ในออฟฟิศเงียบสงัด
“ผมเพิ่งจะค้นพบเมื่อวานนี้เอง” หลังจากปิดโทรทัศน์ ศาสตราจารย์วิทเทนก็มองมาที่ศาสตราจารย์วิลกเซคซึ่งกำลังตะลึงงันและพูดว่า “มันดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาให้ความเห็นแบบนี้… ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมได้ยินผู้ช่วยของผมกำลังพูดเล่นว่าเขาเป็นผู้สอนศาสนาซึ่งเทศนาอยู่ในห้องปฏิบัติการของเราตลอดทั้งวัน”
วิลกเซคหมุนนิ้วชี้และพูดว่า “เรื่องนี้มันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?”
“สัปดาห์ที่แล้วหลังจากการทดลอง”
“ผมไม่เชื่อเลยว่าการทดลองจะทำให้เขาดังไปถึงขั้นนี้” วิลกเซคถอดแว่นตาของเขาออกแล้วถูดั้งจมูกขณะที่พูดว่า “เราควรจะช่วยเหลือเขายังไงดี?”
“นี่เป็นปัญหาที่คุณต้องไตร่ตรอง อย่าพยายามโยนความรับผิดชอบมาให้ผม” แล้ววิทเทนก็พูดว่า “รายชื่อของนักวิจัยในทีมโปรเจกต์การทดลองการชนได้รับการลงนามและอนุมัติโดยคุณ แล้วตอนนี้บางอย่างกำลังเกิดความผิดพลาด คุณจะไม่ไปเก็บกวาดความยุ่งเหยิงที่อยู่ในความรับผิดชอบของคุณเหรอ?”
“ผมเป็นคนอนุมัติจริงๆ เหรอ…?”
พอเห็นว่าวิทเทนไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป ศาสตราจารย์วิลกเซคก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ก็ได้ ดูเหมือนผมจะนึกออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”
หลังจากใช้เวลาอยู่ครึ่งนาทีในการครุ่นคิดว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้ว เขาเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว”
“คำแนะนำของผมสำหรับศาสตราจารย์มิโรก็คือให้เขาไปพัก และในช่วงเวลาระหว่างนั้น… เราต้องหาทางหยุดยั้งเขาจากการให้ความเห็นที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบเช่นนี้ในนามของ ILHCRC”
“ที่นี่เป็นอารามแห่งวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่โบสถ์ ถ้าเขาเชื่อความคิดพวกนั้นจริงๆ… มันคงจะดีกับเขามากกว่าที่จะไปทำงานวิจัยของเขาต่อในวัด”
วิทเทนพยักหน้า
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
อย่างไรก็ตามร่องรอยความกังวลก็ยังปรากฏขึ้นในแววตาของวิทเทน
“ผมหวังว่านี่จะไม่ทำให้เขาแย่ไปยิ่งกว่าเดิม ผมหวังว่าเขาจะหายเป็นปกติโดยเร็วที่สุด”
วิลกเซคพูดว่า “อันที่จริงผมก็อยากรู้ว่าเขาได้ทฤษฎีเรื่องพระเจ้าผ่านการขยายของมวลมาได้ยังไง”
เมื่อวิลกเซคสังเกตเห็นว่าวิทเทนกำลังจ้องมาที่เขา เขาก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “แน่นอนว่าผมก็แค่อยากรู้… แต่ผมจะไม่ไปถามเขาจริงๆ หรอก”
…
ลู่โจวคาดการณ์ไว้ว่าการทดลองนี้จะทำให้โลกฟิสิกส์ต้องตกตะลึง อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดไว้ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปในทิศทางที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ดูเหมือนจะเกิดศาสนาใหม่ขึ้นมาใช่ไหม?
คนเหล่านี้เชื่อใน ‘ทฤษฎีการสร้างพระเจ้า’ ซึ่งทุกอย่างถูกจัดการโดยเจตนา พวกเขาเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งกว่าบางอย่าง อารยธรรมหรือแม้แต่จิตสำนึกได้สร้างจักรวาลนี้ขึ้นมา
พวกเขาตั้งชื่อให้สิ่งมีชีวิตนี้ ซึ่งเป็นอารยธรรมหรือจิตสำนึกให้เรียกว่าจิตวิญญาณแห่งจักรวาล
จิตวิญญาณแห่งจักรวาลเป็นไปตามทฤษฎีการสร้างพระเจ้า
ในความเป็นจริงทฤษฎีการสร้างพระเจ้าไม่ใช่เรื่องใหม่ในฟิสิกส์ มิชิโอะ คะกุ หนึ่งในผู้ค้นพบทฤษฎีสตริงเป็นผู้สนับสนุนที่ยึดมั่นในทฤษฎีนี้
ศาสตราจารย์คะกุยังเสนอทฤษฎีจักรวาลคู่ขนานและทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลาเป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ผ่านการพินิจพิเคราะห์ แต่มันต่างก็ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเท็จ
มันเหมือนกับการที่นักฟิสิกส์คาดเดาว่ามีไข่เกิดขึ้นมาก่อนเกิดบิ๊กแบง แม้ว่าปฏิกิริยาครั้งแรกของคนส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่ว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันไม่จริง
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตของเวลา และความคิดทั้งหมดก็ล้วนเป็นผลผลิตของเวลา
เวลาเริ่มขึ้นที่จุดเริ่มต้นของบิ๊กแบง
ดังนั้นหากจะพูดด้วยเหตุผล มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะพิสูจน์ความจริงหรือพิสูจน์ว่าการคาดคะเนใดๆ ที่เกิดขึ้นก่อนจักรวาลนั้นเป็นเท็จ
มันคงจะดีสำหรับศาสนาใหม่นี้ซึ่งเชื่อในจิตวิญญาณแห่งจักรวาลที่จะได้รับความสนใจ
แต่จุดประสงค์ของวิทยาศาสตร์นั้นเพียงเพื่อที่จะศึกษาความลึกลับต่างๆ ของโลกนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อกีดกันคนอื่นจากความเชื่อของพวกเขา
อย่างไรก็ตามปัญหาก็คือว่าลัทธินี้ดูเหมือนจะได้รับความศรัทธาจากนักวิจัย ILHCRC บางคน…
สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมได้
ลู่โจวยืนอยู่ที่ทางเข้าตึกอพาร์ทเมนท์ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“เสี่ยวไอ”
ช่องแชทปรากฏขึ้นบนหน้าจอของเขา
เสี่ยวไอ: [อยู่นี่ค่ะ เจ้านาย! ♪(^∇^*)]
ลู่โจวครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะถามว่า “หาข้อมูลของคำว่า ‘จิตวิญญาณแห่งจักรวาล’ ในฐานข้อมูลของเธอให้หน่อยได้ไหม?”
เสี่ยวไอ: [จิตวิญญาณแห่งจักรวาล? มันคืออะไร? ( ̄△̄;)]
ลู่โจว: “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากรู้”
จนถึงตอนนี้แม้ว่าเขาจะสามารถลงความเห็นได้ว่าเสี่ยวไอมาจากที่ใด แต่เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าความจำของเสี่ยวไอมาจากไหน
หากล่าวกันตามเหตุผล ก่อนที่อารยธรรมวอยด์จะส่งมันมาให้เขา ทุกอย่างเกี่ยวกับอารยธรรมคาลานก็ควรจะถูกลบออกจากฐานข้อมูลของมันก่อน
อย่างไรก็ตามสำหรับเสี่ยวไอแล้ว มันสามารถที่จะเก็บรักษาความจำเอาไว้ได้
แล้วโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์จะลืมเรื่องต่างๆ ไหม?
ลู่โจวไม่รู้
จริงๆ เขาต้องการจะรู้ความลับที่อยู่เบื้องหลังเสี่ยวไอ
เสี่ยวไอ: [ถึงเสี่ยวไอจะไม่รู้ แต่เสี่ยวไอก็สามารถช่วยเจ้านายค้นหาฐานข้อมูลทั้งหมดบนเวิลด์ไวด์เว็บเพื่อหาคำตอบที่เกี่ยวข้องได้ (๑•̀ᄇ•́)و✧]
ลู่โจว: “ไม่เป็นไร ขอบคุณ มันไม่จำเป็นอีกต่อไป”
ชายร่างผอมสูงคนหนึ่งเปิดประตูตึกอพาร์ทเมนท์แล้วเดินออกมา
เมื่อเขาเห็นลู่โจว เขาก็ทำสีหน้าประหลาดใจ
เขาพูดขึ้นว่า
“ลู่โจว?”
ลู่โจวมองมาที่เขา
“คุณเป็นหนึ่งในคนอเมริกันไม่กี่คนที่จำผมได้”
“ครับ ผมศึกษาเรื่องฟิสิกส์มาหลายปีมาก…” ศาสตราจารย์มิโรพูด “ศาสตราจารย์ลู่ที่เคารพ ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่ครับ? ผมเกรงว่าผมจะไม่สามารถมอบสติปัญญาให้กับคุณได้”
ลู่โจวรู้สึกได้ถึงความอิจฉาและกระทั่งความไม่เป็นมิตรที่แฝงอยู่ซึ่งออกมาจากน้ำเสียงของเขา
สิ่งนี้ทำให้ลู่โจวรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาทำอะไรให้ชายผู้นี้ขุ่นเคือง
อย่างไรก็ตามลู่โจวก็เลิกใส่ใจความไม่เป็นมิตรของนักฟิสิกส์หนุ่มคนนี้
เขาถามว่า “คุณอยากจะไปจิบกาแฟกับผมไหม?”
หลังจากจ้องลู่โจวอยู่พักหนึ่ง ศาสตราจารย์มิโรก็ยักไหล่แล้วพูดว่า “ได้สิ ผมมั่นใจว่าคงไม่มีใครปฏิเสธคำเชิญของคุณหรอก”
“ผมรู้จักร้านดีๆ อยู่” ลู่โจวมองมาที่หวังเผิงและพูดว่า “ไปเอารถมา ไปร้านเดิมนะ”
หวังเผิงมองไปที่ศาสตราจารย์มิโร แล้วเขาก็พยักหน้า
“ได้ครับ”
เขาหันกลับไปแล้วเดินไปที่รถ
……………