เมื่อลู่โจวกำลังเดินลงจากเวที เขาก็ได้ยินเสียงคนกำลังร้องเรียกชื่อเขา เขาเห็นกระทั่งคนที่น้ำตาคลอ
นั่นเป็นสุนทรพจน์เฉพาะหน้า เพราะเขาไม่ได้เตรียมการล่วงหน้ามากนัก
ส่วนทำไมมันถึงทำให้ทุกคนสะเทือนอารมณ์…
บางทีมันอาจเป็นเพราะสุนทรพจน์ของเขาเปี่ยมไปด้วยความหมาย
พิธีมอบรางวัลยังไม่จบ หลังรองอาจารย์ใหญ่กล่าวสุนทรพจน์ ลู่โจวและผู้ชนะคนอื่นๆ ก็กลับมาบนเวที
อาจารย์ใหญ่สวี่จับมือทุกคนแล้วมอบประกาศนียบัตรให้แต่ละคน
เมื่อถึงตาลู่โจว อาจารย์ใหญ่ก็จับมือลู่โจวค้างไว้นานกว่าคนอื่นราวสองสามวิ
จากนั้นชายชราก็มองเขาด้วยความพอใจแล้วกล่าว “พูดได้ดี”
ลู่โจวโล่งอก เขายิ้มแล้วกล่าว “ขอบคุณครับ”
ชายชรายิ้ม “ฉันต่างหากที่ควรขอบคุณ”
พิธีมอบรางวัลก็จบลงแล้ว
นักศึกษาทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวคำสาบานว่าจะไม่ลืมความตั้งใจเดิม และไล่ตามความฝันอย่างกล้าหาญ
…
งานเลี้ยงอาหารค่ำอยู่ชั้นบนสุดของโรงอาหาร
หลังจากจบพิธีมอบรางวัล ลู่โจวก็ไปห้องพักหลังเวที ก่อนที่เขาจะได้เปลี่ยนสูท สาวหน้าตาน่ารักก็เดินมาหาพร้อมกับพวกรูมเมท
ลู่โจวมองเธอและคิดว่าเธอมาจากสภานักศึกษา เขาถาม “มีอะไรงั้นเหรอ?”
“เทพลู่! ฉันขอวิธีติดต่อหน่อยได้ไหม…?”
เธอพูดติดๆ ขัดๆ พร้อมกับใบหน้าแดงสดใส เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้เตรียมตัวมา เธอคงถูกเพื่อนๆ กดดันให้มา
ลู่โจวมองสาวตรงหน้า เขาไม่อยากลำบากใจ เขาจึงถาม “คิวคิวได้ไหม?”
“ค่ะ!”
เธอเสียงหลงเพราะความตื่นเต้น
ลู่โจวพยักหน้าและหยิบปากกาจากโต๊ะ เขาจดตัวเลขแถวหนึ่งแล้วส่งให้เธอ
มีหลายคนรู้เบอร์คิวคิวเขา เขาจึงให้ไปโดยไม่คิดมาก
อย่างไรก็ตามเขาอาจไม่มีเวลาส่งข้อความหาใคร
“ขอบคุณค่ะ!”
หญิงสาวรับมาอย่างกระตือรือร้นและวิ่งหนีไปราวกับกวางน้อยที่หวาดกลัว
ลู่โจวยิ้มแล้วส่ายหน้า
ถ้าหากความหล่อเหลาคือบาปจริงๆ …
งั้นเขาคงเป็นคนที่บาปหนามาก…
ลู่โจวมองตัวเองในกระจกราวกับคนหลงตัวเอง จากนั้นเขาก็จำได้ว่าเขาต้องคืนสูท ขณะที่เขากำลังจะถอดชุด จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูอีกครั้ง
ครั้งนี้มันเป็นประธานหลิน จากสภานักศึกษา
ลู่โจวคิดว่าเธอมาเก็บชุด เขาจึงกำลังจะบอกให้เธอรอข้างนอก แต่แล้วเธอก็พูดออกมาก่อน
หลินอวี่เซียงมองลู่โจวด้วยรอยยิ้ม “ลู่โจว คุณทำได้ดีมาก สาวๆบางคนถึงกับร้องไห้”
ลู่โจวกล่าว “ทำไมคุณพูดชวนเข้าใจผิดแบบนั้นล่ะ?”
ร้องไห้หมายความว่าไง!
ทำไมคุณถึงทำให้มันฟังดูเหมือนเรื่องไม่ดีล่ะ?
หลินอวี่เซียงเงยหน้าและแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
ถึงกระนั้น มันก็เห็นได้ชัดว่าเธอจงใจ
ลู่โจวเปลี่ยนหัวข้อ “มีอะไรครับ?”
หลินอวี่เซียงพยักหน้า “คณบดีฉินอยากให้ฉันมาถามคุณ คุณจะไปเมื่อไหร่? มีผู้นำของเมืองหลายคนอยากพบคุณ”
ลู่โจวยิ้ม “งั้นผมจะไปเดี๋ยวนี้”
หลินอวี่เซียงพยักหน้า
จู่ๆ เธอก็สังเกตปกเสื้อ
แววตาของเธอเปล่งประกาย
“ตกลง ฉันจะไปบอกคณบดีฉินให้ โอ้ ปกเสื้อคุณเบี้ยว ฉันช่วย…”
“ไม่เป็นไร ผมกำลังจะคืนสูทพอดี” ลู่โจวกล่าวแล้วเผยรอยยิ้มออกมา “คุณช่วยเอาชุดสูทคืนให้ผมได้ไหม?”
หลินอวี่เซียง “…”
…
มหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ใต้กระทรวงศึกษาธิการโดยตรงโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลท้องถิ่น มันเป็นสถานที่ยุทธศาสตร์เพื่อฝึกอบรมอัจฉริยะในท้องถิ่นที่มีขนาดใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
เกียรติยศระดับโลกและศักยภาพของลู่โจวดึงดูดความสนใจของลู่โจว
อย่างไรก็ตามนี่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ลู่โจวไม่เก่งการเมือง แต่เขาก็ยังรู้นิดหน่อย
ในอนาคตเขาอยากใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในจินหลิง ถ้าเขาอยากก้าวไปอยู่สูงขึ้น เขาก็ต้องสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาลท้องถิ่น
ลู่โจวรู้เจตนาของคณบดีฉิน
มหาวิทยาลัยจัดเวทีให้เขาได้ติดต่อกับคนนอกแวดวงวิชาการ
ลู่โจวเป็นจุดสนใจของงานเลี้ยงอาหารค่ำ
ผู้ชนะรางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินที่อายุน้อยที่สุด ผู้ชนะรางวัลโคลสาขาทฤษฎีจำนวน แถมยังเป็นผู้มีโอกาสได้เหรียญฟิลด์…ไม่ต้องพูดถึงนักวิชาการรุ่นใหม่ แม้แต่ศาสตราจารย์เฒ่าก็ยังสนใจที่จะได้คุยกับลู่โจว
ดังนั้นลู่โจวจึงอยู่ในงานเลี้ยงพักใหญ่เลย
กว่าเขาจะกลับโรงแรม มันก็ห้าทุ่มแล้ว
เขาหลับจนถึงบ่าย เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอากล่องของขวัญออกมาสองกล่อง จากนั้นเขาก็ออกจากห้อง
ของขวัญคือน้ำมันปลาที่เขาซื้อจากร้านปลอดภาษี มันเป็นอาหารเสริมอย่างหนึ่ง มันช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด และลดการสูญเสียความจำจากอายุ
เขาอยากมอบให้ศาสตราจารย์หรูกับศาสตราจารย์ถัง
ลู่โจวไปออฟฟิศศาสตราจารย์หรูก่อน อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์หรูยังอยู่เบลเยี่ยม ศาสตราจารย์หรูบอกว่าเขาอาจไป CERN ตอนสิ้นปี
ดังนั้นลู่โจวจึงวางกล่องของขวัญไว้บนโต๊ะแล้วทิ้งโน้ตเอาไว้
ลู่โจวไม่รู้ว่าศาสตราจารย์หรูจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่เมื่อเขากลับมา เขาจะเห็นของขวัญแน่นอน
จากนั้นลู่โจวก็ออกจากออฟฟิศศาสตราจารย์หรูแล้วไปตึกคณิตศาสตร์
…
ลู่โจวเปิดประตูออฟฟิศแล้วเดินเข้าไป เมื่อศาสตราจารย์ถังเห็นของขวัญในมือลู่โจว เขาก็ยิ้ม “ถ้าเธอเป็นศิษย์ของอาจารย์ อาจารย์จะสอนเธอแน่นอน!”
ลู่โจวยิ้ม “ผมยังเป็นศิษย์ของศาสตราจารย์ ตอนนี้ศาสตราจารย์ก็ยังสอนผมได้ แต่ตอนนี้ต้องยอมรับของขวัญผมก่อน”
ของขวัญราคาไม่แพง แต่มันเปี่ยมไปด้วยความหมาย
นอกจากนี้เนื่องจากลู่โจวไม่ได้เป็นนักศึกษาปริญญาตรีแล้ว เขาจึงเป็นกันเองกับศาสตราจารย์ได้มากขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงว่าพอเขาจบการศึกษาปีหน้า เขาก็จะไปต่างประเทศ เขาจึงต้องตอบแทนอาจารย์ก่อนจะไป
ศาสตราจารย์ถังมองลู่โจวแล้วยิ้ม “ครั้งหน้าเธอไม่จำเป็นต้องซื้อของขวัญมาฝากอาจารย์แล้ว เสี่ยวหวัง มารินชาให้ลู่โจวหน่อย”
“ครับ!”
เสี่ยวหวังลุกขึ้นแล้วไปที่โต๊ะน้ำชา เขาเตรียมชุดน้ำชาและกาต้มน้ำไฟฟ้าอย่างชำนาญ
ลู่โจวขอบคุณเสี่ยวหวัง จากนั้นเขาก็นั่งลงบนโซฟาแล้วพูดกับศาสตราจารย์ถัง “ผมคงมามือเปล่าไม่ได้ ผมคงรู้สึกผิดถ้าผมไม่เอาอะไรมาฝาก…นอกจากนี้นี่ไม่ใช่แค่ของขวัญจากผม มันยังมาจากรุ่นพี่หลัวด้วย นอกจากนี้ยังมีรูปถ่ายในกระเป๋าที่รุ่นพี่หลัวบอกว่าถ่ายมาจากอเมริกาใต้ รุ่นพี่อยากมอบเป็นของขวัญเชิงศิลป์ให้ศาสตราจารย์”
“เด็กคนนั้นอยู่อเมริกาก็ยังไม่ลืมตาแก่คนนี้อีก” ศาสตราจารย์ถังยิ้มแล้วกล่าว “แล้วเป็นยังไงบ้าง? เธอจะไปต่างประเทศปีหน้า เธอมีแผนยังไง?”
ลู่โจวกล่าว “ผมวางแผนทำงานที่พรินซ์ตันหลังได้ปริญญาเอก จากนั้นผมก็จะกลับมาสอนที่มหาวิทยาลัยจินหลิง”
“โอเค อาจารย์สนับสนุนเธอ” ศาสตราจารย์ถังพยักหน้า “ประสบการณ์ในการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศนั้นเป็นคุณสมบัติสำคัญ…แต่ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอยู่แล้ว อาจารย์คงไม่มีคำถามอะไรแล้ว ทำให้ดีที่สุด”
ลู่โจวยิ้ม “แน่นอนครับ”
ศาสตราจารย์ถังยิ้มแล้วหยอกล้อ “อีกเรื่อง เธอวางแผนจะมีแฟนตอนไหน?”
ลู่โจวไม่ทันตั้งตัวกับคำถามนี้ เขาตอบติดๆ ขัดๆ “เอ่อ…แล้วแต่โชคชะตา ผมไม่รีบ”
ศาสตราจารย์ถังยิ้ม “เธอไม่รีบ แต่ใช่ว่าคนอื่นจะไม่รีบ ครั้งก่อนคณบดีฉินพูดเรื่องเธอให้ฟัง เขาบอกว่าเขากลัวเธอไปมีแฟนอยู่ต่างประเทศแล้วไม่กลับมา นอกจากนี้ยังมีศาสตราจารย์สองสามคนที่ขอให้แนะนำหลานสาวให้เธอ โดยเฉพาะคณบดีหลู่ เธอคิดว่าไง?”
ลู่โจวเกือบพ่นน้ำชาออกจากปาก “อย่าเลยครับ…”
ศาสตราจารย์ถังยิ้ม “ฮ่าๆ อาจารย์แค่ล้อเล่น”
ลู่โจวรีบพยักหน้า
ใช่แล้ว หลานสาวของคณบดีหลู่
นี่เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่หน้าตาคณบดีหลู่เป็นแบบนี้ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าหลานสาวเขาจะเป็นยังไง
ออฟฟิศเงียบไปพักหนึ่ง
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ดื่มชาอยู่เงียบๆ
เมื่อศาสตราจารย์ถังมองลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จของเขา เขาก็พยักหน้าอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นพักใหญ่ เขาก็กล่าว “เอาล่ะ เธอไปได้แล้ว”
ลู่โจวลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “ครับ”
……………………