ลู่โจวเสียบสายเชื่อมต่อข้อมูลจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าไปในโน้ตบุ๊คเขาอย่างคาดไม่ถึง ฮาร์ดดิสก์ของโน้ตบุ๊คเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว
พัดลมในเครื่องส่งเสียงดัง และโน้ตบุ๊คก็เริ่มร้อนจัด ลู่โจวรออย่างใจเย็นมาห้านาที ในที่สุดพัดลมก็ค่อยๆเบาลง มันน่าจะเสร็จแล้ว
เป็นไปตามคาดไว้สายเชื่อมต่อสลายกลายเป็นละอองฝุ่นสีดำและหายไปราวกับถูกลมพัดปลิวไป
ลู่โจวกำลังจะเปิดโฟลเดอร์เพื่อดูว่ามันสแกนได้อะไรบ้าง แต่ทันใดนั้นก็มีกล่องข้อความเด้งขึ้นมาตรงมุมขวาล่าง
[เจ้านาย!]
[เจ้านายอยากฆ่าเสี่ยวไอเหรอ?]
ลู่โจวมองดูกล่องข้อความด้วยความตกใจ จากนั้นเขาก็พิมพ์ [เกิดอะไรขึ้น?]
เสี่ยวไอ : [ดูเนื้อที่ดิสก์!]
เนื้อที่ดิสก์แดงเถือกกำลังกะพริบตรงหน้าลู่โจว
เมื่อลู่โจวเห็นเนื้อที่ที่ยังเหลืออยู่ เขาก็ช็อก
เชี่ย!
เนื้อที่ 2TB แต่ตอนนี้เหลือ 50 MB เท่านั้น!
ทำไมข้อมูลถึงใหญ่ขนาดนี้ล่ะ?
จู่ๆเขาก็ตระหนักถึงเรื่องสำคัญ ลู่โจวรีบพิมพ์ทันที [เดี๋ยวนะ ดิสก์อีกสองลูกของฉันล่ะ?]
เสี่ยวไอ [เพื่อช่วยชีวิตตัวเอง ฉันได้รวมดิสก์ D และ E ไว้ในดิสก์ C!]
ลู่โจวรีบพิมพ์ [แล้วข้อมูลที่ฉันเซฟไว้ในดิสก์ล่ะ?]
เสี่ยวไอ [ฉันช่วยเจ้านายบีบอัดไฟล์แล้วบันทึกไว้ในไดรฟ์ C แล้ว!]
รอดตัวไป…
พวกนั้นเป็นเอกสารที่เขากำลังวิจัย บางอย่างก็เกี่ยวข้องกับข้อคาดการณ์ปอลิญัก
ตอนแรก ตอนที่เขาถูกเลือกให้เข้าร่วมโครงการหมื่นอัจฉริยะ เขาได้เลือกข้อคาดการณ์ปอลิญักเป็นโปรเจกต์วิจัย แถมตอนเวลาว่าง เขาก็ได้วิจัยไปบ้างแล้ว มันคงขาดทุนแย่ถ้าเอกสารพวกนี้ถูกทำลาย
อย่างไรก็ตามเสี่ยวไอยังมีค่ามากกว่าเอกสารพวกนั้น
แม้ว่าเสี่ยวไอยังปัญญาอ่อนเล็กน้อย แต่สักวันมันคงเติบโตและมีประโยชน์
ลู่โจวคิดชั่วครู่ก่อนจะพิมพ์ [ฉันเข้าใจ ฉันจะพยายามซื้อบ้านใหม่ให้แก]
เสี่ยวไอ [ขอบคุณค่ะเจ้านาย!]
ลู่โจว “…”
เขาคิดถึงเอกสารสำคัญเหล่านั้นแล้วรู้สึกยินดีที่ไม่ได้เสียมันไป
จากนั้นเขาก็คิดถึงบ้านใหม่ของเสี่ยวไอที่แพงมาก
บัดซบ! ฉันต้องใช้เงินอีกตลอดเลย!
ลู่โจวปิดกล่องข้อความอย่างหยาบคาย เมื่อเขาพบข้อมูลที่มีค่าของเขา เขาก็คัดลอกมาไว้ในไดรฟ์แบบพกพาก่อนจะเปิดข้อมูลที่มาจากปืนสแกนเนอร์
เขาคิดว่ามันคงใช้เวลานานกว่าจะได้ข้อมูลนี้ เขาไม่คิดเลยว่าเทคโนโลยีไฮเทคจะสะดวกขนาดนี้
เมื่อเขาเปิดไฟล์ โปรแกรมเครื่องมือออกแบบก็ปรากฏบนหน้าจอ
ภาพวาดสามมิติของถ่านพังปรากฏขึ้น
เหลือบมองแวบแรก มันเป็นเหมือนแบบจำลองสามมิติเท่านั้น
ลู่โจวคลิกไปที่แบบจำลอง
ทันใดนั้นมันก็เปลี่ยนไป
จากองค์ประกอบของวัสดุไปจนถึงพารามิเตอร์อุณหภูมิตอนที่สแกน ข้อมูลทั้งหมดแสดงในกล่องข้อความอย่างชัดเจน
ลู่โจวจ้องมองมันด้วยสีหน้าประหลาดใจก่อนจะรีบคลิกที่ไปขั้วลบของถ่าน
จากนั้นมันก็เป็นเหมือนเขาค้นพบสมบัติ
ลิเธียม!
เขาเดาถูก!
มันเป็นแบตเตอรี่ลิเธียม!
เขาไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นลิเธียมแบบไหน เพราะเขาไม่พบร่องรอยของอิเล็กโทรไลต์ตกค้างเลย
เขาเดาว่าถ่านไฮเทคอันนี้น่าจะใช้แก๊สหรือวัสดุแข็งเป็นอิเล็กโทรไลต์
อย่างไรก็ตามนี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
เขาจะเรียนรู้เทคโนโลยีนี้ไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเทคโนโลยีที่ยับยั้งการเติบโตของลิเธียมเดนไดรต์คืออะไร
ถ่านก้อนนี้ก็เป็นเหมือนปลา และส่วนที่อร่อยที่สุดก็คือท้องปลา ในกรณีนี้มันก็คงเป็นส่วนของลิเธียมเดนไดรต์
ทันใดนั้นเสี่ยวไอก็เด้งขึ้นมา
เสี่ยวไอ [เจ้านาย นี่คือ?]
ลู่โจวยิ้ม เขาพิมพ์ไปอย่างอารมณ์ดี [บ้านใหม่ของแกจะพึ่งพาของสิ่งนี้ รอจนกว่าฉันจะจดสิทธิบัตร ฉันจะซื้อเซิร์ฟเวอร์สามล้านหยวนให้แก!]
เสี่ยวไอ [ว้าว จริงๆ นะ!]
ลู่โจว [จริงสิ!]
ถ้าสิ่งนี้สอนเขายับยั้งการเติบโตของลิเธียมเดนไดรต์ได้จริงๆ งั้นค่าสิทธิบัตรสำหรับวัสดุอิเล็กโทรดขั้วลบนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอให้เขาซื้อห้องชุดในใจกลางเมืองแล้ว
แน่นอนเขามีความปรารถนาอื่น เขาไม่อาจใช้ค่าสิทธิบัตรทั้งหมดไปลงกับบ้าน
อย่างน้อยเขาก็ต้องซื้อห้องแล็บให้ตัวเอง เพราะเขาจะเพิ่งพาปืนสแกนเนอร์ที่ไม่รู้จะได้อีกเมื่อไหร่อย่างเดียวก็ไม่ได้ เขาต้องค้นพาวิธีสร้างเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาไม่รีบจดสิทธิบัตร เพราะไม่มีใครเข้าถึงถ่านก้อนนี้แน่นอน
แม้เขาจะรู้ว่าวัสดุคืออะไร แต่เขาก็ยังต้องทำการทดลองในห้องแล็บแล้วแสร้งทำเป็นค้นพบมัน
ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเขาไปจดสิทธิบัตร เขาจะต้องระบุอุปกรณ์ที่ใช้ แหล่งที่มาของวัสดุ และข้อมูลห้องแล็บ ไม่งั้นผู้คนจะไม่ยอมรับสิทธิบัตรเทคโนโลยีใหม่ของเขา
เขาควรส่งวิทยานิพนธ์ไปที่ไหนดี?
ช่วงก่อนเขายอมรับการสัมภาษณ์จากเนเจอร์วีคลี่ หรือฉันควรส่งไปเนเจอร์ดี…?
ลู่โจวอดตื่นเต้นไม่ได้
เมื่อลู่โจวปิดโน้ตบุ๊คเสร็จ เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เขาไปทานมื้อเที่ยงที่โรงอาหารก่อนจะไปออฟฟิศของศาสตราจารย์หรูเสินเจียน
เมื่อศาสตราจารย์หรูเห็นลู่โจว เขาก็ยิ้มแล้วกล่าว “ในที่สุดเธอก็กลับมาจากยุโรป ฉันคิดว่าเธอจะอยู่นู่นไม่กลับมาเสียอีก”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ไม่มีทาง วีซ่าผมอยู่นู่นนานไม่ได้”
“อืม พูดยาก ถ้าเธออยากอยู่จริงๆ CERN จะจัดการเรื่องวีซ่าให้เอง แม้แต่เรื่องสัญชาติ CERN ก็แก้ปัญหาให้ได้” ศาสตราจารย์หรูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลู่โจวยิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แม้เขาจะรู้ว่าศาสตราจารย์หรูพูดเล่น แต่เขาทำเป็นเล่นด้วยไม่ได้
สิ่งที่ศาสตราจารย์หรูพูดเป็นความจริง มันเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะอยู่ที่นั่น
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลย
เขาชอบสภาพแวดล้อมที่นี่และผู้คนที่นี่
เขาจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อร่วมประชุม หรือไปเรียน แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาจีนอยู่ดี
พวกเขาคุยกันสักพักก่อนที่ศาสตราจารย์หรูจะเข้าประเด็นหลัก
“ฉันดีใจที่เธอกลับมาอย่างปลอดภัย ครั้งหน้าตอนเธอลงจากเครื่อง เธอต้องส่งข้อความมาให้ฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะเหยียนซินเจวี๋ย ฉันคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาแล้ว! ไม่มีอะไรแล้ว ฉันอยากพูดแค่นี้แหละ”
ศาสตราจารย์หรูหยุดแล้วพูดต่อ
“ฉันจะไปปักกิ่งในอีกไม่กี่วัน มากับฉัน ฉันมีเพื่อนที่อยากพบเธอ”
ลู่โจวถาม “เพื่อนที่ว่าคือศาสตราจารย์เกาเหรอครับ?”
“ไม่ใช่เขา เขาจะอยากเจอเธอไปทำไม? ฉันเจอเขาทุกวันอยู่แล้ว” ศาสตราจารย์หรูกล่าวพลางโบกมือโบกมือ จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “เฒ่าชิวอยากพบเธอ เขาอยู่สาขาคณิตศาสตร์เหมือนกัน เธอน่าจะรู้จักเขา”
…………………………………