างน่าสนใจ
ผู้คนที่สูญเสียเงินไปไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถไปร้องเรียนกับวอลสตรีทได้
ผู้คนที่ประสบกับการขาดทุนมากมายมีปฏิกิริยาที่น่าสนใจ พวกเขาทั้งหมดเดินทางมาที่จินหลิงด้วยรถไฟแม็กเลฟ พวกเขามาถึงสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงและยืนอยู่นอกประตูรั้วพร้อมกับป้าย ‘คืนเงินที่หามาด้วยความลำบากของเรามา’
เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตกใจให้กับนักวิจัยวิทยาศาสตร์ภายในสถาบัน นักวิทยาศาสตร์มากมายเริ่มมองดูความสนุกสนานผ่านหน้าต่างของพวกเขาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามการที่พนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้เสียเปล่า ทีมรักษาความปลอดภัยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่ด้านนอกประตูรั้ว ผู้คนด้านนอกทางเข้ารู้สึกว่าถูกข่มขู่ด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนเรียงเป็นกำแพงและรู้สึกกลัวที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหายุ่งยากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับนักวิจัยที่สงบนิ่งอยู่ในสถาบันวิจัยแล้ว ทีมผู้บริหารกลับไม่ได้รู้สึกสงบเลย เมื่อผู้บริหารระดับสูงได้ยินว่าประตูรั้วของสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงถูกปิดล้อม ชายสูงวัยเหล่านี้ก็รู้สึกกลัวจนแทบจะหัวใจวาย
รถตำรวจเกือบทุกคันจากทั้งเขตถูกส่งมาที่นี่ เหล่าผู้เห็นเหตุการณ์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคิดว่ามันคือการฝึกซ้อมการต่อต้านการก่อการร้ายขนาดใหญ่
เอกสารที่ออกโดยธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 2017 ได้ทำการสรุปเรื่องของบิตคอยน์โดยย่อไว้แล้ว พวกเขาอ้างว่าบิตคอยน์เป็นแค่สินค้าเสมือนจริงและไม่ใช่สกุลเงิน พวกเขายังห้ามไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทที่รับชำระเงินของจีนจัดหาเครื่องมือในการใช้และซื้อขายบิตคอยน์ด้วย
บิตคอยน์มักจะอยู่ในพื้นที่สีเทาเสมอ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ แต่ตอนนี้ประชาชนกลับกำลังวิ่งออกมาข้างนอกและทำการประท้วง
รถตำรวจรีบมาที่จุดเกิดเหตุและจับกุมใครก็ตามที่ปิดล้อมทางเข้า พวกเขานำกลุ่มผู้ประท้วงกลับไปยังสถานีตำรวจและสอบสวนพวกเขาทีละคนว่าพวกเขาซื้อบิตคอยน์มาจากไหน
พวกที่ซื้อบิตคอยน์มาจากต่างประเทศถูกปล่อยไว้ลำพัง ส่วนพวกที่ซื้อบิตคอยน์ผ่านช่องทางที่ผิดกฎหมายก็ถูกไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งไม่มีใครได้รับการให้อภัย
ทันทีหลังจากนั้นบางอย่างที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น ผู้คนที่ถูกสอบสวนก็ได้ค้นพบในฉับพลันว่าผู้ประท้วงส่วนมากไม่ได้แลกเปลี่ยนบิตคอยน์
หลังจากที่มีการรื้อบันทึกข้อมูลในอินเทอร์เน็ตของผู้ประท้วงออกมา พวกเขาก็ไม่สามารถจะหาร่องรอยใดๆ ของการทำธุรกรรมด้วยบิตคอยน์ได้
ผู้นำหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจได้ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงรายงานข่าวนี้กับเหล่าผู้บังคับบัญชาของเขาในทันที
ในที่สุดเจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงของรัฐก็มาเข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจด้วย
สุดท้ายทุกอย่างก็ถูกเปิดเผย
ครั้งก่อนในตอนที่พวกเขากวาดล้างเครือข่ายสายลับต่างชาติ การทำธุรกรรมด้วยบิตคอยน์ก็หลุดรอดไปได้
สายลับเหล่านี้กำลังคิดวางแผนเกี่ยวกับการประท้วงและการสมัครเข้าไปอยู่ในสถานะผู้ลี้ภัย ตำแหน่งที่เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับผู้อพยพ แต่ต่อมาพวกเขาก็กลับพลาดเปิดเผยตัวออกมา แล้วพวกเขาก็ถูกจับได้ในทันที
หลังจากลู่โจวได้ยินเรื่องราวจากผู้อำนวยการหลี่ เขาก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า
“คนพวกนี้เสียสติไปแล้ว”
ฉันไม่ใช่คนที่ขายชอร์ตบิตคอยน์ ทำไมต้องประท้วงฉันด้วย?
ไปประท้วงวอลสตรีทดีกว่าไหม?
เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมมนุษย์ยุคหินพวกนี้ถึงมากล่าวโทษเขาเรื่องนี้
“นี่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก” ผู้อำนวยการหลี่จิบชาแล้วพูดว่า “คุณยังไม่ได้เห็นที่มีคนไปทำลายตึกบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพียงแค่เพราะมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ของพวกเขาลดลง คนที่มีบิตคอยน์ก็เป็นพวกที่มีอารยธรรมอยู่บ้าง มันก็แค่มีป้ายกับสัญลักษณ์ไม่กี่ป้ายอยู่ข้างนอกออฟฟิศของคุณ”
ลู่โจวตอบว่า “ก็จริงครับ เราไม่ได้รับผลกระทบที่เลวร้ายเกินไปนัก ต้องขอบคุณพวกคุณ”
“อย่าไปพูดถึงมันเลย” ผู้อำนวยการหลี่ยิ้มและพูดว่า “คุณควรจะได้เห็นสีหน้าของวิลกัสที่การประชุมสุดยอดความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูลไซเบอร์เอเชียแปซิฟิกเมื่อวานนี้”
“วิลกัส?”
ลู่โจวขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“อ้อ จริงสิ ผมลืมไป… วิลกัสเป็นประธานของคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร” ผู้อำนวยการหลี่พูดพร้อมกับยิ้มอย่างอวดดี “คุณน่าจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร”
คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารอยู่ในความควบคุมของสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาโดยตรง ขณะที่สภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาเป็นตัวแทนของผลประโยชน์ของพวกทุนนิยมส่วนใหญ่ในอเมริกา
เห็นได้ชัดว่าเมื่อเป็นประเด็นของความมั่นคงปลอดภัยทางการสื่อสาร สภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาก็มีความเห็นที่ขัดแย้งอย่างรุนแรงกับทำเนียบขาว เพราะทำเนียบขาวยังคงแสดงตัวตนของพวกเขาในการประชุมสุดยอดความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูลไซเบอร์ ส่วนสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาก็ส่งเจ้าหน้าที่ของพวกเขามาเข้าร่วมการประชุมเองต่างหาก
เหตุผลก็ชัดเจนอยู่แล้ว ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาทำให้ทุกคนหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม ที่แน่ๆ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากล่าวว่าถ้าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาจะตกฮวบลง ประธานาธิบดีก็ควรจะขึ้นจรวดไปดวงอาทิตย์
แม้ว่าสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาจะไม่ได้เอาประธานาธิบดีผูกติดกับจรวดเพื่อส่งตรงไปยังดวงอาทิตย์ หลายสิ่งๆ ก็พัฒนาไปสู่จุดที่หวนกลับมาไม่ได้
“แต่ด้วยความสัตย์จริง แม้ว่าสกุลเงินดิจิทัลจะไม่ถูกต้องตามระเบียบ แต่มันก็เป็นความพยายามในการกระจายอำนาจในอุตสาหกรรมทางการเงิน ภาวะตกต่ำของบิตคอยน์อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเรา”
หลังจากจิบกาแฟ ลู่โจวผู้ซึ่งไม่ได้สนใจในบทสนทนานี้มากนัก ตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจว่า “โอ้ อย่างนั้นเหรอครับ?”
“กระแสเศรษฐกิจปัจจุบันคือโลกาภิวัตน์ เพราะประชาคมระหว่างประเทศมุ่งตรงไปที่โลกที่มีหลากหลายประเทศ ระบบเงินตราระหว่างประเทศไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะมันไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยโลหะอันมีค่าอีกต่อไปแล้ว นอกจากนั้นก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มันถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้ว”
“เศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ยังคงมีความสำคัญ ประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถที่จะทำให้สกุลเงินของพวกเขาเฟ้อขึ้นได้อย่างง่ายๆ ในประเทศด้อยพัฒนา แล้วตามด้วยการขัดขวางความเจริญของประเทศอื่นๆ “
“ถ้าเราต้องการจะยุติการแสวงหาประโยชน์อันไม่ชอบธรรมนี้ จะต้องมีธนาคารกลางโลกที่มีอำนาจมากพอที่จะกำหนดนโยบายทางการเงินที่อิงกับอัตราระดับโลก หรือไม่เราก็จะต้องมีสกุลเงินที่ใช้ได้ทั่วโลกและมีความเชื่อถือได้ สกุลเงินนี้ไม่สามารถจะควบคุมได้โดยใช้นโยบายของธนาคารกลางต่างๆ มันต้องควบคุมด้วยตัวเอง ธนาคารกลางต่างๆ ควรได้รับอนุญาตให้ซื้อขายสกุลเงินนี้อย่างอิสระให้เป็นเหมือนเครื่องป้องกันสกุลเงินของพวกเขาเอง”
มนุษย์นั้นมีประวัติศาสตร์ในการกระจายอำนาจ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือไม่ว่าการกระจายอำนาจจะรุนแรงและปุบปับหรือเชื่องช้าและค่อยเป็นค่อยไป
ในปี 1994 เควิน เคลลี่ ใช้กลุ่มผึ้งเป็นตัวอย่างในหนังสือของเขาที่ชื่อว่า ‘Out of Control’ เขาเสนอโครงสร้างระบบทุนนิยมที่มีการกระจายใหม่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นศูนย์รวมของการกระจายอำนาจ
น่าเสียดายที่บิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ มีเจตนาในการกระจายอำนาจ แต่พวกมันไม่สามารถจะทำภารกิจให้สำเร็จได้อย่างเต็มที่
มันไม่มีสินค้าจริงๆ มาสนับสนุนเพื่อเป็นเหมือนหลักประกัน มันเป็นแค่เพียงตัวเลขบนบัญชีแยกประเภทเท่านั้น มันเป็นแค่วิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ยุ่งยาก เพราะฉะนั้นมันอาจจะถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้อย่างง่ายดาย
บางทีสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการผลักดันโดยผู้ถือเครดิตซึ่งมีอำนาจน่าจะมีความน่าเชื่อถือได้มากกว่า แต่ก็อีกนั่นแหละ ส่วนสำคัญของสกุลเงินดิจิทัลคือสิ่งที่ไม่สามารถจะควบคุมได้โดยบริษัทในกระแสหลัก ถ้าสกุลเงินดิจิทัลสามารถรับประกันได้และถูกควบคุมได้อย่างเต็มที่โดยผู้ถือเครดิต มันจะถือได้ว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลอย่างแท้จริงหรือไม่?
นี่เป็นสถานการณ์ที่แก้ไม่ตก
ลู่โจวไม่ได้เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์มากนัก ต่างจากเฉินยู่ซานหรือน้องสาวของเขา ดังนั้นเขาจึงนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ และมองดูผู้อำนวยการหลี่พูดมั่วไปเรื่อยอย่างเงียบเชียบ
หลังจากผู้อำนวยการหลี่เหนื่อยจากการพูดแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็จิบชาแล้วก็กลั้วคอ
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ลู่โจวคิดว่าเขาจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา ชายสูงวัยก็พูดขึ้นทันทีว่า “คุณคิดว่ามันจะมีความเป็นไปได้ไหม?”
ลู่โจวตอบว่า “ความเป็นไปได้เรื่องอะไรครับ?”
“ที่จะใช้อัลกอริทึมควอนตัมและสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสควอนตัมน่ะ?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อผู้อำนวยการหลี่พูดคำเหล่านี้ออกมาบรรยากาศในห้องนั่งเล่นก็หนาวเย็นขึ้นมาทันที
ลู่โจวไม่ได้ตอบ เขาดื่มกาแฟอย่างเงียบๆ ขณะที่มองไปทางผู้อำนวยการหลี่
ผู้อำนวยการหลี่อดที่จะหัวเราะแล้วพูดออกมาไม่ได้ว่า “คุณมองผมทำไม? ผมก็แค่อยากรู้ มันก็เป็นแค่ความคิดหนึ่ง…”
ลู่โจววางแก้วกาแฟลงแล้วหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมา
“ผมจะรินชาให้คุณ”
ผู้อำนวยการหลี่โบกมือทันที
“ไม่ ไม่ ไม่เป็นไร ผมยังดื่มไม่หมด ผมรินเองทีหลังได้”
ลู่โจวตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ดื่มเพิ่มอีกหน่อยเถอะ”
ผู้อำนวยการหลี่พูดว่า “อ่า คุณนี่ใจดีมาก… เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน ช้าๆ หน่อย มันล้นแล้ว!”
…………….