เมฆดำทะมึนที่มองไม่เห็นกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือ ILHCRC
อารมณ์ของคนเกือบทุกคนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
ผู้คนจากทั่วโลกซึ่งเชื่อในจิตวิญญาณแห่งจักรวาลแสร้งทำเป็นนักท่องเที่ยวและเริ่มมารวมตัวกันในเซี่ยงไฮ้ พวกเขามาที่ ILHCRC และเริ่มทำการประท้วง
เมื่อสุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ การประท้วงก็ได้ปิดกั้นถนนในบริเวณใกล้เคียงไปแล้ว
นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเหล่านี้ยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าของ ILHCRC และวางป้ายที่เขียนว่า ‘คัดค้าน’ ‘หยุดการทดลอง’ ‘ฆาตกร’ และอื่นๆ รวมทั้งภาพที่น่ารังเกียจ
เห็นได้ชัดว่าการประท้วงขนาดใหญ่นี้ไม่ได้หลุดรอดไปจากสายตาของสื่อ
กำลังตำรวจยังมาไม่ถึงที่เกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวของ BBC เดินเข้ามาในฝูงชนพร้อมกับไมโครโฟนในมือ ผู้สื่อข่าวเลือกผู้ประท้วงคนหนึ่งที่อายุเกือบ 60 ปี
“สวัสดีครับ วันนี้คุณมาประท้วงเรื่องอะไร?”
ชายสูงวัยพูดอย่างฉุนเฉียว “นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอ? ILHCRC ต้องหยุดเดี๋ยวนี้! ตอนนี้! พวกเขาควรหยุดทำพฤติกรรมบ้าๆ ได้แล้ว! ปิดฐานการทดลองบนดวงจันทร์แบบถาวร!”
ผู้สื่อข่าว BBC จ่อไมค์เข้าไปใกล้ขึ้นทันที
“พฤติกรรมบ้าๆ งั้นเหรอครับ?”
หน้าของชายสูงวัยแดงก่ำขณะที่เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นว่า “เครื่องชนอนุภาค! สิ่งที่พวกเขาทำในยุโรปยังไม่พออีกเหรอ? ไม่คิดว่าผมจะอ่านข่าวล่ะสิ พวกเขาใช้เครื่องชนอนุภาคเพื่อสร้างหลุมดำขนาดเล็กบนพื้นที่ชายแดนระหว่างฝรั่งเศสกับสวิตเซอร์แลนด์! ตอนนี้พวกเขายังสร้างเครื่องชนอนุภาคที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแล้วยังตั้งมันไว้บนดวงจันทร์… พวกเขาสร้างปัญหามากขึ้นไปอีก!”
“ปัญหามากขึ้น?” ผู้สื่อข่าว BBC เริ่มจริงจัง เขาพูดว่า “อะไรที่แย่ยิ่งกว่าหลุมดำเหรอครับ?”
“ใช่ พวกเขาปล่อยวัตถุจากดินแดนเสมือนจริงที่ไม่เหมาะกับโลกใบนี้ วัตถุนั้นมาจากจิตวิญญาณแห่งจักรวาล! อารยธรรมของเราอยู่ในมุมหนึ่งของกาแล็กซี และไม่มีใครสังเกตเห็นเรา แต่ตอนนี้พวกเขาได้เอื้อมมือเล็กๆ อันสกปรกเข้าไปสู่ดินแดนของพระเจ้า!
“นี่เป็นการไม่เคารพจิตวิญญาณแห่งจักรวาล! นี่คือการดูหมิ่นต่อจิตสำนึกอันยิ่งใหญ่!”
ผู้สื่อข่าว BBC พูดว่า “ขอโทษนะครับ… อะไรคือจิตวิญญาณแห่งจักรวาล?”
ชายสูงวัยพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ผมไม่สามารถอธิบายให้คุณฟังอย่างแจ่มแจ้งได้หรอก คุณควรไปอ่านงานของศาสตราจารย์กาแลตต์ มิโร!
“เรากำลังจะไปหยุดยั้งความโหดร้ายพวกนี้ที่ ILHCRC!”
…
เห็นได้ชัดว่า ผู้ประท้วงไม่ได้ตระหนักว่าใครคือคนโหดร้ายที่แท้จริง
การแถลงข่าวของ ILHCRC จบลงทันทีหลังการสัมภาษณ์ชายสูงวัย มีกลุ่มคนโผล่ออกมาจากประตูด้านหลังตึก
ผู้หญิงผมบลอนด์ที่ถือไมโครโฟนไว้ในมือเดินอย่างว่องไวอยู่ด้านหลังศาสตราจารย์วิลกเซคแล้วถามอย่างไม่หยุดหย่อนว่า “สวัสดีค่ะ ศาสตราจารย์วิลกเซค ในฐานะผู้ได้รับรางวัลโนเบล คุณคิดยังไงเกี่ยวกับกลุ่มผู้ประท้วงที่อ้างว่าเป็นผู้ศรัทธาในจิตวิญญาณแห่งจักรวาลและทำการคัดค้านการทดลองของ ILHCRC คะ?”
วิลกเซครู้สึกรำคาญ ในที่สุดเขาก็หยุดเดินแล้วมองมาที่ผู้สื่อข่าวคนนั้น รวมทั้งช่างภาพอย่างโกรธเคือง
“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?
“ตอนที่เราอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เราต้องเก็บกวาดสิ่งสกปรกให้เรียบร้อยก่อนทำการทดลองทุกครั้ง วิศวกรโง่เง่าบางคนอาจจะต้องสัมผัสกับรังสีที่รุนแรงอยู่ตลอด ต้องขอบคุณที่จีนสร้างเครื่องชนอนุภาคไว้บนดวงจันทร์ ซึ่งมันช่วยชีวิตคนไว้ได้มากมาย! “
“อย่างน้อยที่สุดเราก็ไม่ต้องมาเล่นซ่อนหากับพวกคนโง่ในอุโมงค์เครื่องชนอนุภาค!”
ผู้สื่อข่าวหญิงผมบลอนด์ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ คุณกำลังบอกว่า…พฤติกรรมของกลุ่มผู้ประท้วงโง่เง่ามากใช่ไหมคะ?”
“ถูกต้อง” ศาสตราจารย์วิลกเซคหัวเราะอย่างเกรี้ยวกราดและพูดว่า “ทำไมถึงไม่มีคนจีนอยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงล่ะ? ผมขอแนะนำให้คนโง่พวกนี้ไปหาที่สงบๆ เพื่อรับการศึกษาเสียบ้าง”
หลังจากผู้สื่อข่าวเดินออกไป วิลกเซคก็กลับไปยังออฟฟิศของเขาด้วยความฉุนเฉียวแล้วปิดประตูดังปัง
จู่ๆ เขาก็ค้นพบว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ในออฟฟิศของเขาด้วย
“ศาสตราจารย์ลู่?” เขาเลิกคิ้วและมองลู่โจวซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่าง วิลกเซคถามขึ้นว่า “ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่? คุณมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ประมาณสิบนาทีก่อนครับ” ลู่โจวมองไปยังฝูงชนที่อยู่นอกหน้าต่าง เขาปิดมูลี่หน้าต่างแล้วมองมาที่ศาสตราจารย์วิลกเซค และพูดว่า “ผู้ช่วยของคุณบอกผมว่าไม่นานคุณจะกลับมาที่นี่ ผมก็เลยตัดสินใจรออยู่ที่นี่ เป็นยังไงบ้างครับ? ผู้สื่อข่าวพวกนั้นสร้างปัญหาให้คุณที่งานแถลงข่าวใช่ไหม? “
“สร้างปัญหาเหรอ? ฮ่าฮ่า ไม่ใช่แค่สร้างปัญหา มันคือการทรมานเลยทีเดียว คุณน่าจะได้เห็นคำถามโง่ๆ ที่พวกเขาถาม!”
วิลกเซคโยนหมวกของเขาไว้บนที่แขวนเสื้อโค้ทแล้วนั่งลงบนโซฟา เขาพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเขาเข้าใจบทความวิจัยของกาแลตต์ มิโร จริงๆ หรือเปล่า? ดูคนพวกนั้นสิ พวกเขากำลังร้องขออะไร เพื่อระงับการทดลองงั้นเหรอ? ถ้ากาแลตต์ มิโร ยังมีชีวิตอยู่ เขาคงจะหัวเราะเยาะกับความโง่เขลาของพวกเขา”
ลู่โจวพูดว่า “ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกครับ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ”
วิลกเซคถึงกับผงะไปชั่วครู่ เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”
ลู่โจวพูดว่า “ผมได้อ่านบทความวิจัยกับบล็อกของเขาแล้ว ทั้งหมดเลย”
ศาสตราจารย์วิลกเซคพูดด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ “คุณอ่านเรื่องไร้สาระนั่นจบแล้วจริงเหรอ?”
ลู่โจวตอบว่า “ผมคิดว่ามันไม่ฉลาดที่จะตั้งข้อสรุปโดยปราศจากความเข้าใจที่ดี”
“นั่นขึ้นอยู่กับสมมุติฐาน” วิลกเซคหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะแล้วรินชาดำให้ตัวเขาเอง เขาจิบชาแล้วถามว่า “จะว่าไปแล้ว งานวิจัยเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
ลู่โจวตอบว่า “เสร็จแล้วครับ”
ศาสตราจารย์วิลกเซคแทบจะบ้วนชาออกมาจากปากขณะที่เขาจ้องมองลู่โจวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“เสร็จแล้ว? ดังนั้นคุณก็รู้แล้วใช่ไหมว่ามวลที่เพิ่มมานั่นมาจากไหน?”
“ประมาณนั้น”
ลู่โจวมองมายังศาสตราจารย์วิลกเซคที่กำลังทึ่งแล้วยิ้ม เขาพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปครับ ผมจะอธิบายเรื่องนั้นให้คุณฟัง”
วิลกเซคกำลังจะถามว่ามวลที่เพิ่มมานั้นมาจากไหน แต่ลู่โจวซึ่งกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“เราสามารถเอาพวกคนข้างนอกนั่นออกไปได้ไหมครับ?”
คำถามนี้ทำให้วิลกเซคตะลึงงัน
ไม่ใช่เพราะว่าประโยคที่ใช้ แต่วิลกเซคไม่ได้สังเกตว่ามีคนอื่นยืนอยู่ในออฟฟิศของเขาด้วย
รู้สึกเหมือนว่าคนคนนี้ล่องหนอยู่ตลอดเวลา!
“กองกำลังเสริมจะมาถึงอีกประมาณสองนาที” หวังเผิงมองที่นาฬิกาข้อมือของเขาแล้วพูดว่า “ใช่ครับ ถ้าคุณต้องการ พวกเราจะย้ายพวกเขาออกไปตอนนี้เลย”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดว่า “กองกำลังเสริมอยู่ระหว่างทางแล้ว ฉะนั้นรอให้พวกเขามาถึงก่อน อ้อ จริงสิ… จำไว้ว่าให้จับพวกผู้ประท้วงที่เสียงดังที่สุด”
หวังเผิงตอบว่า “ไม่มีปัญหาครับ คุณจะทำยังไงกับพวกเขา?”
“ผมจะไม่ทำอะไรพวกเขาทั้งนั้น” ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “ผมแค่อยากเชิญพวกเขามาฟังการบรรยายวิชาฟิสิกส์”
…………..