หลังจากรอมานาน ในที่สุดลู่โจวก็ได้รับการตอบกลับจากเนเจอร์
[เรียนศาสตราจารย์ลู่โจว เราประหลาดใจและตื่นเต้นมากกับผลการวิจัยของท่าน สิ่งนี้จะเป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย วิทยานิพนธ์ของท่านจะได้ตีพิมพ์ในเนเจอร์เคมิสทรีฉบับถัดไป…]
เมื่อลู่โจวอ่านอีเมลนี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
เมื่อวิทยานิพนธ์ของเขาถูกตีพิมพ์ ภารกิจรางวัลของเขาก็จะเสร็จสมบูรณ์
เขาตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าเขาจะได้แต้มประสบการณ์มากแค่ไหน
นอกจากนี้ มันไม่ใช่แค่แต้มประสบการณ์อย่างเดียว ต้องมีหลายคนสนใจสิทธิบัตรเขาแน่นอน
ในบ่ายวันนั้น ลู่โจวขับรถไปสนามบินฟิลาเดลเฟีย
เขาจอดรถและเดินเข้าสนามบิน จากที่ไกลๆ เขาเห็นเด็กสาวสวมหมวกกำลังเดินลากกระเป๋า
ลู่โจวรู้ทันทีว่าเป็นเสี่ยวถง เขาเดินเข้าไปแล้วตบไหล่เธอเบาๆจากข้างหลัง
“ไง”
“อ๊ะ!”
เสี่ยวถงสะบัดไหล่ด้วยตกใจ
เธอหันไปมองทันที เมื่อเห็นว่าเป็นลู่โจว เธอก็โล่งอก แต่เธอก็ถลึงตามองพี่ชาย
“พี่รู้ไหมว่าพี่เกือบทำน้องสาวที่น่ารักของพี่หัวใจวาย!”
ตอนแรกลู่โจวแค่อยากเซอร์ไพรส์เธอเท่านั้น เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาก็แทบสำลัก
ถ้าน้องยังทำตัวแบบนี้อีก
น้องจะเปลี่ยนไปใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างราบรื่นไหมนะ…
หลังจากลู่โจวรับเสี่ยวถง ทั้งสองก็ไม่ได้อยู่สนามบินนานนัก เขาพาน้องสาวไปที่จอดรถและกำลังจะแนะนำรถคันโปรด แต่เขาก็เห็นน้องสาวเขย่งตัวมองไปรอบๆ
ลู่โจวสงสัยว่าน้องสาวมองอะไร เขาจึงเอ่ยถาม “น้องมองอะไร?”
เมื่อเสี่ยวถงไม่เห็นสิ่งที่คาดหวังไว้ เธอก็ถาม “พี่ ทำไมพี่มารับหนูคนเดียวล่ะ?”
ลู่โจว “…?”
น้องอยากได้บอดี้การ์ดรึไง?
ลู่โจวไม่รู้เลยว่าเสี่ยวถงพูดถึงอะไร
เสี่ยวถงนั่งเบาะหลังและไม่ได้คาดเข็มขัด เธอเริ่มจับนู่นจับนี่ไปเรื่อยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จู่ๆ เธอก็พูดกับพี่ชายที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับ “พี่ เราจะไปพรินซ์ตันเลยเหรอ?”
“พรินซ์ตันไม่สนุก ไปช้อปปิ้งที่ฟิลาเดลเฟียกัน” ลู่โจวกล่าว เขาสตาร์ทรถ แต่ยังไม่ได้เหยียบคันเร่ง กลับกันเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความหาเฉินยู่ซาน
“โอ้…” เสี่ยวถงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจ “แต่หนูอยากไปพรินซ์ตัน”
ลู่โจวกล่าว “พรินซ์ตันไม่มีอะไรสนุกหรอก”
“หนูไม่ได้มาเที่ยวอย่างเดียว พ่อกับแม่บอกหนูให้มาดูว่าพี่ดูแลตัวเองดีหรือไม่” เสี่ยวถงกล่าว จากนั้นเธอก็เอาหัวดันที่นั่งคนขับ “โอ้ และหนูมาเช็กด้วยว่าพี่ชายหาพี่สะใภ้สวยๆได้ยัง”
อะไรนะ?
สรุปพ่อแม่ส่งน้องมาสอดส่องงั้นเหรอ?
ลู่โจวยิ้มและส่ายหน้า อย่างไรก็ตามหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
แม้ว่าเขาจะอยู่ต่างประเทศ แต่ทุกครั้งที่เขาคิดถึงครอบครัวที่เป็นห่วงเขาอยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก มันก็จะทำให้เขารู้สึกเหงาน้อยลง
“พี่ดูแลตัวเองดี ส่วนเรื่องแฟน…บอกพ่อแม่ว่าไม่ต้องห่วง”
เสี่ยวถงกล่าว “เฮ้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพี่ หนูต่างหากที่เป็นคนตรวจสอบ”
“ก็ได้ๆๆ คุณน้องสาว คุณผู้ตรวจสอบ เชิญเลย” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็วางโทรศัพท์แล้วเหยียบคันเร่ง
เขาไม่ค่อยคุ้นกับฟิลาเดลเฟียนัก เพราะเขาเคยมาแค่ไม่กี่ครั้ง
โชคดีที่เขามีเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นี่ที่พาพวกเขาไปเที่ยวรอบๆ ฟิลาเดลเฟียได้
อย่างไรก็ตามเขาติดหนี้เฉินยู่ซานครั้งหนึ่ง
…
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียอยู่ไม่ห่างจากสนามบิน ลู่โจวจอดรถที่ร้านกาแฟใกล้ๆแล้วเห็นเฉินยู่ซานที่กำลังโบกมือให้อย่างรวดเร็ว
น่าแปลกใจที่เฉินยู่ซานไม่ได้อยู่คนเดียว
ข้างๆเธอเป็นหานเมิ่งฉีที่สวมชุดเดรสฤดูร้อนสีดำแดง ถ้าไม่ใช่เพราะความแตกต่างกันระหว่างสีหน้าที่หดหู่ของหานเมิ่งฉีกับสีหน้าตื่นเต้นของเฉินยู่ซาน พวกเธอคงดูเหมือนพี่น้องกันจริงๆ
จะว่าไป ลู่โจวไม่ได้เจอลูกศิษย์เลยตั้งแต่ที่เขาไปที่ CERN เพื่อเข้าร่วมงานประชุมสุดยอดวิจัยของยุโรป เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธอที่นี่
ลู่โจวไม่แน่ใจนัก เขาจึงเรียกชื่อเธอ
“หานเมิ่งฉี?”
เมื่อหานเมิ่งฉีได้ยินเสียงที่คุ้นหู เธอก็พลันเงยหน้าขึ้นมามอง
จากนั้นเธอก็อึ้ง
“อาจารย์?!”
เมื่อหานเมิ่งฉีเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
ลูกพี่ลูกน้องของเธอบอกว่าจะมาเจอเพื่อน แต่เธอไม่ได้พูดว่าใคร
เธอไม่คิดเลยว่าเพื่อนคนนั้นจะเป็นลู่โจว?!
ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ว่าเธอไม่ได้แต่งตัวเลย ไม่ใช่แค่ไม่ได้แต่งหน้าเท่านั้น แต่เธอไม่ได้หวีผมด้วยซ้ำ สีหน้าของเธอจึงเป็นสีแดงระเรื่อ
หานเมิ่งฉีที่ค่อนข้างสับสนใจเย็นลงแล้วแอบไปหลบหลังลูกพี่ลูกน้อง
เสี่ยวถง “???”
ลู่โจวไม่ได้สังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของหานเมิ่งฉี เขาทักทายเฉินยู่ซานแล้วพูดกับหานเมิ่งฉี “ผมไม่ได้เห็นเธอนานเลย…เธอมาฟิลาเดลเฟียตอนไหน? ทำไมผมไม่รู้ล่ะ?”
ที่ลู่โจวเจอหานเมิ่งฉีครั้งล่าสุด มันก็เป็นปีแล้ว แต่เธอไม่สูงขึ้นเลย
เห็นได้ชัดว่าหานเมิ่งฉีไม่ยอมกินอาหารให้ครบห้าหมู่
เนื่องจากหานเมิ่งฉีก้มหน้าและไม่ยอมพูดอะไร ลู่โจวจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
เฉินยู่ซานที่ยืนอยู่ข้างเธอถอนหายใจและตบบ่าลูกพี่ลูกน้องเบาๆ
“ลูกพี่ลูกน้องที่น่ารักกำลังอารมณ์ไม่ดี เธอเลยมาพักผ่อนอยู่กับฉัน”
หานเมิ่งฉีกะซิบ “อาจารย์ ขอโทษที่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง”
นี่เป็นครั้งที่สองของวันที่ลู่โจวเกือบสำลักน้ำลาย
ส่วนเสี่ยวถงที่อยู่ข้างๆเขาทำเหมือนได้ยินข่าวใหญ่ เธอมองพี่ชายแล้วถาม “อาจารย์? เรื่องเป็นมายังไงเหรอ?”
ลู่โจวเคาะหัวเอาความคิดสกปรกของน้องออก “เรื่องเป็นมายังไง? พี่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ไปสอนพิเศษตอนปีสอง?”
เสี่ยวถงอ้าปากค้าง
หานเมิ่งฉีมองลู่โจวกับเสี่ยวถงด้วยความงุนงง เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ได้เป็นอย่างที่เธอจินตนาการไว้
ลู่โจวมองเธอ เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ผมรู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไง แต่ผมหวังว่าเธอจะไม่ท้อถอย เธอทำได้ดีแล้ว ตอนที่ผมสอนเธอตอนแรก เธอทำสมการพื้นฐานไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย เธอก็สอบได้ร้อยสามสิบคะแนนอย่างสม่ำเสมอ ผมมั่นใจว่าเธอพัฒนาขึ้น ถ้าเธอเข้าไม่ได้…”
หานเมิ่งฉียิ้มแล้วกล่าว “ฉันสอบผ่านแล้ว แต่ปีนี้มีคนสมัครเข้าเอกคณิตเยอะเกินไป…”
เชี่ย เอกคณิตของมหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นที่นิยมไปแล้ว?
ลู่โจวประหลาดใจที่หานเมิ่งฉีเข้าเอกคณิตไม่ได้
เอกคณิตของมหาวิทยาลัยจินหลิงปฏิเสธคน?
ตอนที่คณบดีฉินพูดถึงความนิยมที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ลู่โจวก็คิดว่าอีกฝ่ายแค่ล้อเล่น กลายเป็นว่าคณบดีฉินไม่ได้พูดเล่นเลย
ดูเหมือนเขาประเมินอิทธิพลของ’รางวัลโนเบลขนาดเล็ก’และข้อคาดการณ์ก็อลท์บัคต่ำไป
พูดตามตรง มหาวิทยาลัยไค มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ มหาวิทยาลัยเยี่ยน และมหาวิทยาลัยซาน มีเอกคณิตดีกว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงหมด จุดแข็งของมหาวิทยาลัยจินหลิงคือฟิสิกส์ อย่างไรก็ตามนักศึกษาปริญญาตรีส่วนใหญ่ไม่ทราบข้อเท็จจริงนี้
ฉันรู้สึกว่าฉันวางกับดักผู้คนจำนวนมาก…
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เวลาจะไปแก้ไขความเข้าใจผิด
ลู่โจวถามทันที “แล้วเธอเปลี่ยนไปเรียนหลักสูตรไหน?”
หานเมิ่งฉีแทบปล่อยโฮ “เคมีประยุกต์…”
………………………