คำเตือนของศาสตราจารย์กริฟฟินไม่มีความจำเป็น
เพนตากอนกำลังยุ่งเหยิงแล้วตอนนี้
ขณะที่นายทหารผู้ช่วยเดินเข้ามาในออฟฟิศ รัฐมนตรีมาร์แชลล์กำลังเดินไปเดินมาระหว่างที่คิดไปด้วย ทันใดนั้นเขาก็หยุดเดินและเงยหน้ามองด้วยสายตาที่มีความหวัง
“ข่าวนั่นจริงไหม?”
“ผมเกรงว่า… จะจริง ห้องทดลองแห่งชาติโอ๊คริดจ์ได้แสดงการคำนวณผลลัพธ์ จนถึงตอนนี้เราได้ทดสอบจนได้เลขโดด 10^15 และยังไม่พบข้อผิดพลาดใดๆ “
หัวใจของมาร์แชลล์จมดิ่งลงไปทันที
นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะได้ยิน
ห้องทดลองแห่งชาติโอ๊คริดจ์ใช้เวลาสามวันเพียงเพื่อจะยืนยันความถูกต้องของผลลัพธ์ ถ้าจีนโจมตีเครือข่ายของพวกเขาโดยใช้สตาร์โวยาจวัน พวกเขาก็คงจะไม่มีโอกาสรอด
“ผมต้องการรายงานการประเมินความเสี่ยง ถ้าจีนใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมของพวกเขาเพื่อปล่อยการโจมตีพวกเราทางไซเบอร์ เราก็ต้องตัดสายเคเบิลออปติกใต้น้ำทิ้ง ผมต้องการจะรู้ว่ามันจะเกิดผลกระทบแบบไหน และเราจะสามารถใช้มาตรการทางทหารได้อย่างไรบ้าง…” มาร์แชลล์สูดลมหายใจลึก หัวใจของเขาเต้นตุบๆ เขาพูดว่า “ถ้าเราต้องหันไปพึ่งพามาตรการทางทหาร ผมต้องการรู้ว่าจะต้องใช้เวลาในการยุติภัยคุกคามนานแค่ไหน”
นายทหารผู้ช่วยทำสีหน้าขมขื่น
“ท่านครับ?”
มาร์แชลล์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“มีอะไร คำสั่งของผมไม่ชัดเจนพอเหรอ?”
นายทหารผู้ช่วยก้มหัวลงแล้วพูดว่า
“ถ้าสถานการณ์คืบหน้าไปถึงจุดนั้น เราอาจจะไม่สามารถติดต่อเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของเราที่เคลื่อนกำลังพลอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกได้ จากรายงานของสถาบันวิศวกรรมสารสนเทศที่ห้องทดลองแห่งชาติโอ๊คริดจ์ ดาวเทียมของพวกเขาสามารถจี้บังคับย่านความถี่วิทยุของเราทั้งหมดได้โดยตรง หน่วยใดก็ตามที่ถูกแยกออกมาจากเคเบิลใยแก้วในทางวัตถุจะถูกตัดการเชื่อมต่อจากระบบกริด”
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าจีนมีทีมกองพลอากาศที่สามารถจะปรากฏตัวที่ไหนบนโลกก็ได้ภายใน 1 ชั่วโมง
พวกเขาสามารถจะไปปรากฏตัวที่ทำเนียบขาว เพนตากอน หรือฐานขีปนาวุธของอเมริกา
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การตอบโต้ทางทหารโดยตรงเป็นทางเลือกที่แย่ที่สุด
“เราควรจะฟังคำแนะนำของศาสตราจารย์กริฟฟินจากสถาบันเทคโนโลยีแมซซาชูเซตส์ครับ คอมพิวเตอร์ควอนตัมเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์
“แทนที่จะตอบสนองความเสี่ยง มันจะดีกว่าที่เราจะคิดหาทางในการป้องกันการต่อสู้ในครั้งนี้จากสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกครับ”
ใบหน้าของมาร์แชลล์ซีดเผือด
“ทำอย่างที่คุณบอก”
ทันใดนั้นนายทหารผู้ช่วยก็ยืนขึ้นในทันทีแล้วพูดว่า
“ครับท่าน!”
มาร์แชลล์มองนายทหารผู้ช่วยเดินออกไปจากห้อง สีหน้าที่เคร่งเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
นายทหารผู้ช่วยของเขาเป็นนักยุทธศาสตร์สงครามที่ยอดเยี่ยม
แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริง สมองที่ตัดสินด้วยเหตุผลของเขาบอกเขาว่ามีโอกาสอย่างน้อย 80% ที่นายทหารผู้ช่วยจะคิดถูก
มาร์แชลล์ไม่ลังเล เขาหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานแล้วโทรไปยังทำเนียบขาว
เพื่อที่จะป้องกันจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาต้องรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาต้องเตือนประธานาธิบดีไม่ให้ทำอะไรที่หุนหันพลันแล่น…
…
นับตั้งแต่มีการเปิดรถไฟแม็กเลฟเส้นทางระหว่างเซี่ยงไฮ้กับจินหลิง ทั้งสองเมืองก็ได้เชื่อมต่อกัน มันรู้สึกเหมือนว่าสถานีเซี่ยงไฮ้และสถานีจินหลิงเป็นสถานีใต้ดินแห่งหนึ่งที่เป็นสถานีต่อเนื่องกัน
ในตอนเช้าลู่โจวจะทำงานอยู่ที่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในพื้นที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกของเซี่ยงไฮ้ ในตอนบ่ายเขาก็จะไปยืนอยู่ในห้องปฏิบัติการในสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงเพื่อแสดงผลการวิจัยล่าสุดของเขาให้ชายสูงวัยคนหนึ่งดู
ภาพโฮโลแกรมของถังลอยอยู่เหนือแผ่นดิสก์สีเงิน แม้ว่าภาพถังที่ฉายอยู่จะไม่ได้ประเมินขนาด แต่โดยพื้นฐานแล้วมันก็มีองค์ประกอบและสีที่เหมือนกับถังของจริง
ถ้าพวกเขาสามารถทำขนาดออกมาในอัตราส่วน 1:1 มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะแยกภาพฉายออกจากถังจริงๆ ด้วยซ้ำ
เมื่อผู้อำนวยการหลี่ยื่นมือออกมาแล้วแหย่ภาพถังที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ นิ้วของเขาลอดผ่านภาพไประหว่างที่เขาพูด
“สิ่งนี้น่าสนใจทีเดียว แล้วถ้า…”
“แล้วถ้าเราใส่เรือบรรทุกอากาศยานเข้าไปล่ะ?” ลู่โจวพูด เขารู้จักชายสูงวัยคนนี้ดีเกินไป เขายื่นมือออกไปแล้วหยิบอุปกรณ์บนโต๊ะและเขย่ามันเบาๆ
แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงไม่ได้ถูกส่งไปถึงภาพโฮโลแกรม แต่มันกลับถ่ายทอดไปในทางที่รุนแรงกว่านั้น ถังที่กำลังลอยอยู่เหนือแผ่นกลมสีเงินกลับถูกแยกออกเป็นเศษชิ้นส่วนหลากสี มันดูเหมือนภาพที่เสียหายซึ่งสูญเสียรูปทรงทั้งหมดไป
เมื่อผู้อำนวยการหลี่เห็นภาพนี้ เขาก็นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเกาหัวอย่างเก้ๆ กังๆ
“ผมเข้าใจแล้ว… ดังนั้นห้ามเคลื่อนไหว ถูกไหม?”
“ถูกต้องครับ” ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดว่า “การเคลื่อนไหวในแนวดิ่งทำได้ แต่ถ้าแกว่งไปทางด้านข้าง มันก็จะทำให้ภาพบิดเบี้ยวเหมือนอยู่ที่คุณเพิ่งเห็นไป รูปทรงทั้งหมดอาจจะต้องถูกสร้างขึ้นใหม่”
ชิ้นส่วนภาพโฮโลแกรมสีที่เสียหายไปปรับปรุงภาพใหม่ในอากาศอย่างรวดเร็วและกู้ภาพถังอันเดิมกลับมา ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลู่โจวถอนหายใจอยู่ในใจ
เทคโนโลยีของโลกไปไกลมาก
สิ่งที่เขาได้มาจากล็อตเตอรี่ในระบบคงจะสามารถทนต่อการสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยได้อย่างแน่นอน
แต่สำหรับตอนนี้สิ่งนี้ดีพอแค่สำหรับการมาแทนที่ป้ายโฆษณาหรือถูกใช้เป็นจอแสดงภาพโทรทัศน์ภายในบ้าน
“…อีกอย่าง ผมไม่คิดว่าปฏิกิริยาครั้งแรกของคุณต่อเทคโนโลยีแบบใหม่ใดๆ ควรจะเป็นการนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านการทหาร เราอยู่ในช่วงเวลาที่สงบสุข ดังนั้นเราควรจะทำสิ่งที่สร้างสรรค์มากกว่านี้และตระหนักได้ถึงคุณค่าของมันอย่างแท้จริง”
ลู่โจวเอื้อมมือออกไปแล้วใช้นิ้วชี้เลื่อนผ่านที่ขอบแผ่นสีเงินเบาๆ
ภาพที่ลอยอยู่ในอากาศเปลี่ยนจากถังเป็นวิดีโอวินโดว์
เขามองไปที่ภาพวินโดว์ที่ลอยอยู่แล้วพูดว่า “เรากำลังทำการวิจัยว่าจะปรับปรุงภาพโฮโลแกรมจากจอแบบ 3 มิติล้วนเป็นอินเตอร์เฟสแบบอินเตอร์แอคทีฟซึ่งสนับสนุนระบบปฏิบัติการแบบสัมผัส ถ้าเราสร้างเทคโนโลยีนี้ เราจะสามารถสร้างนิยายวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นมาจริงได้”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น
ลู่โจวมองไปที่ภาพโฮโลแกรมที่กำลังสั่นและกระแอม
“เรากำลังทำการวิจัยด้วยว่าจะหลีกเลี่ยงการรบกวนจากคลื่นเสียงได้อย่างไรด้วยครับ เรื่องนี้ไม่ได้ยากจนเกินไป มันน่าจะได้รับการแก้ไขในเร็วๆ นี้… ขอผมรับสายนี้สักครู่นะครับ”
ลู่โจวปล่อยผู้อำนวยการหลี่ไว้ลำพังในห้องปฏิบัติการแล้วเดินออกไปด้านนอก
น่าแปลกที่สายนี้คือหลัวเหวินเซวียน
ลู่โจวหยิบโทรศัพท์แล้วเอาโทรศัพท์แนบหูและพูดว่า “ฮัลโหล?”
“ฉันเอง”
“ฉันรู้ว่าเป็นนาย นายต้องการอะไร?”
“เฮ้ ฉันก็แค่อยากโทรหาเพื่อน”
“ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องด่วน ฉันจะวางแล้วนะ”
“เดี๋ยว! รอก่อน ฉันแค่ล้อเล่น”
ลู่โจว “…”
หลัวเหวินเซวียนกระแอมและพูดว่า “เรื่องเป็นอย่างนี้ เมื่อวานนี้เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ทำการทดสอบประจำเดือนครั้งสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว โดยปกตินี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เราพบบางสิ่งที่น่าสนใจมากในการทดลอง… มันเป็นสิ่งที่ผิดปกติ แต่เราไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง”
เขานิ่งไปครู่หนึ่งและพูดต่อว่า “ฉันสามารถส่งข้อมูลไปให้นายได้ทางอีเมล แต่… ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้านายมาที่นี่ด้วยตัวเอง”
……………………..