ท่าทางการเขียนวิทยานิพนธ์ที่ถูกต้อง
เมื่อพูดถึงวิธีที่คนส่วนใหญ่เขียนวิทยานิพนธ์ ลู่โจวแตกต่างจากคนอื่น ปัญหาทั้งหมดของเขาแก้ไขได้ด้วยการถามระบบ ดังนั้นการหยิบยกความคิดที่เหมาะสมจึงสำคัญกว่าการเข้าใจความคิดด้วยตนเอง
ดังนั้นคีย์หลักอยู่ที่การเลือกหัวข้อ
เกณฑ์การเลือกหัวข้อของลู่โจวจึงเรียบง่ายมาก
เนื่องจากเขาจะกลายเป็นโคลนถล่มในโลกวิชาการ งั้นเขาก็ต้องหาหัวข้อที่ง่ายที่สุดมาเขียนวิทยานิพนธ์! และวารสารที่ส่งได้ง่ายที่สุด!
สิ่งที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงก็คือ ในฐานะเอกวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในคณะวิศวกรรม การหาวารสารง่ายๆส่งนั้นค่อนข้างง่าย
เช่นเดียวกับคณิตศาสตร์ ‘วิธีแก้โจทย์แบบใหม่เพื่อพิสูจน์ทฤษฏี’สามารถตีพิมพ์เป็นวิทยานิพนธ์ ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ แม้แต่อัลกอริทึมแบบใหม่ก็ตีพิมพ์เป็นวิทยานิพนธ์ได้
สิบสามปีก่อน ในการสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งคานอะคาเดมี่(Khan Academy) เขากล่าวว่า ‘วิทยานิพนธ์ทางวิชาการ(ในวงการไอที)90%นั้นไร้ค่า’ และ ‘มีวิทยานิพนธ์ของปริญญาเอกมากแค่ไหนที่ถูกใช้จริง?’ ยักษ์ใหญ่ในซิลิคอนแวลลีย์(silicon valley)นับร้อยเห็นด้วยกับเขา
แน่นอนว่าเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
คำแถลงนี้ค่อนข้างลำเอียง แต่มันสะท้อนถึงปัญหาจากด้านข้างเช่นกัน
ความปลอดภัยของข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตและโครงข่ายประสาทเทียมถือเป็นบรรทัดฐาน นอกจากนี้ข้อมูลขนาดใหญ่และคลาวด์คอมพิวติงกลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ปัญญาประดิษฐ์นั้นยุ่งเหยิงมากกว่านั้นอีกเมื่อคนธรรมดามาเข้าร่วมการสนทนา ยิ่งกว่านั้นมันไม่ใช่แค่ในประเทศ ต่างประเทศก็เหมือนกัน มันเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปสำหรับ’คนหนุ่มสาวที่อยู่ในสาขานี้’
ลู่โจวพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ ดังนั้นสุดท้ายเขาจึงเลือกสาขาปัญญาประดิษฐ์
แน่นอนสาขาปัญญาประดิษฐ์นั้นใหญ่มาก ตั้งแต่วีดีโอเกมไปจนถึงแปรงสีฟันไฟฟ้าความถี่อัตโนมัติ พูดตรงๆสิ่งเหล่านี้หลอมรวมเข้ากับสังคมแล้ว มันก็แค่ว่ามันเจาะลึกอยู่ในสังคมแค่ไหน
ลู่โจวคิดสักพักแล้วพิมพ์ลงไปในเวิร์ด
[การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์]
จากระบบgpsในโทรศัพท์ไปจนถึงระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติ(autopilot) จากการควบคุมจราจรไปจนถึงระบบนำทางของอากาศยานไร้นักบิน
เขาเลือกอย่างหลัง ‘ระบบนำทางของอากาศยานไร้นักบิน’ มันเหมาะกับแนวคิดสมัยใหม่
แน่นอนสาขานี้ก็ยังกว้างขวางมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่กังวลเพราะเขามีเก้าวิทยานิพนธ์ที่ต้องส่ง!
มันเหมือนกับการเทน้ำลงในมหาสมุทรแห่งวิชาการ เขาวางแผนแบ่งมันเป็นเก้าส่วนด้วยสายยางแล้วค่อยๆเทน้ำลงท่อ
ดังนั้นนิ้วเขาจึงเคาะคีย์บอร์ดแล้วเขียนต่อ
[วิเคราะห์อัลกอริทึมพิกเซลจากปัญญาประดิษฐ์]
[อัลกอริทึมที่เหมาะสมที่สุดเพื่อการรู้จำรูปภาพแบบไดนามิกจากปัญญาประดิษฐ์]
[วิธีวัดขนาดร่างกายมนุษย์โดยอัตโนมัติจากปัญญาประดิษฐ์]
[อัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์เพื่อรวบรวมที่อยู่อัตโนมัติ]
[ปัญญาประดิษฐ์…]
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่แค่ต้องทำให้หัวข้อสมบูรณ์ เขายังต้องเขียนบทคัดย่อเพื่ออธิบายรายละเอียดของหัวข้อ เพราะยังไง’บอท’ของวีดีโอเกมและ’จาวีส’ของไอรอนแมนต่างก็เป็นปัญญาประดิษฐ์ประเภทเดียวกัน ลู่โจวไม่คิดหรอกว่าระบบจะเข้าใจความแตกต่างของทั้งสองอย่างนี้อย่างถูกต้อง
ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงแต่เขาต้องเขียนรายละเอียดของความคิดอย่างชัดเจนเท่านั้น สิ่งนี้ต้องไม่ปรากฏในวิทยานิพนธ์ด้วย
กว่าเขาจะทำทั้งหมดเสร็จ ห้องสมุดก็ใกล้ถึงเวลาปิดแล้ว
เขาลากเอกสารทั้งหมดลงในโฟลเดอร์เดียวกับโฟลเดอร์ที่มีวิทยาพนธ์คณิตศาสตร์ ลู่โจวเหยียดหลังพิงเก้าอี้ เขาคิดย้อนกลับไปตอนที่เขียนวิทยานิพนธ์ฉบับแรกแล้วเริ่มพูดในใจ
“ระบบ ประเมิณราคาของวิทยานิพนธ์ให้ฉันหน่อย”
ระบบให้คำตอบมาอย่างรวดเร็วมาก
[ทั้งหมด 10 คำถาม ราคารวม : 210 แต้มทั่วไป ท่านต้องการยืนยันคำสั่งซื้อหรือไม่?]
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคำถามละ 21 แต้มทั่วไป หลังจากนี้เขาจะเหลือแค่ 125 แต้มทั่วไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามเขาจะได้รับ 800 แต้มทั่วไปเมื่อภารกิจสำเร็จ ไม่ต้องพูดถึงรางวัลเพิ่มเติมเมื่อเขาได้เกรด S นี่มันคุ้มค่า!
“ยืนยันคำสั่งซื้อ!”
ลู่โจวหลับตา ไม่นานก็เกิดไฟฟ้าช็อตแล่นตั้งแต่กระดูกสันหลังขึ้นไปจนถึงสมอง ตามมาด้วยกระแสข้อมูลจำนวนมหาศาล
แม้ว่าแต้มประสบการณ์วิทยาการสารสนเทศของเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่หลังจากได้รับข้อมูลใหม่นี้ เขาก็เข้าใจปัญญาประดิษฐ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การซื้อความรู้ด้วยแต้มทั่วไปก็คือวีธีการเรียนรู้เช่นกัน อย่างไรก็ตามมันง่ายกว่าการศึกษาด้วยตนเองอย่างมาก
แน่นอนมันยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะย่อยสลารข้อมูลนี้โดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามมันเพียงพอแล้วสำหรับการเขียนวิทยานิพนธ์!
ลู่โจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วลืมตา แววตาเขาลุกโชนด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
วิทยานิพนธ์สิบฉบับ
เขาจะใช้เวลาอย่างมากหนึ่งเดือน
เขาจะทำมันให้สำเร็จ!
…..
วันต่อมาลู่โจวบังคับตัวเองให้ตื่นแต่เช้า เขาล้างหน้าแปรงฟันแล้วสวมเสื้อผ้า จากนั้นเขาก็ออกจากห้องนอน
เนื่องจากโต้รุ่งตลอดทั้งคืน มันจึงมีรอยคล้ำอยู่ใต้ตา เขาลืมนับไปแล้วว่าระหว่างไปโรงอาหารเขาหาวไปกี่สิบครั้ง
“ลู่โจว!”
เฉินยู่ซานสะพายกระเป๋าและมายืนอยู่ใกล้ๆ เธอยิ้มแล้วกล่าวสวัสดี เมื่อเธอสังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ดวงตา เธอก็กล่าว “ว้าว นายไปได้ตาแพนด้านี้มาจากไหน?”
“ผมได้มาจากสวนสัตว์…มุกนี้ฝืดมาก มันไม่ตลกเลย” ลู่โจวกล่าวขณะหาวไปอีกหนึ่งที
หน้าตาของเฉินยู่ซานดูเหมือนปกติ แว่นตาหนาเต๊อะพร้อมกับผมหางม้าดำสลวย จะว่าไปเขาเคยเห็นเธอแต่งหน้าสวมคอนแทคเลนส์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในยุคที่แม้แต่เด็กผู้หญิงก็เริ่มแต่งหน้า ผู้หญิงประเภท’ธรรมชาติ’แบบนี้หาได้ยากมาก
พวกเขาเดินไปด้วยกัน
เฉินยู่ซานถาม “วันนี้นายไม่ไปห้องสมุดเหรอ?”
ลู่โจวคิดสักครู่ก่อนจะกล่าว “ผมอาจไปตอนบ่าย ผมต้องไปติวเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ก่อน”
“ว้าว การแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์” เฉินยู่ซานกล่าว เธอพยักหน้าแล้วกล่าวจากประสบการณ์ “เงินรางวัลการแข่งขันนี้ค่อนข้างสูง มันจะเป็นประโยชน์ต่อหน้าที่การงานในอนาคตของนายมาก ฉันเอาใจช่วยนะ!”
“คุณเคยเข้าร่วม?”
“นายพูดเรื่องอะไร? ฉันได้อันดับสอง ฉันทำให้ผู้ชมประหลาดใจด้วยความแข็งแกร่งของฉัน!” เฉินยู่ซานกล่าวและยักคิ้วด้วยความพึงพอใจ เธอเอามือกดหน้าอกแล้วกล่าว “ถ้านายไม่เข้าใจอะไร มาขอความช่วยเหลือจากฉันได้ตามสบาย!”
“เจ๋งไปเลย” ลู่โจวตอบอย่างขอไปที
ฉันเดาว่าการแข่งขันการสร้างแบบจำลองครั้งนี้คงไม่สนใจทักษะคณิตศาสตร์ของคุณหรอก…
มันคงยากไปหน่อย
ขณะที่ลู่โจวกำลังคิด เฉินยู่ซานก็เดินมาหยุดอยู่หน้าเขา
“รอเดี๋ยว อย่าพึ่งขยับ”
“หือ?”
เฉินยู่ซานหันหลังไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอาทิชชู่ออกมา
ลู่โจวสับสน เธอเดินเข้ามาสองก้าวแล้วมองดูลู่โจวด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นจู่ๆเธอก็เอื้อมแขนมาเช็ดหน้าเขา
“อ่า น่าขยะแขยง นายไม่สนใจเลยเหรอ? นายไม่ ล้างตาก่อนออกจากหอพักเหรอ?” เฉินยู่ซานกล่าวแล้วทิ้งทิชชู่ลงถังขยะ
เชี่ย?
ใบหน้าของลู่โจวเป็นสีแดงทันทีและเขาก็ไม่ง่วงอีกต่อไป
มันไม่ใช่เพราะเขาเขิน
แต่มันเป็นเพราะ…
เขาเดินไปเดินมาตลอดทั้งวันพร้อมกับขี้ตาอันใหญ่ๆบนใบหน้า?
หน้าของลู่โจวดูฝืดๆ เขาถามเงียบๆ “มัน…ไม่ชัดใช่ไหม?”
เฉินยู่ซานหัวเราะ “ไม่เป็นไร มันเห็นไม่ชัดขนาดนั้น แต่ฉันแนะนำให้นายไปล้างหน้าในห้องน้ำก่อนเข้าห้องเรียน”
เชี่ย ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ย!
ลู่โจวเดินเข้าห้องน้ำทันที เขาล้างหน้าแล้วถูอย่างหนักหลายครั้ง
…..
หลังจากล้างหน้าเสร็จ เขาก็รู้สึกสดชื่น
ลู่โจวเดินเข้าห้องเรียนด้วยใบหน้าเปียกชุ่ม เขาเดินเข้ามาแล้วคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ข้างใน
เขานั่งแถวหน้าแล้วทักทายเขา
“มอนิ่ง”
หวังเสี่ยวตงเห็นลู่โจวแล้วไม่ได้เปลี่ยนสีหน้ามากนัก เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวสวัสดี จากนั้นเขาก็เริ่มอ่านหนังสืออีกครั้ง
อาทิตย์หน้าเป็นการสอบอังกฤษของทุกมหาลัย มีเพียงคนอย่างลู่โจวที่อ่านหนังสือภาษาอังกฤษระดับสี่ทั้งเล่มเสร็จราวกับสัตว์ประหลาดเท่านั้นที่ไม่กังวลกับการสอบ สุดท้ายแล้วไวยกรณ์และคำศัพท์ของข้อสอบอยู่ในระดับสี่ ดังนั้นเขาจึงต้องอ่านหนังสือระดับสี่เล่มเดียวเท่านั้น เขาอาจไม่ได้คะแนนสูง แต่สัก 80 คะแนนมันไม่มีปัญหาสำหรับเขาเลย
การนั่งอยู่ที่นี่นั้นน่าเบื่อ แต่การคุยกับนักศึกษาหวังน่าเบื่อยิ่งกว่า ลู่โจวหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเริ่มอ่านข้อมูลเมื่อวาน ด้วยข้อมูลเหล่านี้ เขาค่อยๆย่อยสลายความรู้ในหัวที่รับมาเมื่อคืน
โชคดีที่โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ส่วนใหญ่เขียนด้วยภาษา C++ เพราะภาษานี้มีระดับความเป็นอิสระสูง ส่วนภาษา Python นิยมใช้เขียน shell มากที่สุด ยกตัวอย่างระบบการเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์รุ่นแรก’DistBelief’ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของAIที่เขียนในภาษา C++
มีภาษาโปรแกรมเดียวเท่านั้นที่ลู่โจวรู้จักนั่นก็คือภาษา C++ ดังนั้นมันจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะเข้าใจความรู้นี้
ถ้ามีคนถามเขาว่าเขาเขียนวิทยานิพนธ์เหล่านี้ได้อย่างไร เขาก็ยังเขียนมันได้สองสามบรรทัด
ขณะที่ทั้งสองยุ่งอยู่กับกิจกรรมของตนเอง มันก็ถึงแปดโมงอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น อาจารย์ผู้สอนการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หลิวเซี่ยงผิง ก็เดินเข้ามาในห้องเรียน