นาฬิกาบนผนังเดินไปอย่างเงียบเชียบ
หนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา แฟรงก์ วิลกเซค กำลังนั่งอยู่ในท่าที่สมบูรณ์แบบและจ้องภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขานั่งแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
แล้วทันใดนั้นประตูออฟฟิศของเขาก็เปิดออก
ศาสตราจารย์วิลกเซคเห็นวิทเทนเดินเข้ามาในออฟฟิศของเขา ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นทีละนิด แต่เมื่อเขากำลังจะเอ่ยปากพูดวิทเทนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“ผมรู้ว่าคุณอยากจะถามผมว่าศาสตราจารย์ลู่คิดอะไรอยู่ แต่ผมเกรงว่าผมจะทำให้คุณผิดหวัง นอกจากข้อคาดการณ์เกี่ยวกับมิติพิเศษเขาก็ไม่ได้เผยเรื่องไหนให้ผมรู้อีก”
เมื่อวิลกเซคได้ยินคำที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เขาถึงกับทำคิ้วขมวด
“มิติพิเศษเหรอ?”
มิติพิเศษในเชิงฟิสิกส์ไม่ใช่คอนเซปต์ใหม่ ทุกมิติที่มาจากสมการสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์อาจเรียกได้ว่าเป็นมิติพิเศษ
เหมือนกับธีโอดอร์ คาลูซา ผู้ซึ่งเพิ่มมิติที่ 5 เข้ามาเพื่อใช้อธิบายแรงโน้มถ่วง ด้วยทฤษฎีสตริงทำให้ค่าของมิติเพิ่มขึ้นมาถึง 13
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้วิลกเซคงุนงงก็คือเหตุใดวิทเทนและลู่โจวถึงพูดคุยกันเกี่ยวกับแนวคิดนี้
“ใช่ เขาคิดว่าสาเหตุของปรากฏการณ์การเพิ่มขึ้นของมวลมาจากอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้” วิทเทนมองใบหน้าที่สับสนของวิลกเซคแล้วเขาก็หยิบไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงและวางมันลงบนโต๊ะทำงานของวิลกเซค เขาพูดว่า “สมมุติว่าจักรวาลถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่เป็นมิติ n เหมือนกับไฟแช็กนี่
“การรบกวนซึ่งเข้ามาแทรกแซงการทดลองของเรามาจากมิติ n+1 มันเหมือนกับนิ้วโป้งของผมที่กดลงบนสวิตช์ของไฟแช็ก แน่นอนว่าการเปรียบเทียบนี้อาจจะดูไม่ถูกต้อง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันแทบจะเป็นบทกวี… มันดูราวกับว่ามีพระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในมิติ n+1 เฝ้าดูพวกเราซึ่งถูกคุมขังอยู่ในกล่อง และพระเจ้าก็กำลังร้องเพลงอันไพเราะให้พวกเราฟัง”
วิลกเซคพูดพึมพำกับตัวเองขณะที่เขามองดูวิทเทนที่กำลังกดไฟแช็ก
“เรื่องนี้ฟังดู… น่าสนใจ”
วิทเทนเก็บไฟแช็กและชำเลืองมองวิลกเซคอย่างไม่อยากเชื่อ
“เหลือเชื่อ… ที่คุณพบว่ามันน่าสนใจจริงๆ”
“อย่างไรก็แล้วแต่ ลู่โจวเป็นคนเดียวที่ตั้งข้อคาดการณ์นี้” วิลกเซคยักไหล่แล้วพูดพึมพำว่า “เมื่อคุณวิเคราะห์ปัญหานี้ด้วยมุมมองที่ไม่ลำเอียง คุณก็ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่าเขาผิด จริงไหม? ตราบใดที่ข้อเท็จจริงเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็ได้เห็นว่าเมื่อพลังงานของการชนขึ้นไปถึง 5.12 เทระอิเล็กตรอนโวลต์ แล้วมวลก็มีการขยายไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากการคำนวณของแลตทิซควอนตัมโครโมไดนามิกส์ จริงๆ เราควรจะได้มวลทั้งหมดที่น้อยกว่านี้”
วิทเทนเงียบ
หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดขึ้นว่า
“ตอนนี้เราเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ เหตุผลที่ผมมาที่นี่ไม่ได้เพื่อจะมาถกเถียงว่าทฤษฎีไม่สมบูรณ์”
วิลกเซคถามว่า “แล้ว… คุณมาที่นี่ทำไม?”
วิทเทนตอบว่า “คุณคิดยังไงเกี่ยวกับศาสตราจารย์มิโร?”
“มิโร?” วิลกเซคไม่เคยได้ยินชื่อประหลาดชื่อนี้มาก่อน เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ขอโทษทีนะ ใครคือมิโร?”
เมื่อได้เห็นว่าวิลกเซคไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน วิทเทนก็ทำสีหน้าแปลกๆ
วิทเทนเอื้อมมือไปแล้วหยิบรีโมตคอนโทรลซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน จากนั้นเขาก็เปิดโทรทัศน์ของออฟฟิศซึ่งไม่ค่อยได้ใช้
“ศาสตราจารย์กาแลตต์ มิโร ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์วัย 37 ปีจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาสำหรับการทดลองฟิสิกส์พลังงานสูงที่เซิร์นและ ILHCRC และยังได้รับรางวัลสมาคมฟิสิกส์อเมริกาแอพเกอร์และรางวัลฟิสิกส์เชิงทฤษฎีนานาชาติดิแรค…”
“งั้นเขาก็เป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตสดใส” ศาสตราจารย์วิลกเซคดูการถ่ายทอดข่าวช่องฟ็อกซ์นิวส์ในโทรทัศน์แล้วก็ถามว่า “มีอะไรเกี่ยวกับเขาอีกล่ะ?”
“เขาเป็นผู้นำของศาสนาใหม่ด้วย” วิทเทนเงยคางบุ้ยใบ้ชี้ไปที่โทรทัศน์แล้วกดปุ่มสองสามปุ่มบนรีโมตคอนโทรล เขาพูดว่า “มันอาจจะเป็นเรื่องยากสักหน่อยที่จะอธิบาย ผมว่าคุณดูด้วยตัวคุณเองดีกว่า”
…
ฟ็อกซ์นิวส์
ที่สตูดิโอ
ชายร่างสูงเบ้าตาลึกคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา เขาสวมแว่นตากรอบทองอยู่บนดั้งและสวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตธรรมดา ไม่ยากเลยที่จะดูออกว่าเขาเป็นคนที่ทำงานด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม
คนที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามเขาคือคุณคอร์เดลล์ ซึ่งพิธีกรรายการทอล์กโชว์ของฟ็อกซ์นิวส์
คุณคอร์เดลล์มองมาที่ศาสตราจารย์มิโรพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรขณะที่เธอเอื้อมมือไปหยิบไมโครโฟนและเริ่มทำการสัมภาษณ์
“สวัสดีค่ะศาสตราจารย์มิโร ขอบคุณมากๆ ที่ให้เกียรติมาที่สตูดิโอของเรา ฉันได้ยินเรื่องหนึ่งที่เหลือเชื่อมาก… สุดๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในโลกฟิสิกส์ นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?”
“จริงครับ” ดูเหมือนมิโรจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับบรรยากาศที่นี่ เขามองไปรอบๆ อย่างประหม่า แต่ไม่นานเขาก็เรียกสติตัวเองกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจว่า “คุณสามารถพูดได้ว่ามีความเข้าใจต่างๆ ของเราเกี่ยวกับฟิสิกส์มากมายที่ถูกลบล้าง”
คุณคอร์เดลล์ถามขึ้นพร้อมกับยิ้ม “จากความคิดเห็นต่างๆ ทางออนไลน์ เราจะเห็นได้ว่ามีผู้ชมมากมายที่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราทราบมาว่าคุณเป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์อยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและเป็นนักวิจัยอยู่ที่ ILHCRC บางทีคุณน่าจะสามารถอธิบายรายละเอียดให้ผู้ชมทางหน้าจอทีวีของเราฟังหน่อยค่ะว่า… ผลลัพธ์อันน่าทึ่งที่เราได้จากเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนนั้นคืออะไร?”
“การขยายของมวลเกิดขึ้นที่ระดับ 5.12 เทระอิเล็กตรอนโวลต์!”
ดวงตาของศาสตราจารย์มิโรนั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นระหว่างที่คุณคอร์เดลล์ถามขึ้นว่า “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร เรื่องนี้… หมายความว่ายังไงคะ?”
“มันหมายถึงว่าปริมาณของมวลพลังงานอย่างที่เรารู้ๆ กันอาจจะไม่ถูกเก็บกักเอาไว้อีกต่อไปแล้ว!”
ดวงตาของศาสตราจารย์ดูเปี่ยมไปด้วยพลังเพิ่มขึ้นไปอีก เสียงของเขาสั่นเพราะความตื่นเต้นระหว่างที่เขาพูดต่อไปว่า “พื้นฐานฟิสิกส์ของเราถูกสร้างขึ้นมาบนดินแดนว่างเปล่าที่ราบเรียบ ด้วยการสำรวจของแบบจำลองมาตรฐาน เราได้ดำเนินการซ่อมแซมพื้นฐานนี้ต่อไปและเพิ่มอิฐเข้าไปอีก ในที่สุด เราก็ได้สร้างตึกสูงขึ้นมา!
“อย่างไรก็ตามหนึ่งเดือนที่ผ่านมา การวิจัยล่าสุดจาก ILHCRC ก็กระแทกตึกนี้ให้ล้มลงกับพื้น!
“น่าเสียดายที่คุณไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพื่อเป็นพยานในการทดลองอันยิ่งใหญ่นี้ ไม่เช่นนั้นคุณคงจะเข้าใจอย่างแน่นอนว่าทำไมผมถึงรู้สึกตื่นเต้นมากๆ!”
ดวงตาของศาสตราจารย์มิโรเบิกกว้างและแดงก่ำจนเห็นเส้นเลือดอันเนื่องมาจากอารมณ์ความรู้สึกของเขา แต่ทว่าคุณคอร์เดลล์กลับมาสีหน้าที่ประหลาดใจ
คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้เธอประหลาดใจ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจกับ…สภาพจิตใจที่ผิดปกติของเขาต่างหาก
เธอได้ยินผู้กำกับรายการกำลังพูดผ่านหูฟังของเธอและได้รับการยืนยันให้ทำการสัมภาษณ์ต่อ
เธอก้มหน้ากัดฟันแล้วดำเนินรายการต่อ
“เรื่องนี้ฟังดู… เป็นอะไรที่มหัศจรรย์ พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาได้พิสูจน์ว่ามวลพลังงานไม่ได้ถูกเก็บเอาไว้ใช่ไหมคะ?”
“มันไม่ได้ถูกเก็บไว้ในปริมาณมาก! ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้หมายความว่ายังไง ผมยินดีจะอธิบายให้คุณฟังอย่างแจ่มแจ้ง!”
ก่อนที่พิธีกรหญิงจะได้พูดอะไร ศาสตราจารย์มิโรก็รีบพูดต่อว่า
“จากมุมมองของฟิสิกส์แบบดั้งเดิม เอนโทรปีของจักรวาลของเรากำลังเพิ่มขึ้น ทุกๆ สิ่งพัฒนาขึ้นจากความเป็นระเบียบไปสู่ความไม่เป็นระเบียบ แต่ในตอนนี้ คอนเซปต์นี้อาจจะถูกลบล้าง! ในที่สุดฟิสิกส์ของเราก็เข้าสู่จุดที่แม้แต่ไอน์สไตน์ก็ไม่อาจจะคาดการณ์ได้ จักรวาลของเราอาจจะไม่ได้เสื่อมสลายไปชั่วนิรันดร์อีกต่อไป แต่มันจะดำเนินจากวัฏจักรเก่าไปสู่วัฏจักรใหม่ โดยสร้างวัฏจักรที่ไม่มีวันสิ้นสุด!”
ทันใดนั้นร่างผอมบางของศาสตราจารย์มิโรก็สั่นเทิ้มด้วยความกระตือรือร้น
เขาโน้มตัวมาด้านหน้าแล้วจ้องคุณคอร์เดลล์ ผู้ซึ่งมีแววแห่งความหวาดกลัวอยู่บนใบหน้า เขาพูดด้วยเสียงแหบห้าว
“คุณเชื่อเรื่องพระเจ้าไหม?”
คุณคอร์เดลล์ตกตะลึงกับคำถามนี้ แล้วเธอก็รีบพยักหน้า
“เชื่อค่ะ”
“บางพระเจ้าอาจจะมีจริง… ไม่สิ ท่านมีจริงอยู่แล้ว”
คุณคอร์เดลล์มองศาสตราจารย์มิโรซึ่งดูเหมือนจะเป็นบ้า และพูดว่า “ความหมายของคุณก็คือ… มวลพลังงานจะไม่ถูกเก็บไว้ชั่วนิรันดร์อีกต่อไป และจักรวาลจะไม่เพิ่มเอนโทรปีขึ้นมาตลอดกาล ข้อสรุปเหล่านี้พิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้าเหรอคะ?”
“พระเจ้างั้นเหรอ?” รอยยิ้มที่เหยียดหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของศาสตราจารย์มิโร เขาพิงหลังกับโซฟาและพูดว่า “ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการจะเรียก
“ในอีกแง่หนึ่ง มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้แจ้งทุกสิ่งและมีอำนาจในทุกอย่าง มันอยู่ในทุกที่และก็ไม่ได้อยู่ในที่ใดเลยในจักรวาล”
“มันเหมือนกับผีที่ร่อนเร่อยู่ในจักรวาล เข้ามาแทรกแซงพวกเราผ่านมือที่มองไม่เห็น”
“แทนที่จะใช้ชื่อเรียกแบบเด็กๆ ว่าพระเจ้า… “
“ผมอยากจะเรียกมันว่าจิตวิญญาณแห่งจักรวาลมากกว่า”
…………….