หลังจากจบคลาสทฤษฎีจำนวน ลู่โจวก็ไปคลาสฟังก์ชันเชิงซ้อน เพราะยังไงเสียเขาก็ยังลงเรียนคลาสนี้ แถมรูมเมทเขาก็อยู่คลาสนี้ด้วย
ระหว่างคาบเรียน เมื่ออาจารย์เห็นเขาอยู่ในห้อง อาจารย์ได้บอกให้เขามาสอนแทน
ลู่โจวเริ่มพูดเรื่องระนาบเชิงซ้อนและทรงกลมรีมันน์ แม้ว่าเขาจะพูดในที่สาธารณะไม่เก่งนัก แต่มันก็ค่อยๆ ลื่นไหล
อย่างไรก็ตามเขามองข้ามความสามารถของผู้ฟังอย่างชัดเจน
ขณะที่เขาบรรยายบนเวที นักศึกษาที่กำลังฟังอยู่ต่างก็มึนงงไม่เข้าใจ
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังตามการบรรยายเขาทัน ยกตัวอย่างหลัวรุ่นตง คนอื่นๆ อย่างหลิวรุ่ยแทบจะตามไม่ทันเลย
“…ฟังก์ชันการแปลงระหว่างพิกัดζและพิกัดξ…”
ลู่โจวเขียนบนกระดานดำอย่างต่อเนื่อง
คราวนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ตามเขาทัน
คนส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกจนแต้ม
ยกตัวอย่างแม้แต่หลัวรุ่นตงก็จ้องมองกระดานดำด้วยสีหน้าสับสน
หลิวรุ่ยหยุดเขียนแล้วกระซิบกระซาบแทน
“เชี่ย มันคืออะไรเนี่ย?”
หวงกวงหมิงก็มองบนกระดานเช่นกัน
เขาไม่งง เพราะเขาไม่ได้ฟังเลย
“กวงหมิง นายเข้าใจไหม?”
หวงกวงหมิงส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ ลู่โจวไม่เข้าใจว่าเราโง่แค่ไหน”
หลิวรุ่ยชะงักไปชั่วครู่
เขาไม่รู้จะพูดอะไร
เมื่อลู่โจวเขียนบนกระดานดำเสร็จ เขาก็ยืนข้างๆ เพื่อปล่อยให้เพื่อนๆ นักศึกษาจดลงสมุด
นักศึกษาที่นั่งอยู่แถวหน้าต่างก็หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป แต่นักศึกษาคนอื่นไม่ทำอะไรทั้งนั้น
ศาสตราจารย์เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มแล้ววางขวดสุญญากาศลง เขาเดินไปข้างลู่โจวแล้วกล่าว
“จำไว้ เรื่องนี้ออกสอบ”
นักศึกษาโอดโอย
เมื่อมองไปที่กระดานดำ นักศึกษาหลายคนก็ถือโทรศัพท์มาถ่ายรูปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ในใจพวกเขาต่างก็สิ้นหวัง
พวกเขาไม่อยากพูดอะไรนอกจากอุทานว่า’เชี่ย’
หลิวรุ่ยแทบเสียสติ หวงกวงหมิงจึงพูดกับเขา “เอาน่า ยังไงลู่โจวก็กลับมาหอ เดี๋ยวให้เขาสอนเราก็ได้”
หลิวรุ่ยไม่สนใจเขา
เขาไม่ได้เสียสติเพราะเนื้อหามันยาก
แต่มันเป็นเพราะ…
เขาพบแล้วว่าช่องว่างระหว่างเขากับลู่โจวมันกว้างแค่ไหน
…
ลู่โจวเข้าไปฟังคลาสเรียนไม่ได้ อย่างน้อยต้องไม่ใช่วิชาคณิตศาสตร์
หลังจากคลาสฟังก์ชันเชิงซ้อน ลู่โจวก็ไม่ได้ไปคลาสเรียนอีกเลย
ไม่มีคลาสปริญญาตรีไหนที่สอนเขาได้ เขาจึงไปห้องสมุดแทน
ประสบการณ์ในห้องสมุดของเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้น
หลังปฏิเสธคำเชิญทำวิทยานิพนธ์ไปหลายคน ก็มีคนมากวนเขาน้อยลง
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็มีเรื่องของตัวเองให้ทำ
พวกเขาไม่อาจตามติดลู่โจวได้ทั้งวัน
นี่อาจเป็นเพราะลู่โจวเลือกนั่งที่เงียบๆ ด้วยเช่นกัน
เขาทุ่มเททุกอย่างกับวิทยานิพนธ์
อันที่จริงการเขียนวิทยานิพนธ์เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริงสำหรับลู่โจว
เพื่อนำปริภูมิฮิลเบิร์ทเข้าสู่กลศาสตร์ควอนตัมและใช้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อศึกษากฎการเคลื่อนที่ของอนุภาคขนาดเล็ก นอกจากนี้เขายังศึกษาวิทยานิพนธ์จำนวนมากและยังเข้าร่วมคลาสกลศาสตร์ควอนตัมขั้นสูงระดับบัณฑิตศึกษาหลายคลาสเช่นกัน
สาขาฟิสิกส์เชิงทฤษฎีของมหาลัยจินหลิงอยู่ในระดับสูง และคลาสเหล่านี้ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ลู่โจวอย่างมาก
แน่นอนแม้ว่ากลศาสตร์ควอนตัมจะสุดยอด แต่คณิตศาสตร์ก็ยังเป็นวิชาหลักของเขา
ดังนั้นวิทยานิพนธ์ของเขาจึงใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์มากกว่า
เขาแค่พูดถึงหัวข้อกลศาสตร์ควอนตัมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
[วิธีการประมาณค่าแบบหนืดสำหรับปัญหาดุลยภาพและการส่งแบบไม่ขยายในปริภูมิฮิลเบิร์ท]
[บทคัดย่อ…]
บทคัดย่อเป็นขั้นตอนสุดท้ายของวิทยานิพนธ์
“ในที่สุดก็เสร็จ!”
ลู่โจวมองดูวิทยานิพนธ์แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็เข้ามิติของระบบเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของภารกิจ
ภารกิจรางวัล : อ่านหนังสือ (13/50)
จากรายละเอียดภารกิจ เห็นได้ชัดว่าเขาทุ่มเทความพยายามไปมากแค่ไหน
โชคดีที่วิทยานิพนธ์เขาเสร็จแล้ว
ที่เหลือก็แค่ต้องส่งวิทยานิพนธ์ให้ศาสตราจารย์ถัง
จากนั้นเขาก็ไปพรีเซนต์พาวเวอร์พอยนต์
ส่วนการส่งวิทยานิพนธ์ เขาวางแผนจะส่งวิทยานิพนธ์ไปวารสาร[ฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์และทฤษฎีขั้นสูง]
วารสารนี้มุ่งเน้นที่ฟิสิกส์และคณิตศาสตร์เป็นหลัก มันมีปัจจัยกระทบสองจุดสามซึ่งไม่สูงนัก อย่างไรก็ตามเขาเลือกวารสารนี้เพราะมันเป็นวารสารหลักและค่อนข้างมีชื่อเสียง
หลังจากทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษาเสร็จ ลู่โจวก็ไปออฟฟิศศาสตราจารย์ถัง เขาส่งงานปริญญาตรีชิ้นสุดท้ายในฐานะนักศึกษาปีสอง
ในออฟฟิศ…
ศาสตราจารย์ถังดูวิทยานิพนธ์ของลู่โจวผ่านๆ แล้วกล่าว “แนวคิดในวิทยานิพนธ์ของเธอค่อนข้างแปลกใหม่ มีการทับซ้อนกันมากมายระหว่างงานวิจัยปริภูมิฮิลเบิร์ทที่แท้จริงกับสาขาวิจัยของอาจารย์ แต่อาจารย์จะไม่ถามคำถามทางเทคนิคกับเธอที่นี่ พรีเซนต์ให้ดีล่ะ”
ลู่โจวพยักหน้าอย่างสุภาพ “สนับสนุนผมด้วยครับศาสตราจารย์”
ศาสตราจารย์ถังยิ้มแล้วกล่าว “โอ้ เธอกลัวคำถามของอาจารย์ด้วยเหรอ? จำไว้ว่าให้พยายามพรีเซนต์พาวเวอร์พอยนต์ให้ดี มีผู้ตัดสินค่อนข้างมากที่อยากมาถามคำถามเธอ”
ลู่โจวกระแอม “ศาสตราจารย์ โปรดเมตตาผมด้วย”
“อาจารย์แค่ถามสองสามข้อเท่านั้น” ศาสตราจารย์ถังกล่าวพร้อมกับโบกมือด้วยรอยยิ้ม “คณบดีฉินกับอาจารย์เมตตาเธอแน่นอน แต่ศาสตราจารย์อีกสองท่านไม่แน่”
ลู่โจวถามอย่างระมัดระวัง “ผมถามได้ไหมครับว่าอีกสองท่านเป็นใคร?”
ศาสตราจารย์ถังกล่าว “ได้สิ คนหนึ่งเป็นนักวิชาการหรูเสินเจียนจากมหาวิทยาลัยของเรา อีกคนคือเซี่ยงหัวหนานจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน”
เชี่ย!
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้ยินเรื่องเซี่ยงหัวหนานมามากนัก แต่เขาก็รู้ว่าคนๆ นี้คือรองผู้อำนวยการของสมาคมคณิตศาสตร์ พูดง่ายๆ เขาคือคนที่มีชื่อเสียงในกลุ่มพีชคณิตและการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน
ส่วนนักวิชาการหรูเสินเจียน
เขาเป็นสมาชิกกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศอย่าง BESIII[1] และ LHCb[2] ในปี สองศูนย์หนึ่งสาม เขาค้นพบสถานะ Zc(3900)[3]สี่ควาร์กในการทดสอบเครื่องเร่งอนุภาคเซี่ยงไฮ้ การค้นพบครั้งนี้ได้รับขนานนามว่าเป็นการค้นพบทางฟิสิกส์สิบอันดับแรกของโลกแห่งปี
แม้ว่ามันจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คนดังสองคนสละเวลามาโต้แย้งวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาตรี แต่ลู่โจวรู้สึกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ฉันแค่อยากได้ใบประกาศนียบัตรปริญญาตรี แต่ฉันไม่อยากได้แบบนี้…
ลู่โจวรู้สึกกระวนกระวาย
………………………………….
[1] BESIII เป็นการทดลองทางฟิสิกส์ของอนุภาคที่ Beijing Electron – Positron Collider II ที่สถาบันฟิสิกส์พลังงานสูง มันถูกออกแบบมาเพื่อศึกษาฟิสิกส์ของเสน่ห์
[2] การทดลอง LHCb เป็นหนึ่งในแปดการทดลองของเครื่องตรวจจับฟิสิกส์อนุภาคที่รวบรวมข้อมูลที่ Large Hadron Collider
[3] เป็นฮาดรอนซึ่งเป็นอนุภาคของอะตอมที่ทำจากควาร์กซึ่งเชื่อกันว่าเป็น tetraquark แรกที่ได้รับการทดลอง