งานประชุมคณิตศาสตร์แห่งชาติครั้งที่สิบสองของสมาคมคณิตศาสตร์จีนก็จบลงแล้ว มันถึงเวลาที่ลู่โจวจะบอกลาเมืองนี้แล้ว
ครั้งนี้เขาเป็นคนเดียวที่กลับจินหลิง
ส่วนศาสตราจารย์หรู เขาต้องไปเข้าร่วมประชุมสุดยอดฟิสิกส์ของอนุภาคที่เบลเยียมในเดือนพฤศจิกา ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่สถาบัน BES ในปักกิ่ง เขาวางแผนจะทำวิจัยเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงเวลานี้
ตอนแรกศาสตราจารย์หรูวางแผนจะพาลู่โจวไปด้วย แต่ลู่โจวต้องไปงานประชุมสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐที่แคลิฟอร์เนียตอนเดือนธันวา ดังนั้นลู่โจวจึงพลาดงานประชุมสุดยอดนี้ไป
เหยียนซินเจวี๋ยอยู่กับศาสตราจารย์หรูตามปกติ
เหยียนซินเจวี๋ยส่งลู่โจวไปสนามบินปักกิ่ง
ทั้งสองลงจากรถ เหยียนซินเจวี๋ยช่วยลู่โจวเอากระเป๋าลงก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ
“สหาย ดูแลตัวเองด้วย!”
ลู่โจวรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย “ดูแลตัวเองด้วยครับ…ผมแค่กลับจินหลิง ผมไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย”
เหยียนซินเจวี๋ยกล่าว “นายจะไปแคลิฟอร์เนียตอนธันวาใช่ไหม?”
ลู่โจวพยักหน้า “ครับ”
เหยียนซินเจวี๋ยถอนหายใจแล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “คุณจางอี้ถังเป็นคนจีนจากเชื้อชาติที่ชนะรางวัลโคลของทฤษฎีจำนวน แต่ไม่มีนักคณิตศาสตร์สัญชาติจีนที่ชนะรางวัลนี้เลย นายได้รางวัลนี้ก็ถือว่าเป็นการเติมเต็มช่องว่างเหรียญของประเทศ ฉันจะรอฟังข่าวดีของนายจากเบลเยียม!”
ลู่โจวยิ้ม “ขอบคุณครับ”
ทั้งสองไม่ได้เอ้อระเหยอะไรกันอีก เมื่อพวกเขาบอกลากัน เหยียนซินเจวี๋ยก็กลับขึ้นไปบนรถ ส่วนลู่โจวลากกระเป๋าเดินเข้าไปในสนามบิน
หลังบินมาสองชั่วโมง เครื่องบินก็ลงจอดบนรันเวย์อย่างราบรื่น
นอกสนามบิน ลู่โจวก็กะจะเรียกแท็กซี่ ก่อนที่เขาจะได้หยิบโทรศัพท์ออกมา ก็มีคนเดินมาหาเขาก่อน
เขาเห็นนักศึกษาสองคนที่เหมือนจะอยู่ปีหนึ่งดึงป้ายออกมา
[ขอแสดงความยินดีลู่โจวที่ชนะรางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินครั้งที่ 15!]
พระเจ้า พวกคุณมาทำไมกัน?
คุณรู้ไหมว่าพวกคุณทั้งสองดูน่าอายแค่ไหน?
คนเดินผ่านไปมาหันมามองอย่างอดไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีนักข่าวจากจินหลิงเดลี่ที่กำลังรอถ่ายรูปเขา
ลู่โจวลากกระเป๋าเดินต่อโดยพยายามทำตัวไม่เป็นที่สังเกต ก่อนที่เขาจะไปได้ไกล เด็กสาวคนหนึ่งก็จำเขาได้
“ลู่โจว!”
แววตาของหลินอวี่เซียงเปล่งประกาย เธอกระโดดโลดเต้นพร้อมกับโบกมือเรียก
ลู่โจวอาย แต่เขาจะไม่สนใจก็ไม่ได้ เขาหยุดเดินแล้วหันหลังพร้อมกับฝืนยิ้ม
“รอง-…ประธานหลิน สวัสดี”
ลู่โจวเกือบลืมไปแล้วว่าเธอเลื่อนตำแหน่งเป็นประธานสภานักศึกษาแล้ว
เขามีเรื่องหนึ่งที่ข้องใจ
มันฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่กระโปรงคุณสั้นไปหน่อยนะ…ไม่หนาวเหรอ?
หลินอวี่เซียงยิ้มแล้วม้วนผมเล่น “ประธานอะไร…รุ่นพี่เรียกฉันว่าหลินอวี่เซียงก็พอ หรือจะเรียกแค่ชื่อก็ได้”
ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงเรียกฉันว่ารุ่นพี่ได้ง่ายและเป็นธรรมชาติแบบนี้ล่ะ?
ลู่โจวรู้สึกอยากตายเมื่อคิดถึงผู้หญิงอายุมากกว่ากดสถานะตัวเองเป็นรุ่นน้อง
เฮ้อ…
“รุ่นพี่ เดี๋ยวฉันช่วยถือกระเป๋า!”
“ไม่เป็นไร!”
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“ลู่โจว ยินดีด้วย!”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็ประหลาดใจ
“คณบดีหลู่?”
เขาเห็นคณบดีหลู่กับอาจารย์ของสภานักศึกษายืนอยู่ด้วยกัน พวกเขายิ้มและเดินเข้ามา
คณบดีหลู่ฟางผิงจับมือลู่โจว “คณบดีฉินมีประชุม เขาเลยบอกให้ฉันมารับเธอ!”
ลู่โจวกล่าว “ขอบคุณครับ… มันไม่ได้ไกลอะไรขนาดนั้น ผมเรียก DiDi เอาก็ได้”
“ฮ่าๆ ไม่มีทาง! เธอเป็นนักเรียนตัวอย่างของมหาวิทยาลัยเรา แถมศาสตราจารย์ที่อิจฉาเธอก็มีไม่รู้เท่าไหร่” คณบดีหลู่กล่าว เขายิ้ม “รถอยู่ทางนั้น เอาล่ะ ไปขึ้นรถกัน”
ลู่โจวยอมรับอย่างไม่เต็มใจ
มีคนมาดูมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็ถึงขั้นหยิบโทรศัพท์มาถ่ายวิดิโอ
ลู่โจวอยากออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
เขานั่งอยู่บนรถแล้วคุยกับคณบดีหลู่และศาสตราจารย์หนุ่มอีกคนที่เป็นผู้ดูแลสภานักศึกษา เขาคิด ‘นี่แค่รางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินเอง พวกคุณก็ยินดีขนาดนี้แล้ว ถ้าผมได้รางวัลโคลล่ะจะขนาดไหน?’
ลู่โจวตัดสินใจเงียบๆ
เขาตัดสินใจว่าพอถึงเวลานั้น เขาจะไม่กลับมาจินหลิง กลับกันเขาจะกลับบ้านเกิดแทน
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงมหาวิทยาลัย
ลู่โจวคิดว่ามันคงจบลงแล้ว แต่เขาไร้เดียงสาเกินไป
มีป้ายขนาดมหึมาถูกแขวนไว้ที่ประตูมหาวิทยาลัย
นี่มันน่าอายกว่าเดิมอีก
อย่างไรก็ตามมันก็สมเหตุสมผล ศาสตราจารย์ที่ชนะรางวัลระดับประเทศก็จะได้รับการปฏิบัติแบบนี้แหละ ไม่ต้องพูดถึงนักศึกษาปริญญาโทที่ได้รับรางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินเลย
แน่นอนมหาวิทยาลัยทำไปเพื่อโฆษณาตัวเองด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็กำลังจะไปพรินซ์ตัน เขายังเด็กและยังไม่ได้สร้างครอบครัว เมื่อเขาได้สัมผัสกับวิถีชีวิตตะวันตก มันคงยากที่เขาจะรู้สึกอยากกลับมา
แล้วเขาก็สมควรได้รับเกียรติบ้าง มันจะทำให้เขาคิดถึงสถานที่แห่งนี้และรู้สึกอยากกลับมา
เมื่อลู่โจวลงจากรถ เขาก็ไม่มีโอกาสได้แตะกระเป๋าตัวเองด้วยซ้ำ มีชายสองคนจากสภานักศึกษาเดินเข้ามาแล้วเอากระเป๋าเขาไปหอ สองศูนย์หนึ่ง ให้
ส่วนลู่โจว เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากอาจารย์ใหญ่สวี่
อาจารย์ใหญ่เป็นนักวิชาการอาวุโส เขามีลักษณะเฉพาะของนักวิจัยวิทยาศาสตร์ คำพูดของเขาสั้นและกระชับ แม้ว่าเขาจะอยู่สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขาก็รู้ถึงความสำคัญของเครื่องมือทางคณิตศาสตร์
ท้ายที่สุดแล้วมหาวิทยาลัยจินหลิงก็เด่นด้านฟิสิกส์ และฟิสิกส์ก็ไม่อาจแยกออกจากคณิตศาสตร์ได้
…
ตอนกลางคืน ชั้นบนสุดของโรงอาหาร…
ลู่โจวคิดว่าเขาได้รับการต้อนรับยิ่งใหญ่พอแล้ว เขาไม่คิดเลยว่ามหาวิทยาลัยจะจัด’งานเลี้ยงแสดงความยินดี’แก่เขา
ความนิยมของลู่โจวในมหาวิทยาลัยนั้นไม่เลว เขาสนิทกับศาสตราจารย์อาวุโสหลายคน
ขณะที่ทานอาหารอยู่ ศาสตราจารย์ถังที่ดื่มกับลู่โจวก็กล่าวอย่างทอดถอนใจ “สำหรับข้อคาดการณ์สำคัญอย่างข้อคาดการณ์ของปอลิญัก ปกติมักจะต้องใช้เวลาห้าปีสิบปีกว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ แต่เธอแก้มันได้ในหนึ่งปี มันน่าชื่นชมจริงๆ ! ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีพรสวรรค์ด้านทฤษฎีจำนวนมากขนาดนี้!”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าวอย่างถ่อมตน “ศาสตราจารย์พูดเกินจริงไปแล้ว จู่ๆ ผมก็ได้แรงบันดาลใจเฉยๆ “
“ถ้าอยากถ่อมตนต่อหน้าศาสตราจารย์สวี่ก็ทำไป แต่ทำไมต้องมาถ่อมตนกับฉัน?” คณบดีหลู่กล่าวแล้วยิ้ม “อีกเรื่อง เตรียมรายงานด้วย ลองดูว่าจะเสร็จก่อนการตรวจสอบประจำปีเดือนธันวา ถ้าเธอยังอยู่มหาวิทยาลัยจินหลิงและผลการวิจัย เงินรางวัลแสนหยวนจะรอเธออยู่”
แม้ว่าลู่โจวจะได้เงินล้านหยวนมาตอนพิสูจน์ข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝดและข้อคาดการณ์ของโจว แต่ครั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มอบเงินให้เขามากนัก
เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ครั้งแรกเป็นเพราะเขาได้สร้างชื่อในต่างประเทศ มหาวิทยาลัยทุกแห่งจะมอบเงินให้อยู่แล้วห้าแสนหยวน ส่วนครั้งที่สองเงินมาจากเงินทุนวิจัยจากการสนับสนุนของบริษัท
มหาวิทยาลัยสามารถให้รางวัลได้เพิ่ม แต่มันไม่มีประโยชน์ อย่างมากพวกเขาก็สามารถมอบค่าเดินทางหรือทุนวิจัยให้ลู่โจว
ลู่โจวเข้าใจเรื่องนี้ เขาไม่อาจเพิ่งพาเงินรางวัลของมหาวิทยาลัยไปได้ทั้งชีวิต ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขากำลังจะจบการศึกษา
อย่างไรก็ตามเมื่อคณบดีหลู่พูดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ เขาก็นึกเรื่องบางอย่างได้
ตอนที่เขายื่นคำร้องหัวข้อวิจัย เขาลงข้อคาดการณ์ของปอลิญักไว้
ตอนนี้ผลการวิจัยของเขาถูกตีพิมพ์แล้ว แถมเขายังต้องเขียนรายงานสรุป
ปัญหาก็คือ…
เขายังไม่ได้ใช้เงินทุนวิจัยหนึ่งล้านหกแสนหยวนเลย…
……………………………….