พูดถึงเรื่องแสร้งถ่อมตน ลู่โจวรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าอีกฝ่าย
โดยเฉพาะหลังจากชายชราพูดเพิ่มมาอีกประโยค
“แน่นอน พวกคุณยังมีหวัง”
ลู่โจว “…”
ฟาลติ้งส์เริ่มมาคุยกับเขาเพียงเพราะจะพูดสองประโยคนี้
จากนั้นชายชราก็จับมีดส้อมและทานสเต็กอย่างพิถีพิถัน เขาไม่โดนใจสิ่งรอบข้างโดยสิ้นเชิง
มันราวกับว่าตอนนี้เขากำลังคิดถึงปัญหาคณิตศาสตร์อยู่
ลู่โจวที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกตะลึง
ผู้ยิ่งใหญ่โลกคณิตศาสตร์คนนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันมาก
หลังจากมื้อค่ำที่บลูฮอลล์ จะมีงานเต้นรำในโกลด์ฮอลล์
แสงเทียนเปล่งประกายสว่างสไวสะท้อนมาจากเชิงเทียนทองแดงอันงามที่อยู่สองฟากฝั่ง มันสว่างสดใสจนเห็นพื้นกระเบื้องได้ชัดเจน ภาพจิตกรรมฝาผนังเทพธิดากำลังนั่งอยู่กลางห้องในขณะเฝ้าดูฝูงชนบนฟอลร์เต้นรำ
ส่วนลู่โจว เขายืนอยู่ขอบฟอลร์เต้นรำพร้อมกับแก้วแชมเปญบนมือ จากนั้นเขาก็เริ่มหันไปคุยกับหวังอี้ผิง
ตอนมื้อค่ำ เขาไม่มีโอกาสมาทักทาย แต่ตอนนี้เขามีโอกาสแล้ว
หวังอี้ผิงยืนอยู่ข้างลู่โจวแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสะเทือนอารมณ์ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะเติบโตได้เร็วขนาดนี้! เธอยังชนะรางวัลคลาฟอร์ดด้วย เธอทำให้มหาวิทยาลัยเยี่ยนลำบากจริงๆ”
ลู่โจวยิ้ม “มหาวิทยาลัยเยี่ยนมีอัจฉริยะมากมาย จางเหว่ย หยุนจื้อเหว่ย สวี่เฉินหยาง… ผมได้ยินเกี่ยวกับงานวิจัยของพวกเขาบ่อยมาก”
“เธออย่าแสร้งถ่อมตนเลย เธอยังเด็ก เธอยังมีอนาคตอีกกว้างไกล” หวังอี้ผิงกล่าวและส่ายหน้าจากนั้นเขาก็ถาม “โอ้ แล้วเธอจะอยู่พรินซ์ตันนานแค่ไหน? เธอจะกลับมาจีนไหม?”
“อย่างน้อยปีสองปี อย่างมากห้าปี” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมจะกลับไปแน่นอน”
หวังอี้ผิงยิ้ม “ดีแล้วที่เธอกลับ เธอสนใจมาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเยี่ยนไหม?”
ลู่โจวยิ้ม “ผมพูดเรื่องนี้กับนักวิชาการหวังชื่อเฉิงแล้ว ผมคิดว่าสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยจินหลิงเหมาะกับผมมากกว่า”
“เอาล่ะ ฉันว่าเธอคงมีความคิดของตัวเอง” ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงกล่าวหยอกล้อ “มหาวิทยาลัยเยี่ยนเอาตัวเธอมาเป็นศาสตราจารย์ไม่ได้ แต่นานๆ ที เธอจะมาบรรยายที่มหาวิทยาลัยได้ใช่ไหม?”
ลู่โจวยิ้ม “มันเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
งานเต้นรำดำเนินไปเกือบครึ่งทางแล้ว แต่ลู่โจวก็ไม่มีแผนจะเข้าร่วม
มันไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาอยู่คนเดียว ผู้ชนะทั้งสองพาญาติมาด้วย แต่เขาแฟนยังไม่มีด้วยซ้ำ
โชคดีที่ไม่ใช่แค่เขาที่เต้นไม่เป็น ต่อให้เขาพูดกับเพื่อนร่วมงานและดื่มแชมเปญอยู่ด้านข้าง มันก็ไม่น่ากระอักกระอ่วน
ขอแค่ไม่มีใครมาชวนเข้าเต้นล่ะก็นะ…
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้
ขณะที่ลู่โจวและหวังอี้ผิงคุยกันเรื่องงานเลี้ยงอาหารค่ำ ก็มีผู้หญิงในชุดเดรสยาวเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดี มิสเตอร์ลู่โจว ฉันขอเวลาคุณหน่อยได้ไหม?”
ลู่โจวเหลือบมองเธอแล้วกล่าว “แน่นอน…คุณคือ?”
“มาเรีย ไวอซอฟกา” มาเรียกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอยื่นมือขวาออกมา “ถ้าคุณคิดว่านามสกุลฉันยาวเกินไป คุณเรียกฉันว่ามาเรียก็ได้”
ลู่โจวได้ยินชื่อเธอแล้วตระหนักทันที
มาเรีย ไวอซอฟกา ผู้ชนะรางวัลซาเล็ม 2016 เช่นเดียวกับอาจารย์ที่ปรึกษาของโมลิน่า เธอเป็นผู้มีโอกาสได้เหรียญฟิล 2018 ชื่อดังเช่นกัน
ปีนี้เธอได้แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่มีประวัติศาสตร์เกือบสองร้อยปี มันคือทรงกลมมิติสูงในปัญหาแปดดี และยี่สิบสี่ดี
ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์เชิงทฤษฎีและทฤษฎีสตริงอย่างใกล้ชิด มันไม่ได้รู้จักกันดี แต่มันมีการใช้งานอย่างกว้างขวาง
“ขอบคุณสำหรับคำเชิญ แต่ผมเต้นรำไม่เป็น”
ลู่โจวจับมือกับนักคณิตศาสตร์สาวในตำนานท่านนี้ เขาพยายามปล่อยมือ แต่มาเรียก็จับไว้
“แต่คุณเรียนได้ใช่ไหมล่ะ?” มาเรียกล่าว “ฉันสอนคุณได้ สำหรับคนที่พึ่งชนะรางวัลคลาฟอร์ด มันไม่ควรยากนะ”
เนื่องจากลู่โจวไม่คิดว่าเธอจะตอบแบบนี้ เขาจึงอึ้งๆ
ชาวสลาฟกระตือรือร้นแบบนี้กันทุกคนเลยเหรอ?
ฉันเต้นไม่เป็นจริงๆ นะ…
ลู่โจวมองศาสตราจารย์หวังเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างอดไม่ได้
สุดท้ายชายชราก็ตีความผิดและคิดว่าลู่โจวอยากให้เขาไป เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นฉันไม่อยู่รบกวนพวกคุณแล้ว ฉันจะไปทักทายเพื่อนเก่า”
ชายชราเอามือไขว้หลังและเดินจากไป
…
การเต้นรำเป็นรูปแบบปกติของการสื่อสาร มันไม่ได้มีความหมายพิเศษ ตำนานกล่าวไว้ว่าผู้ชนะรางวัลโนเบลเคยเต้นแล้วรองเท้าหลุด ทุกคนก็แค่หัวเราะนิดหน่อย
อันที่จริง มาเรีย ไวอซอฟกา ไม่ได้ทำอะไรเขา ทั้งสองแค่เต้นและคุยกันถึงปัญหาคณิตศาสตร์ขณะเต้นรำ
ส่วนทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงเอาเรื่องคณิตศาสตร์มาพูด มันเป็นเพราะลู่โจวพยายามปกปิดทักษะการเต้นรำที่ย่ำแย่ ดังนั้นเขาจึงใช้ปัญหาคณิตศาสตร์มาทำให้มาเรียเสียสมาธิ
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นมือใหม่ในการเต้น เขาเคยเรียนรู้จากทีวีเพียงอย่างเดียว
บางที เขาควรหาเวลาเรียนเรื่องพวกนี้แล้วสิ
ลู่โจวรู้สึกว่าบางทีสักวันหนึ่งเขาจะได้กลับมาที่นี่อีก
แต่บางทีอาจมาด้วยเหตุผลอื่น…
หลังงานเต้นรำจบลง แขกก็เริ่มออกจากงาน
พรุ่งนี้นักวิชาการจะต้องบรรยายผลงานทางวิชาการ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเสียเวลาบนฟลอร์เต้นรำมากนัก
ลู่โจวลากร่างกายอันเหนื่อยล้ากลับโรงแรม เขาโยนชุดสูทบนเก้าอี้และทอดกายลงบนเตียง
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยที่สุดของปีเลย
แม้แต่ตอนแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคก็ไม่เหนื่อยเท่าวันนี้
อย่างไรก็ตามเขาก็มีความสุขเช่นกัน
มันไม่ใช่แค่เพราะเกียรติยศของผู้ชนะรางวัลคลาฟอร์ด แต่เป็นเพราะเงินรางวัลห้าแสนเหรียญอีกด้วย…
ลู่โจวกำลังจะวางเหรียญไว้ แต่แล้วเขาก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
เขายังไม่ได้แบ่งปันความสุขให้กับแฟนๆ เลย
เขาลืมไปได้ยังไง…
ลู่โจวยิ้มและลุกจากเตียง เขาเดินไปริมหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจ
จากนั้นเขาก็ถ่ายรูปวิวกลางคืน อย่างไรก็ตามมีเหรียญทองอยู่ในรูปด้วย
ครั้งนี้ลู่โจวใส่แคปชั่นด้วย เพื่อเปิดเผยความลึกลับของโพสต์ก่อนของเขา
[วิวกลางคืนที่สวยงาม หวังว่าผมจะได้กลับมาอีก 26/5/2016 สต็อกโฮล์ม]
…………………………………