ผู้กำกับจางไม่ใช่คนเดียวที่ใบหน้าซีดขาว
อู๋เหยียนกำลังนั่งอยู่ในโรงแรม เขากำลังไถเว่ยป๋อแล้วจู่ๆใบหน้าเขาก็ซีดเผือด
มหาวิทยาลัยโอคแลนด์ฟังดูใหญ่โต ท้ายที่สุดแล้วมันก็ตั้งอยู่ในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตามความจริงแล้วนิวซีแลนด์เป็นประเทศอยู่บนขอบโลก และมหาวิทยาลัยโอคแลนด์เกือบไม่ติดหนึ่งร้อยอันดับแรกด้วยซ้ำ
ความแข็งแกร่งของมหาวิทยาลัยยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยทั่วไป อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากที่จะหางานในนิวซีแลนด์
ตอนที่อู๋เหยียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโอคแลนด์ เขาเป็นประเภทหางานไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเขาอยู่เอกคณิต
ฉายาที่แฟนคลับมอบให้เขาเป็นของปลอม เขายังเรียนปริญญาเอกอยู่เลย แล้วใครจะรู้ว่าเขาจะจบการศึกษาได้ไหม
นั่นขึ้นอยู่กับอนาคตเท่านั้น
ขณะที่อยู่ต่างประเทศ เขาก็ได้ดูคลิปยูทูปของลู่โจว เขาเดาว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศจีนคงยังไม่รู้เรื่องนี้ แถมการพิสูจน์บนเว็บงานประชุมยังเป็นเรื่องข้อคาดการณ์ของโจว ดังนั้นใจเขาจึงเปี่ยมไปด้วยความโลภ
แถมก็ไม่ใช่ว่าเขาจะตีพิมพ์ลงในวารสาร และระหว่างวงการบันเทิงกับโลกวิชาการก็ไม่ได้คาบเกี่ยวกัน ดังนั้นเขาจึงก๊อปขั้นตอนการพิสูจน์
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์นั้นผิดจากที่เขาคาดหวังไว้
ภายในหนึ่งสัปดาห์ อุบายของเขาก็แพ้พ่าย
มีคนโพสต์บันทึกการประชุมบนโลกออนไลน์พร้อมกับลายเซ็นของคุณฟรานซิส ประธานสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐ
แม้ว่าทีมผู้ผลิตจะพยายามปิดบังเรื่องนี้ และแม้แต่แฟนตัวยงเขาก็ปกป้องเขา แต่เวลานี้เขายังคงตื่นตระหนก
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากศาสตราจารย์แฮร์รีสจากมหาวิทยาลัยโอคแลนด์
เขารับสาย
“เมื่อเร็วๆนี้คุณส่งวิทยานิพนธ์เหรอ? อย่าบอกนะว่าคุณเขียนชื่อฉันลงไป?”
อู๋เหยียนตอบ “ผมไม่ได้ส่งอะไรเลย”
ปัญหาลิขสิทธิ์เป็นเรื่องปกติในแวดวงวิชาการ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านักวิชาการจะยอมอดทน การขโมยผลงานนั้นเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้
ศาสตราจารย์แฮร์รีสเสียงอ่อนลง แต่เขายังคงเข้มงวด
ข้อกล่าวหาทั้งหมดมีเหตุผลรองรับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อกล่าวหาจากสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐ
ศาสตราจารย์แฮรร์รีสกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนกล่าวหาว่าคุณขโมยผลงาน และข้อกล่าวหานี้มาจากสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐ ฉันหวังว่าคุณจะจริงจังกับเรื่องนี้”
ใบหน้าของอู๋เหยียนกลายเป็นสีแดง “ผมไม่ได้ขโมยผลงาน ผมแค่เข้าร่วมรายการทีวีแล้วใช้…”
เขาพูดไม่ทันจบ
ศาสตราจารย์แฮร์รีสก็ขมวดคิ้วแล้วถาม “ใช้อะไร?”
“ใช้การพิสูจน์ข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝดบางส่วนซึ่งถูกพรีเซนต์ในงานประชุมพรินซ์ตัน…”
ปลายสายเงียบไป
ศาสตราจารย์พูด
“จากนั้นคุณก็ตรวจสอบการส่งผลงานของงานประชุมและพบว่ามันเป็นการพรีเซนต์กะทันหันของผู้พรีเซนต์ คุณค้นหาในเว็บ arxiv แล้วไม่พบเรื่องนี้ ดังนั้นคุณจึงก๊อปไป? คุณรู้ไหมว่างานประชุมมีการจดบันทึก นอกเหนือจากการส่งผลงาน?”
ใบหน้าของอู๋เหยียนกลายเป็นสีแดงสดใส
เขาไม่เคยพรีเซนต์ในงานประชุม ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้เลย กระบวนการพิสูจน์เวอร์ชันเรียบง่ายจากเว็บไซต์พรินซ์ตัน เขาก็เกือบไม่เข้าใจแล้ว
อู๋เหยียนรู้ว่าซ่อนไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงพยายามโต้แย้งที่ปรึกษา “ผมไม่ได้ตีพิมพ์อะไรเลย มันแค่เป็นแรงบันดาลให้ผม…”
“คุณคิดว่าเพียงเพราะคุณไม่ได้ตีพิมพ์อะไรแล้วมันจะไม่เป็นไรงั้นเหรอ? ฉันแนะนำให้คุณบินกลับมาที่โอคแลนด์แล้วจัดการเรื่องสถานะนักศึกษาของคุณ”
อู๋เหยียนแข็งค้าง ขณะที่เขาพยายามตีความหมายของศาสตราจารย์ อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้ว
ตู๊ดๆๆ…
ใบหน้าเขาซีดเผือด แผ่นหลังเขาชุ่มด้วยเหงื่อเย็นเหยียบ
เขาโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง อู๋เหยียนรู้สึกหมดหวัง
ศาสตราจารย์แฮร์รีสบอกให้เขาไปจัดการสถานะนักศึกษา
นั่นหมายความว่ายังไง?
ฉันถูก…ไล่ออก?
ประตูถูกเปิดออกและตัวแทนของเขาก็เดินเข้ามา
เมื่อหยางเฟิงเดินเข้ามาในประตูแล้วเห็นสีหน้าของอู๋เหยียน เขาก็ถาม “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”
อู๋เหยียนกล่าวอย่างขมขื่น “ที่ปรึกษาฉัน…อาจไล่ฉันออก”
หยางเฟิงหยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ใครจะสนเรื่องที่ปรึกษาของคุณ? คุณวางแผนกลับโอคแลนด์จริงเหรอ? คุณก็แค่เซ็นสัญญาโฆษณาแล้วหาเงินที่นี่ ใครจะสนเรื่องการศึกษาของคุณกัน?”
อู๋เหยียนลองมาคิดดู ตัวแทนเขาพูดมีเหตุผล
ใครจะสนเรื่องมหาวิทยาลัยโอคแลนด์กัน?
เขาสูดหายใจลึกๆแล้วสงบใจลง “ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี?”
เขาจะไม่ยอมขอโทษ แต่เขาก็ไม่มีที่ให้ถอย
เขายังถือว่าเป็นอัจฉริยะ ถ้าเขาขอโทษ มันจะสร้างความเสียหายต่อสถานะของเขา
ในทางกลับกัน ใครจะสนใจสถานการณ์ศึกษากัน? อาชีพนักแสดงของเขาพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น! ยิ่งกว่านั้นด้วยระดับของเขา แม้ว่าเขาจะถูกขึ้นบัญชีดำในวารสารใหญ่ๆ แต่เขาก็อาจไม่มีความสามารถในการเขียนวิทยานิพนธ์
“รายการถูกแก้แล้ว และมีเพียงคนเดียวที่ช่วยคุณได้” หยางเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “จัดการวิทยานิพนธ์ของคุณให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ส่งวิทยานิพนธ์ในวารสารในประเทศ จากนั้นคุณก็แย้งได้แล้วว่าคุณเป็นคนคิดการพิสูจน์นี้…จำไว้ว่าให้เปลี่ยนกระบวนการพิสูจน์เพื่อให้ดูเหมือนคุณไม่ได้ก๊อปมา คุณเป็นนักศึกษาอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด!”
อู๋เหยียนช็อกกับความคิดนี้ เขาไม่คิดเลยว่าตัวแทนเขาจะบ้ายิ่งกว่าเขาอีก
“ฉันจะดัดแปลงมันยังไง? กระบวนการทั้งหมดของวิทยานิพนธ์เป็นการใช้ทฤษฎีตะแกรงของโทโพโลยี นั่นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้…”
หยางเฟิงกล่าว “คุณโง่รึเปล่า! ฉันไม่รู้เรื่องคณิตศาสตร์ อย่ามาถามฉัน! ฉันบอกให้คุณเปลี่ยนขั้นตอน คุณก๊อปความคิดเขาได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แค่เปลี่ยนตัวอักษรบางตัวหรืออะไรก็ได้ แล้วเราก็แค่อ้างว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ใครจะสนเรื่องโลกวิชาการกัน! คุณอยู่ในวงการบันเทิง!”
อู๋เหยียนไม่พอใจที่ถูกเรียกว่าโง่ ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องยากมากที่เปลี่ยนกระบวนการพิสูจน์ของวิทยานิพนธ์คณิตศาสตร์
แต่พูดตรงๆ เขาไม่รู้ว่าจะปรับเปลี่ยนมันยังไง
อย่างไรก็ตามเขายังแอบวางแผนไว้
เขาเคยอ่านวิทยานิพนธ์ที่ตีพิมพ์โดยศาสตราจารย์เซลล์เบิร์กในปี 1995 ถ้าเขาหาวารสารที่ต่ำกว่ามาตรฐานแล้วส่งวิทยานิพนธ์ก่อน ใครจะพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นคนขโมยผลงาน?
เขาสามารถอ้างได้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญจากอัจฉริยะสองคน…
มันไม่สำคัญว่าโลกวิชาการจะเชื่อไหม อย่างน้อยเขาก็มีคำอธิบายที่มีเหตุผลให้แก่แฟนคลับ แม้ว่ารายการจะถูกยกเลิก แต่ตราบใดที่แฟนคลับเขายังอยู่ เขาก็ยังทำเงินได้
อย่างไรก็ตามเรื่องราวมักจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง
เขาไม่ได้ตระหนักถึงข้อบกพร่องในแผนของตนเลย
อู๋เหยียนกำลังพูดกับตัวแทน แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หยางเฟิงมองดูโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็ออกไปรับสายข้างนอก
“เฮ้ ผู้กำกับจาง เจรจากับสถานีโทรทัศน์เป็นไงบ้าง? พวกเขาไม่อาจยกเลิกการลงทุนครั้งนี้ได้…”
“ดูข่าวเอาเอง”
เสียงของปลายสายฟังดูชรามากจนหยางเฟิงแทบจำไม่ได้
เมื่อเขากำลังจะถามว่าเขาอะไร ผู้อำนวยการจางก็วางสายใส่เขาแล้ว
……………………………………