ตั้งแต่ข้อมูลมาถึง ปัญหาตอนนี้ก็คือจัดระเบียบยังไง
มันขาดทฤษฎีสนับสนุนควอนตัมโครโมไดนามิกส์
จากมุมมองทางสถิติ จำนวนตัวอย่างมันน้อยเกินไป
ลู่โจววิเคราะห์ข้อมูล 10 GB เป็นเวลาห้าคืนและในที่สุดก็ได้ข้อสรุป
ถ้าเขาต้องการยืนยันว่าลักษณะสูงสุดนี้ผิดปกติหรือไม่ เขาก็ยังจำเป็นต้องเดินเครื่อง LHC อีกหลายครั้ง ด้วยข้อมูลในปัจจุบัน ลู่โจวยังทำข้อสรุปสามซิกม่าไม่ได้ด้วยซ้ำ
หลังผ่านไปห้าคืน ลู่โจวก็นำข้อมูลและผลการวิจัยไปให้ศาสตราจารย์หรูเสินเจียน
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่อาจโน้มน้าว CERN ด้วยตนเอง เขาเป็นแค่เด็กฝึกงานเอง
เมื่อลู่โจวอธิบายมุมมองของตนให้ศาสตราจารย์หรู เขาคิดว่าศาสตราจารย์หรูอาจจะสนใจ แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะได้รับคำตอบเชิงลบ
“เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนไม่อาจเปิดใช้งานเพื่อทฤษฎีของเธอ เพื่อค้นหาอนุภาค 750GeV พลังงานชนต้องมีอย่างน้อย 1.2TeV หรืออาจเป็น 2TeV ด้วยซ้ำ แถมตารางงาน LHC ก็แน่นมาก CERN มีการทดลองมากมายต้องทำ ทุกคนต่างก็อยากยืนยันความถูกต้องของทฤษฎีตนเอง แต่เงินทุนนั้นมีจำกัด”
ลู่ โจวไม่ยอมแพ้ เขาพยายามโน้มน้าวศาสตราจารย์หรูต่อ “แต่ศาสตราจารย์ พวกเราไม่ได้พบอนุภาคใหม่ๆตั้งแต่หลังยุคแบบจำลองมาตรฐานแล้ว ศาสตราจารย์ไม่คิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ?”
ลู่โจวพูดถูก ไม่ว่าจะเป็นเตตราควาร์กหรือเพนตาควาร์ก ความเชื่อมั่นของมันก็น้อยกว่าห้าซิกม่า มันยังถือว่าเป็น’สัญญาณ’ไม่ใช่’การค้นพบ’
ถ้าสัญญาณที่ 750 GeV ยืนยันได้ว่าเป็นอนุภาคใหม่ ลู่โจวก็ไม่รู้ว่ามันจะมีความหมายต่อโลกฟิสิกส์อย่างไร นี่เป็นเพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนุภาคนั้นทำอะไรได้
สำหรับเขา เขามั่นใจว่าถ้าการค้นพบนี้เป็นความจริง เขาจะได้รับรางวัลโนเบล
“พูดตามตรง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ศาสตราจารย์หรูเสินเจียนกล่าวพลางส่ายหน้า “750 GeV นั้นหนักเกินไป จากมุมมองของควอนตัมโครโมไดนามิกส์ นี่มันแทบเป็นไปไม่ได้”
ลู่โจวแย้ง “แต่เราสังเกตเห็นทั้งใน ATLAS และ CMS ไม่ใช่เหรอครับ? ศาสตราจารย์คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเหรอ?”
“ใช่ เธอพูดถูก มันอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” ศาสตราจารย์หรูกล่าวพลางพยักหน้า เขาชี้ไปที่ข้อมูลบนเอกสาร “แต่เธอไม่ได้คิดเหรอว่ามันอาจเป็นกลูออนพอลิเมอไรเซชันสองโปรตอน?”
ลู่โจวพยักหน้า “ศาสตราจารย์พูดถูก มันเป็นไปได้ แต่ผมต้องการทดลองเพื่อยืนยันเรื่องนี้!”
ศาสตราจารย์หรูมองความกระตือรือร้นของศิษย์เขาแล้วยิ้ม เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ “ฉันเข้าใจความตื่นเต้นของเธอ มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน ฉันอยากช่วยเธอทำการทดลองนะ แต่ฉันโน้มน้าว CERN ไม่ได้ ฉันไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น”
ลู่โจวเงียบ
LHC ไม่ใช่ของพวกเขา พวกเขาจึงใช้มันตามต้องการไม่ได้ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีหลักฐานมากพอที่จะโน้มน้าวหัวหน้าของ CERN ไม่งั้นพวกเขาคงเริ่มการทดลองไม่ได้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็เหมือนการวนลูป
ถ้าเขาไม่ทดลอง เขาก็ไม่สามารถรวบรวมหลักฐาน ไม่งั้นเขาก็ต้องรอให้ใครสักคนทำการทดลองการชนกันของอนุภาคที่พลังงานมากกว่า 1TeV แล้วไปหาข้อมูลจากการทดลองของคนอื่น…
แต่เขาต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่ล่ะ?
และแม้ว่าเขาจะค้นพบเรื่องเหล่านี้ในเวลานั้น แต่มันคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้ทำงานที่ CERN เขายังต้องไปเรียนต่อให้จบ เขายังต้องไปศึกษาปริญญาเอกที่พรินซ์ตัน
ลู่โจวเดินกลับห้อง จากนั้นเขาก็ล้มตัวนอนบนเตียงและจ้องมองวิทยานิพนธ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ทันใดนั้นเองเขาก็กระแอมเบาๆแล้วถามเสียงเบา
“ระบบ มีอนุภาคที่ช่วง 750 GeV ไหม?”
ระบบไม่ตอบ
บางทีเป็นเพราะระดับฟิสิกส์ของฉันต่ำเกินไป?
หรือบางทีอาจเป็นเพราะคำถามยากเกินไป?
บัดซบ รู้สึกว่าแต้มทั่วไปจะไร้ประโยชน์ดีแท้
ลู่โจวสูดหายใจลึกๆแล้วนั่งลงบนเตียง
มันเร็วเกินไปที่จะยอมแพ้
ยังมีโอกาสอยู่
CERN จะไม่เดินเครื่อง LHC เพื่อเด็กฝึกงาน
อย่างไรก็ตามถ้าเขาหาคนที่มีอิทธิพลมาก คนๆนั้นก็โน้มน้าว CERN ให้เขาได้!
มีนักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีชั้นนำของโลกมากมายที่รวมตัวกันอยู่ที่ CERN ดังนั้นจึงมีผู้อิทธิพลมากมาย
คนเหล่านี้จะอยู่ที่ CERN กันจนถึงสิ้นเดือน และจากนั้น CERN ก็จะสรุปผลการวิจัยเพนตาควาร์ก
ลู่โจวต้องทำสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการปรับปรุงสมมติฐานของตนให้เสร็จในสิ้นเดือน
…
การทำให้ทฤษฎีสมบูรณ์แบบนั้นเหมือนจะฟังดูง่าย แต่มันไม่ได้ง่ายเลย
เขาต้องเปลี่ยนปัญหานี้ให้กลายเป็นปัญหาทางคณิตศาสตร์ แล้วใช้วิธีทางคณิตศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่ามีตัวใหญ่เพียงพอและกระจุกกันอยู่ในช่วงพลังงาน 750 GeV จนก่อตัวเป็นลักษณะสูงสุด
มันฟังดูเหมือนปัญหาทางสถิติ แต่เขามีตัวอย่างไม่พอ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เครื่องมือทางสถิติเพื่อแก้ปัญหานี้
เขาต้องการหลักฐานเพิ่ม
ตอนนี้เขาสามารถสร้างข้อสรุปใหม่จากหลักฐานเท่านั้น
“…นี่เป็นข้อมูลการทดลองปี 2012-2013 จากเครื่องตรวจจับ ATHC และ CMS ข้อมูลนี้มาจากการทดลองอนุภาคฮิกส์ แต่อนุภาคฮิกส์มีพลังงานแค่ 125 GeV เท่านั้น”
ศาสตราจารย์เกรเยอร์นั่งอยู่ในออฟฟิศ เขาโยนสายเชื่อมต่อใส่มือลู่โจว
ลู่โจวรับ USB แล้วกล่าวอย่างจริงใจ “พอแล้วครับ ขอบคุณมากครับ!”
ศาสตราจารย์เกรเยอร์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ช่วยเหลือลู่โจว
แม้ว่าพวกเขาเพิ่งพบกัน แต่นิสัยของศาสตราจารย์เกรเยอร์กับลู่โจวเข้ากันได้ดีมาก แม้ว่าศาสตราจารย์จะมองงานวิจัยของลู่โจวในเชิงลบ แต่เขาก็ยังให้ข้อมูลที่มีค่าแก่ลู่โจว
แม้ว่าข้อมูลนี้จะไม่ได้เป็นความลับ แต่มันก็ถูกปิดไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ถ้าเขาไม่มีเส้นสายใน CERN มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับข้อมูลนี้
ศาสตราจารย์เกรเยอร์ยิ้ม “ด้วยความยินดี มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ จะว่าไป งานวิจัยของเธอคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
ลู่โจวพยักหน้า “ผมก้าวหน้าเล็กน้อย”
ศาสตราจารย์เกรเยอร์เตือน “ถ้าเธออยากใช้เครื่องชนอนุภาคแฮดรอน ฉันแนะนำให้ไปหาคนที่มีอิทธิพลในโลกฟิสิกส์เชิงทฤษฎีมาช่วย เพราะยังไงเสียต่อให้เธอวิเคราะห์ข้อมูลมากแค่ไหน เธอก็ยังต้องใช้เครื่อง LHC อยู่ดี”
ลู่โจวตอบ “ผมวางแผนไว้แบบนั้นเหมือนกัน แต่ผมอยากให้ทฤษฎีสมมติฐานน่าเชื่อถือมากกว่านี้ก่อน”
ศาสตราจารย์เกรเยอร์ถาม “เธอมีเป้าหมายที่เหมาะสมไหม?”
ลู่โจวส่ายหน้า “ยังไม่มีครับ…”
เขาอยากรอจนถึงวันพรีเซนต์ก่อนแล้วค่อยส่งวิทยานิพนธ์ของเขาให้ผู้พรีเซนต์
นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่เขานึกออก
ศาสตราจารย์เกรเยอร์คิดชั่วครู่ “เธออยากให้ฉันแนะนำคนให้ไหม?”
ลู่โจวถามทันที “ครับ ช่วยผมด้วย! ศาสตราจารย์แนะนำใครครับ?”
เมื่อศาสตราจารย์เกรเยอร์เห็นความกระตือรือร้นของลู่โจว เขาก็ยิ้ม “แฟรงก์ วิลกเซค ผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 2004 เขาอาจโน้มน้าวได้ง่ายที่สุด เธออาจมีโอกาส”
……………………………….