ฟิสิกส์เป็นสาขาวิชาที่ศึกษากฎของการเคลื่อนไหวของวัตถุและโครงสร้างพื้นฐานของวัตถุ
จักรวาลเหมือนกับจำนวนอนันต์ ยกตัวอย่างเช่น [1,2,3,5,7,11,13…] และฟิสิกส์คือการศึกษากฎและรูปแบบของชุดตัวเลขนี้
เมื่อวิทยาศาสตร์อยู่ที่จุดเริ่มต้นของมัน เมื่อผู้คนยังคงถกเถียงกันในเรื่อง 1 กับ 2 นักฟิสิกส์ที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิลโชคดีมากพอที่จะนับไปได้ถึง 3 ดังนั้นเขาจึงคิดว่า ‘ชุดจำนวนคือ 123456… มันประกอบด้วยจำนวนธรรมชาติทั้งหมด’
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิธีการสังเกตการณ์จึงได้รับการปรับปรุงแก้ไขด้วย
ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ยุคใหม่ที่ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าจำนวนลำดับที่ 4 ไม่ใช่ 4 แต่เป็น 5 กฎที่สรุปโดยนิวตันจึงนำไปใช้ได้เฉพาะกับจำนวนสามจำนวนแรกเท่านั้น
เพื่อที่จะสร้างทฤษฎีของเขาให้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ไอน์สไตน์กำลังทำการสังเกตจำนวนลำดับที่ 7 ซึ่งก็คือเลข 13 เมื่อยึดตามปรากฏการณ์ที่เฝ้าสังเกตจึงได้เกิดบทสรุปนี้ขึ้น:
[สำหรับชุดจำนวนที่อธิบายจักรวาล เว้นแต่จำนวนแรกจำนวนเดียว ‘1’ จำนวนต่อไปนี้ควรจะประกอบด้วย ‘2, 3, 5, 7, 11, 13, 17, 19…’ จำนวนเฉพาะ]
เด็กที่ฉลาดจะรู้ว่ากลุ่มทฤษฎีที่ไม่สามารถคาดเดาได้ อย่างเช่น ทฤษฎีสัมพัทธภาพ แบบจำลองมาตรฐาน และกลศาสตร์ควอนตัม แท้จริงแล้วเป็นทฤษฎีที่เป็นจริง
พวกเขาอธิบายว่าโลกอยู่เหนือเลขโดดลำดับที่ 4 ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้และสามารถสังเกตได้เฉพาะจากอุปกรณ์ทางวิชาชีพเท่านั้น
นี่คือสิ่งที่ผู้คนเรียกว่า ‘โลกจุลภาค’
ไอน์สไตน์นั้นโชคดีเสียยิ่งกว่านักวิชาการที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิล แม้ว่าเขาจะถูกจำกัดด้วยเวลาและเห็นแต่เฉพาะเลขโดดลำดับที่ 7 แต่ทฤษฎีของเขาก็ถูกต้องทั้งหมด
ด้วยการใช้ ‘กฎ’ ที่พบใน ‘แบบจำลองมาตรฐาน’ ผู้คนจึงทำการสังเกตเห็นจำนวนตัวเลข 17 และ 19 ได้สำเร็จและพบกับชุดสมบัติ อย่างเช่น อนุภาคฮิกส์และคลื่นความโน้มถ่วง
ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ดีมาก
น่าเสียดายที่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา
ขณะที่เทคโนโลยีดำเนินต่อไปสู่ความก้าวหน้า เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ก็ทำให้ผู้คนได้สังเกตเห็นจำนวนตัวเลขที่มากกว่า 19 สิ่งนี้ทำให้สายตาของพวกเขาเปิดกว้างไปถึงโลกจุลภาคที่เล็กกว่ามากและแม้กระทั่งมิติอื่นๆ…
ผู้คนต่างประหลาดใจที่พบว่า สำหรับชุดจำนวนที่อธิบายจักรวาล จำนวนลำดับที่ 10 หลังจาก 19 นั้นไม่ใช่ 23 จำนวนตำแหน่งที่ 11 ก็ไม่ใช่ 29 แต่อย่างใด
จำนวนสองจำนวนคือ 23 กับ 29 ก็ไม่ได้ปรากฏในชุดจำนวนนี้เลย แต่พวกมันกลับถูกแทนที่ด้วยชุดจำนวนที่ไม่มีกฎเกณฑ์เลยและไม่มีเหตุผลใดๆ
พวกมันไม่ใช่จำนวน พวกมันคือตัวอักษรและสัญลักษณ์
มันเป็นไปได้ไหมที่จะหารูปแบบในลำดับทั้งหมด?
ไม่
ยกตัวอย่างเช่น ลำดับของจำนวนอตรรกยะ
ถ้าใครสักคนต้องการจะอธิบายรูปแบบของมัน พวกเขาจะต้องใช้จำนวนข้อมูลเดียวกับตัวลำดับของมันเอง…
แม้ว่าทฤษฎี ‘จิตวิญญาณแห่งจักรวาล’ ของศาสตราจารย์มิโรจะฟังดูเหมือนไร้สาระ แต่สิ่งที่เขาได้อธิบายนั้นไม่ใช่พระเจ้าที่มีอำนาจทุกอย่าง
สิ่งที่เขาต้องการอธิบายจริงๆ คือมีความตระหนักรู้ในจักรวาลนี้ที่จัดการทุกสิ่งในจักรวาลตามการรับรู้ส่วนตัวของมันเอง
มันเหมือนกับเด็กที่ถือกิ่งไม้ไว้ในมือ ฮัมเพลงที่มีเพียงแต่ตัวเขาที่เข้าใจขณะที่เขียนลำดับจำนวนที่ไร้ความหมายไว้บนชายหาด
ขณะที่พวกมดบนพื้นใช้ตรรกะของพวกมันและครุ่นคิดว่าจำนวนที่ปรากฏอยู่บนพื้นนั้นหมายความว่าอะไรและทำไมพวกมันจึงปรากฏอยู่ที่นั่น
ดังนั้นชื่อจิตวิญญาณแห่งจักรวาล…
…
สำหรับแวดวงฟิสิกส์ นี่คือวันที่มืดมนที่สุดอย่างแน่นอน
การทดลองการชนกันในขอบเขตพลังงานที่เหนือกว่า 5 เทระอิเล็กตรอนโวลต์เป็นเหมือนหลุมดำที่ยึดความพยายามของเหล่านักฟิสิกส์ไปตลอดศตวรรษที่ผ่านมา ทั้งทฤษฎีสตริงและทฤษฎีบิ๊กแบงดูเหมือนจะถูกหลุมดำนี้ดูดกลืนเข้าไป
วิทเทนมองดูภาพบนคอมพิวเตอร์และครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน แล้วทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาและพูดว่า “รู้สึกเหมือนพวกเราใช้เวลาครึ่งศตวรรษในการศึกษากฎของจักรวาล แล้วในตอนท้าย มันก็พิสูจน์ได้แค่ว่า สิ่งต่างๆ ที่เรากำลังค้นคว้าวิจัยไม่ได้มีกฎอะไรเลย”
ลู่โจวจ้องมองไปที่ข้อมูลที่ดูเผินๆ แล้วออกจะประหลาดและตอบอย่างไม่ได้สนใจอะไรนัก “รู้สึกยอมรับไม่ได้เหรอ?”
วิทเทนพูดแบบทีเล่นทีจริง
“มันไม่สามารถจะยอมรับได้ ผมแทบอยากจะปลดเกษียณ”
ลู่โจวพูดว่า “อย่าทำอย่างนั้นเลยครับ ปัญหานี้อาจจะทำให้เราพ่ายแพ้ แต่ถ้าคุณปลดเกษียณ มันจะเป็นความเสียหายต่อมวลมนุษยชาติทั้งหมดแน่ๆ”
“ทำไมมันถึงจะเป็นเช่นนั้นล่ะ? มีนักฟิสิกส์หนุ่มสาวที่เก่งๆ อีกมาก ในความเห็นของผม ความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาจะไม่ด้อยไปกว่าผมหรอก”
ศาสตราจารย์วิทเทนยิ้ม จู่ๆ เสียงของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความอาวรณ์ระหว่างที่เขาพูดขึ้นว่า “อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้จะหนุ่มขึ้นสักหน่อย ผมคิดเรื่องนี้มาประมาณ 3 หรือ 4 ปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเชิญผมมาที่ ILHCRC บางทีผมอาจจะกำลังอาบแดดอยู่ที่ฮาวายก็ได้”
“จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยครับ”
“ฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก อันที่จริงแล้วผมควรจะขอบคุณคุณนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคำเชิญของคุณ ผมคงจะพลาดสิ่งที่น่าสนใจไปเยอะเลย”
ศาสตราจารย์วิทเทนสังเกตเห็นการคำนวณที่ลู่โจวเขียนไว้บนกระดาษร่าง ทันใดนั้นเขาก็เลิกคิ้วด้วยความสนใจ
“คุณยังหมกมุ่นอยู่กับทฤษฎีมิติพิเศษอยู่เหรอ?”
“ทำนองนั้น”
“ด้วยความเคารพนะ มันไม่ได้ต่างอะไรจากวิญญาณนิยมเลย”
“มันยังมีความแตกต่างอยู่เยอะครับ” ลู่โจวมองไปที่กระดาษอยู่ครู่หนึ่งระหว่างที่ถือปากกาเอาไว้ในมือ เขาพูดว่า “อย่างน้อยที่สุดผมก็สามารถพิสูจน์การดำรงอยู่ของมันได้ในแง่ของคณิตศาสตร์”
ดวงตาของศาสตราจารย์วิทเทนมีแววประหลาดใจราวกับเขากำลังคิดว่า “นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
ลู่โจวพูดต่อไป “โดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้สำหรับเราผู้ซึ่งอยู่ในกล่องในการที่จะได้เห็นโลกที่อยู่นอกกล่อง แต่มันก็มีข้อยกเว้นอยู่ข้อหนึ่ง จำแมวของชเรอดิงเงอร์ได้ไหม?”
“แมวของชเรอดิงเงอร์? เดี๋ยวก่อนนะ คุณหมายความว่า—”
ทันใดนั้นลูกตาของศาสตราจารย์วิทเทนก็ขยายออกเล็กน้อย เขาเต็มไปด้วยความสับสน แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกตื่นเต้น
“ถูกต้อง ผมมั่นใจว่าคุณรู้แล้วว่าผมหมายความว่ายังไง” ลู่โจวยิ้ม หมุนปากกาในมือ แล้วพูดต่อว่า “ให้คุณจินตนาการว่าเราเป็นแมวในกล่อง สำหรับโลกที่อยู่นอกกล่อง ทุกสิ่งเกี่ยวกับเราอยู่ในการทับซ้อนของความยุ่งเหยิง แต่ตอนนี้ใครบางคนก็เปิดกล่องออกแล้วเฝ้าดูมันให้เรา”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่วางแผนเอาไว้”
“เนื่องด้วยการสังเกตการณ์จากด้านนอกจักรวาล การทับซ้อนที่มีเราอยู่ข้างในก็พังทลายลง ดังนั้นมันจึงกลายเป็นความเป็นจริงที่เราเห็นอยู่ในตอนนี้”
วิทเทนขมวดคิ้วระหว่างที่ลู่โจวพูด
“เราไม่รู้ว่าจักรวาลมีจิตวิญญาณหรือไม่ และไม่มีใครที่มีสิทธิ์จะกำหนดการมีอยู่ของมัน”
“แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแทบจะสามารถยืนยันได้ก็คือ บางสิ่งที่อยู่นอกกล่องกำลังโบกมือให้เรา”
วิทเทนพูดว่า “แต่มัน… หรือพวกมัน… ทำไมพวกมันทำแบบนี้?”
“ผมก็ไม่รู้ บางทีอาจจะมีแต่พวกมันที่รู้คำตอบ” ลู่โจวส่ายหัวแล้วพูดต่อว่า “บางทีมันอาจจะกำลังขอความช่วยเหลือให้เราช่วยเปิดเผยการมีอยู่ของมัน
” ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่พวกมันกำลังร้องขอ มันก็ไม่น่าจะเป็นความหายนะแต่น่าจะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่”
“โอกาสที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวอยด์ให้มากขึ้น”
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าอันว่องไวดังขึ้นด้านนอกออฟฟิศ
ลู่โจวและวิทเทนหยุดพูดคุยและมองไปทางประตู
มีเสียงเคาะประตูและก่อนที่ลู่โจวจะทันได้ตอบ ประตูก็ถูกเปิดออก
“ขอโทษครับ! มีบางอย่างที่ร้ายแรงมากๆ เกิดขึ้น!”
ลู่โจวมองไปที่หลัวเหวินเซวียนและนิ่งไปครู่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เรื่องศาสตราจารย์มิโร!”
หลัวเหวินเซวียนสูดลมหายใจเข้าลึกและควบคุมการหายใจของเขา
เขามองมาที่บุคคลทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วพูดเสียงสั่น “เขาเสียชีวิตแล้ว…”
………………..