เป็นไปได้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ลู่โจวเข้าใกล้ความตายมากที่สุด
ถ้าจะพูดให้ถูก… นี่คือช่วงเวลาที่เขาอยู่ใกล้ใครสักคนที่เสียชีวิตไปมากที่สุด
ณ ตึกอพาร์ทเมนท์ ILHCRC 1
ทางเข้าเต็มไปด้วยรถตำรวจ
ชายสูงวัยคนหนึ่งในชุดธรรมดายืนอยู่ด้านนอกพื้นที่ที่ถูกล้อมรั้ว สีหน้าของเขาแสดงความรู้สึกที่ตำหนิตัวเองและความเศร้า เขาร้องไห้ด้วยเสียงอันเบา
“ทั้งหมดเป็นความผิดของผม… ผมเซ็นในกระดาษนั่น…”
ศาสตราจารย์วิทเทนตบบ่าศาสตราจารย์วิลกเซคและพูดปลอบใจว่า
“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ เส้นทางของแต่ละคนถูกกำหนดไว้แล้ว ในที่สุดแล้วพวกเขาจะต้องไปในที่ที่พวกเขาควรจะต้องไป ผมหวังว่าเขาจะได้คำตอบที่เขาต้องการในอีกฟากฝั่งของโลก”
“ส่วนพวกเรา พวกเราต้องใช้ชีวิตต่อไป”
นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว นักวิจัยและเด็กฝึกงานของ ILHCRC จำนวนมากก็ยืนอยู่ตรงนั้น
หลายคนเคยได้ยินเรื่องราวของศาสตราจารย์มิโรและ ‘จิตวิญญาณแห่งจักรวาล’
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับทฤษฎี แต่ก็ยังมีคนอยู่ 2-3 คนที่คิดว่าทฤษฎีนี้ดูมีเหตุผล
ต่างจากแนวคิดทั่วไปของ ‘พระเจ้า’ ทฤษฎีของศาสตราจารย์มิโรนั้นเหมือนกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์มากกว่า คล้ายๆ กับแนวคิดที่ว่า ‘จักรวาลไร้เหตุผล’ และ ‘จิตสำนึกขั้นสูงที่ผิดปกติควบคุมกฎของธรรมชาติ’
อย่างไรก็ตามทฤษฎีเหล่านี้ก็ฟังดูน่ากลัว
ถ้าทั้งหมดนี้เป็นจริง อย่างนั้นฟิสิกส์ก็คงจะเหมือนกับการศึกษากฎของจำนวนอตรรกยะที่ยาวเป็นหางว่าวซึ่งไม่มีเหตุผลแต่อย่างใด
ผู้คนมองไปที่หน้าต่างชั้นบนซึ่งผ้าม่านปิดอยู่
“น่าตกใจมากๆ…”
“โอ้ ใช่เลย”
“ศาสตราจารย์มิโรเป็นนักฟิสิกส์ที่ยอดเยี่ยมมาก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะจบชีวิตของเขา ถ้าเราได้ค้นพบสาขาใหม่ของฟิสิกส์ มันก็คงจะเป็นตอนจบที่มีความสุข”
“มันไม่ได้มีความสุขมากหรอก หัวหน้าของผมดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี”
“หัวหน้าของคุณวิจัยเรื่องอะไรอยู่?”
“วิธีการคำนวณควอนตัมแลตทิซ”
“บ้าไปแล้ว”
“เป็นไปได้ไหมว่าศาสตราจารย์มิโรจะเจอเรื่องแย่ๆ มา?”
“เฮ้ อย่าพูดแบบนั้นเลย ที่นี่คือ LHCRC ไม่ใช่บ้านผีสิงในสวนสนุก เครื่องชนอนุภาคอยู่ห่างจากเราไปมากกว่า 300,000 กิโลเมตร ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะสัมผัสกับรังสีพลังงานสูง”
ทันใดนั้น…
ความวุ่นวายและเสียงกระซิบต่างๆ หยุดชะงักลง
ชายหนุ่มคนหนึ่งในเสื้อโค้ทกันฝนเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปยังขอบเทปกั้นของตำรวจ
ตำรวจที่ยืนอยู่หลังเทปที่กั้นเห็นเขาแล้วก็รีบเดินตรงมาหาเขา ตำรวจพูดขึ้นด้วยความเคารพ “สวัสดีครับ นักวิชาการลู่”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วเงยหน้ามองขึ้นไปที่อพาร์ทเมนท์ซึ่งมีผ้าม่านปิดอยู่
เขาไม่ได้สนิทกับศาสตราจารย์มิโรมากนัก พวกเขาเพียงแค่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันไม่นานที่ร้านกาแฟ เขาได้ยินว่าศาสตราจารย์เหมือนจะได้รางวัลทางฟิสิกส์มาซึ่งเขาก็ไม่ได้ใส่ใจนักและได้ยินมาว่าศาสตราจารย์มิโรนั้นนับว่าเป็นนักวิชาการหนุ่มที่โดดเด่น
เรื่องนี้คงจะส่งผลกระทบทางลบต่อ ILHCRC อย่างไม่ต้องสงสัย
ข่าวลือต่างๆ แพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว ผู้คนต่างอ้างว่าศาสตราจารย์มิโรเสียชีวิตด้วยอำนาจทางวิชาการของคณะกรรมการ ILHCRC เพราะเขาถูกบีบคั้นจากนักฟิสิกส์กระแสหลัก
ผู้ติดตามของเขาถึงขั้นข่มขู่จะล้างแค้นให้กับการตายของเขากับ ILHCRC…
ลู่โจวมองตำรวจแล้วพูดว่า
“คุณช่วยอธิบายสถานการณ์ด้านในแบบย่อๆ ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าเขากำลังพิจารณาว่านี่เป็นความคิดที่ดีหรือไม่
อย่างไรก็ตามเขาก็ตระหนักว่าสถานะของศาสตราจารย์ลู่นั้นสูงกว่าหัวหน้าของหัวหน้าของเขา ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า
“เป็นการฆ่าตัวตายครับ
“เขาใช้ยาเซฟาโลสปอรินเกินขนาด… และก็แอลกอฮอล์
“เรากำลังสืบสวนในรายละเอียด เราได้แจ้งไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกาแล้ว พวกเขาจะรับผิดชอบในการติดต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตครับ…”
ลู่โจวพยักหน้า
แล้วเขาก็ถามว่า “ขอผมเข้าไปด้านในได้ไหม?”
เมื่อเทียบกับคำขอก่อนหน้านี้ คำขอนี้ดูยากที่จะยอมรับได้มากยิ่งกว่า
ตำรวจลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
แต่แล้วหวังเผิงก็หยิบหนังสือรับรองออกมาแล้วส่งให้เขา
“กระทรวงความมั่นคงของรัฐกำลังรับจัดการคดีนี้ต่อ”
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นเอกสารนี้ เขาถึงกับสะดุ้ง เขาพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า
“ผมจำเป็นต้องขอคำสั่งจากหัวหน้าของผมก่อน”
หวังเผิงพยักหน้า
“ได้ครับ”
…
ไม่นานหลังจากนั้น ลู่โจวก็ได้รับอนุญาตให้ผ่านเทปกั้นของตำรวจไปแล้วเดินเข้าไปยังห้องของศาสตราจารย์มิโร
ต่างจากที่ลู่โจวได้จินตนาการไว้ พื้นที่อาศัยของศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์คนนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เป็นที่แน่ชัดว่าอพาร์ทเมนท์ได้รับการทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ
“เป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นคดีที่ประหลาดมากที่สุดที่ผมเคยจัดการมาในช่วงสองปีที่ผ่านมา…”
เจ้าหน้าที่ตำรวจสูงวัยคนหนึ่งมองไปที่เส้นสีขาวที่วาดอยู่บนพื้นพร้อมกับทำสีหน้าที่เข้าใจได้ยาก เขาพูดว่า “จากลักษณะการอยู่อาศัยของเขาเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่สุขภาพดีมากกว่าคนปกติทั่วไป”
ลู่โจวไม่ได้แสดงความคิดเห็นอันใด เขาเพียงแต่เดินเข้าไปในห้องหนังสือแล้วเปิดลิ้นชัก
นักวิชาการคนหนึ่งที่มีตารางการทำงานและการพักผ่อนปกติมักจะปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณ ซึ่งก็คือสิ่งที่พวกเขามักจะเก็บไว้ใกล้ๆ กับเอกสารประกอบการวิจัย
แน่นอนว่าลู่โจวได้พบบางสิ่งที่เหมือนสมุดบันทึกในการทำวิจัยจากในลิ้นชักของเขา
เขาพลิกเปิดดูและไล่ตามลายมือและการคำนวณที่เป็นระเบียบ เขายังอ่านไปเรื่อยๆ และเขาก็เริ่มมีสีหน้าที่ประหลาดใจ
เขาไม่ได้ประหลาดใจกับความสำเร็จด้านวิชาการของศาสตราจารย์มิโร อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ทึ่งกับความสำเร็จทางวิชาการของใครทั้งนั้น
สิ่งที่ทำให้ลู่โจวประหลาดใจก็คือเดิมแล้วเขาคิดว่าศาสตราจารย์มิโรแค่ถลำลึกลงไปในจินตนาการที่บ้าคลั่งเกี่ยวกับ ‘จิตวิญญาณแห่งจักรวาล’ เขาไม่คาดคิดว่าจริงๆ แล้วชายคนนี้จะสร้างระบบเชิงทฤษฎีที่สมบูรณ์สำหรับข้อคาดการณ์นี้…
โดยพื้นฐานแล้วในระบบเชิงทฤษฎีของมิโร ‘จิตวิญญาณแห่งจักรวาล’ เป็นแก่นแท้ของระบบเชิงทฤษฎีทั้งหมด มิโรได้รับ ‘จักรวาลเป็นการวางแผนของพฤติกรรมส่วนบุคคลของจิตสำนึกที่สูงส่งบางอย่าง’ และ ‘ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว’ และ ‘จิตสำนึกแห่งจักรวาลประเภทนี้มีความเป็นไปได้’
มันดูเหมือนว่าเขากำลังบอกว่ามนุษย์สามารถสื่อสารกับ ‘จิตวิญญาณแห่งจักรวาล’ ในแง่ของนามธรรมได้
เรื่องนี้ฟังดูเหมือนอุดมคตินิยม
นี่คือจิตสำนึกแบบนิยัตินิยมเพิ่มเสริมบนพื้นฐานของทฤษฎีการสร้างของพระเจ้าและวิญญาณนิยมของจักรวาล
ในฐานะที่ลู่โจวเป็นพวกวัตถุนิยม เขาคิดว่าเรื่องนี้ไร้สาระ
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีค่าอะไรเลยที่ศาสตราจารย์มิโรต้องเผชิญกับการถกเถียงอย่างรุนแรงเกี่ยวกับทฤษฎีสำหรับจิตวิญญาณแห่งจักรวาล แม้ว่ามิโรจะใช้ศัพท์เฉพาะทางจิตวิทยามากมายและคำที่เขาสร้างขึ้นเองซึ่งมีเพียงแค่เขาที่จะสามารถเข้าใจได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้พยายามจะวิเคราะห์ทฤษฎีนี้โดยใช้การคิดในเชิงวิทยาศาสตร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นในส่วนของนิยัตินิยมแห่งจิตสำนึก ส่วนที่เป็น ‘เราสามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณแห่งจักรวาล’ นั้น ดูเหมือนว่ามิโรจะล้มเลิกในการพยายามหาคำอธิบาย เขาเขียนทฤษฎีของเขาลงไปราวกับว่ามันเป็นทฤษฎีบท
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ที่เข้มงวด
อย่างน้อยที่สุดมิโรควรเพิ่มคำอย่างเช่นว่า ‘อาจจะ’ และ ‘บางที’ ในการอภิปรายด้วย
หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที ลู่โจวก็สูดลมหายใจลึกหลังจากพลิกดูสมุดบันทึกตั้งแต่ต้นจนจบ เขาปิดสมุดบันทึกแล้วมองมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างหลังเขา
“ผมขอสมุดบันทึกนี้ไปได้ไหม?”
“ผมเกรงว่าจะไม่ได้” ตำรวจทำสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาพูดว่า “นี่เป็นทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตและเป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี ผมเกรงว่าคุณจะต้องรอจนกว่าจะปิดคดี หลังจากนั้นคุณก็จะสามารถเจรจากับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ครับ”
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วบันทึกภาพวิดีโอ เขาเปิดสมุดบันทึกผ่านๆ บันทึกภาพข้อมูลด้านในทั้งหมด
หากจะว่ากันตามตรงนี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนต่างก็ทำเป็นมองไม่เห็น
หลังจากที่เขาทำการบันทึกเสร็จแล้ว ลู่โจวก็เก็บโทรศัพท์แล้วมองมาที่หวังเผิง
“กลับกันเถอะ”
หวังเผิงลังเลอยู่นิดหนึ่งแล้วถามว่า “เราเสร็จธุระแล้วเหรอครับ?”
“ใช่” ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “ผมคิดว่า… ผมคงจะเจอคำตอบแล้ว”
ลู่โจวและหวังเผิงเดินออกมาจากอพาร์ทเมนท์ของศาสตราจารย์มิโรแล้วมุ่งตรงไปยังลานจอดรถ
วิทเทนเห็นลู่โจวปรากฏตัวขึ้นตรงนอกตึก เขาก็รีบแทรกตัวผ่านฝูงชนแล้วเข้าไปทักทาย
“คุณเจออะไรข้างในบ้างไหม? แล้วทำไมศาสตราจารย์มิโรถึง—”
ลู่โจวส่ายหัว
“ข้างในไม่มีอะไรที่สำคัญเป็นพิเศษ ศาสตราจารย์มิโรไม่ได้ทิ้งเอกสารประกอบการวิจัยไว้ในอพาร์ทเมนท์ของเขามากนัก เขาดูไม่เหมือนคนที่จะเอางานกลับมาบ้าน”
ลู่โจวมองหน้าวิทเทนแล้วพูดว่า “ยังไงก็แล้วแต่ ผมเจอสมุดบันทึกในลิ้นชักของเขา”
วิทเทนรีบถามต่อว่า “ข้างในเขียนอะไรเอาไว้?”
“การวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองล่าสุดของ ILHCRC บางส่วนของเขา ข้อคาดการณ์ของเขาเกี่ยวกับจิตวิญญาณแห่งจักรวาลและระบบเชิงทฤษฎีที่เขาสร้างขึ้นใกล้ๆ กับข้อคาดการณ์นี้… มันดูเหมือนว่านี่เป็นสิ่งที่เขาทำตอนช่วงที่เขาพักร้อน”
วิทเทนถอดแว่นตาของเขาออกแล้วบีบดั้งจมูก
“นี่เป็น…”
ลู่โจวพูดว่า “ความอัปยศใช่ไหม?”
“ใช่… ไม่ใช่แค่ความอัปยศ แต่เป็นการสร้างความไม่สงบด้วย”
ความไม่สงบนี้แพร่กระจายไปทั่วสำนักงานใหญ่ ILHCRC รวมทั้งนักฟิสิกส์ทุกคนบนโลก คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อในเรื่องวิญญาณนิยม และไม่เชื่อในจิตวิญญาณแห่งจักรวาลเช่นกัน
มันไม่มีอะไรอย่างเช่น ความศรัทธา ในฟิสิกส์เลยเหรอ?
อันที่จริงนั่นเป็นเรื่องที่ผิด
เรื่องนี้เหมือนเป็นพายุที่เกิดจากนิวทริโนเร็วกว่าการทดลองของแสง
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นพบสิ่งผิดปกติที่เกิดกับการทดลองโอเปรา แต่คนส่วนมาก็คิดว่ามันเป็น ‘ข้อผิดพลาดทางการทดลอง’
ILHCRC กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายกัน
ก่อนที่การทดลองครั้งที่สองจะเริ่มขึ้น คนส่วนมากต่างก็ภาวนาให้ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องผิดพลาด พวกเขาหวังว่าผลการทดลองใหม่จะสามารถปกปิด ‘ข้อผิดพลาด’ ที่ผ่านมาได้ ด้วยวิธีนี้ การสร้างฟิสิกส์ก็จะกลับมาสู่กรอบของแบบจำลองมาตรฐานและทั้งหมดก็คงจะเป็นไปด้วยดี…
ลู่โจวมองไปทางศาสตราจารย์วิทเทนที่เงียบอยู่แล้วพูดว่า
“ผมรู้ว่าคุณมีคำถามมากมาย… บางทีผมคงจะสามารถตอบบางส่วนได้”
“แล้วเรื่องทฤษฎีมิติพิเศษล่ะ?”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมต้องการเวลามากกว่านี้ก่อนที่จะอธิบายให้คุณฟัง
“คุณไม่ต้องรอนานเลย อย่างมากก็หนึ่งสัปดาห์… อีกไม่นานผมจะหาคำตอบที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่น่าจะสามารถทำให้คนส่วนใหญ่พอใจได้
“สิ่งนี้จะเปลี่ยนอนาคตของฟิสิกส์”
……………..