ลู่โจวได้กำหนดกรอบงานขนาดใหญ่ของทั้งโปรเจกต์วิจัย
กรอบงานนี้มีปัญหาที่ต้องพิจารณาเพื่อแก้ข้อคาดการณ์นี้ และปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือใช้วิธีสร้างองค์ประกอบกรุปเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างไร
ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของลู่โจว
จากนั้นลู่โจวก็มอบหมายงานให้กับพวกเขา
ความคิดของฮาร์ดี้คล่องแคล่วมาก ดังนั้นเขาจึงรับผิดชอบในการรวบรวมเอกสารวิจัยและเสนอแนวคิด
ฉินเยว่เก่งคำนวณ เขาควรเป็นคู่คิดที่ดี
ส่วนเวร่า สไตล์ของเธอคล้ายกับลู่โจว เธอเก่งคิดแบบอิสระ การบังคับให้คนอย่างเธอร่วมหารือกลุ่มจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ นี่เป็นเหตุผลที่ลู่โจวเลือกทำงานเองเมื่อเดอลีงย์ถามเขาว่าเขาอยากเข้าร่วมโปรเจกต์วิจัยไหม
หลังพิจารณาสักพัก ลู่โจวก็ตัดสินใจให้เธออยู่กลุ่มบีและทำงานไปพร้อมๆ กับฮาร์ดี้และฉินเยว่ที่อยู่กลุ่มเอ
แต่ละกลุ่มจะทำงานกันเองและจะวิจัยปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอ จากนั้นจะมีงานประชุมแลกเปลี่ยนความคิดทุกสองสัปดาห์ และพรีเซนต์ความคืบหน้าทุกเดือน
รูปแบบนี้พบได้ทั่วไปในทีมวิจัยขนาดใหญ่ อาจารย์ที่ปรึกษาที่เก่งๆมักจะรับศิษย์จำนวนมาก แต่การให้นักศึกษามาอยู่กลุ่มใหญ่กลุ่มเดียวจะทำให้ประสิทธิภาพของทีมวิจัยลดลง
ลู่โจวเรียนรู้เรื่องนี้จากศาสตราจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันการศึกษาขั้นสูงของพรินซ์ตัน
ขณะที่ลู่โจวมอบหมายงานให้ทุกคน เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูออฟฟิศ
ลู่โจวกำลังจะไปเปิดประตู แต่ฮาร์ดี้เดินไปเปิดประตูให้ก่อน
เมื่อประตูเปิดออก เขาก็เห็นศาสตราจารย์จิริคยืนอยู่ด้านนอก
ศาสตราจารย์จิริคเดินเข้ามาพร้อมกับชายชาวบราซิลคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดกับลู่โจวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“นั่นเป็นวิทยานิพนธ์ของคุณเหรอ?! วิทยานิพนธ์ในเนเจอร์? ไม่ ฉันหมายถึง ‘ลู่โจว’ นั้นคือคุณเหรอ?”
เขาตื่นเต้นเกินไป ดังนั้นคำพูดของเขาจึงไม่ค่อยต่อเนื่องกัน เขากระทั่งออกเสียงคำว่าลู่โจวไม่ถูก
ลู่โจวกลัวว่าชายคนนี้จะเข้ามากอดเขา เขาจึงก้าวถอยหลังแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ทำไมหรือ?”
มีศาสตราจารย์ลู่โจวอีกคนอยู่ในพรินซ์ตันงั้นเหรอ?
ศาสตราจารย์จิริคไม่ได้กอดเขา แต่เขาสูดหายใจลึกๆเพื่อสงบใจลง
จากนั้นเขาก็พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“พระเจ้า…คุณเป็นอัจฉริยะตัวจริง!”
คำเยินยอนี้ทำให้ลู่โจวตั้งตัวแทบไม่ทัน
ลู่โจวยิ้มอย่างเขินๆ “ผมไม่ใช่พระเจ้า…”
ศาสตราจารย์จิริคแทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยินคำพูดของลู่โจว
เขากล่าว “มันก็แค่คำอุทาน ฉันไม่ได้บอกว่าคุณเป็นพระเจ้าจริงๆสักหน่อย…ตกลงคุณทำได้ไง? วิเคราะห์คำนวณวัสดุ? ประมาณขอบเขต?”
สิ่งที่ทำให้ศาสตราจารย์จิริคประหลาดใจไม่ใช่เรื่องผลิตภัณฑ์ PDMS ดัดแปลงมีผลที่น่าอัศจรรย์ แต่เป็นศาสตราจารย์ลู่โจวเป็นผู้ค้นพบได้อย่างไร
แม้วัสดุศาสตราจารย์เชิงคำนวณมีความคืบหน้าที่ดีในเคมีอินทรีย์ แต่ผลการวิจัยที่สำคัญแบบนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย หลักปฏิบัติหลักๆก็คือการทดลองซ้ำๆ จากนั้นก็วิเคราะห์วัสดุ แล้วทำการทดลองเพิ่ม
มันไม่ใช่แค่จิริค แต่หลายคนก็สงสัยว่าลู่โจวค้นพบผลิตภัณฑ์นี้ได้อย่างไร
ลู่โจวรู้ว่าอีกฝ่ายสงสัยอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลย
อันที่จริงตอนที่เขาศึกษาวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ เขาได้เรียนรู้เทคนิคที่มีประโยชน์บางอย่างในตอนที่ทำแบบจำลองคณิตศาสตร์
อย่างไรก็ตามวัสดุของเขาถูกค้นพบโดยปืนสแกนเนอร์…
ลู่โจวคิดแล้วกล่าว “ผมอธิบายให้คุณเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ แถมผมกำลังมอบหมายงานให้ลูกศิษย์ MRS ส่งจดหมายเชิญให้ผมแล้ว พวกเขาบอกให้ผมไปบรรยายปัญหานี้ ถ้าคุณสนใจ คุณก็มาฟังการบรรยายของผมสิ”
“MRS? มั่นใจได้ ฉันไม่พลาดมันแน่นอน! พูดตามตรง ถ้าช่วงนี้ฉันไม่ยุ่ง ฉันจะมาเรียนกับคุณแน่นอน” ศาสตราจารย์จิริคกล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งติดตลก
เห็นได้ชัดว่าลู่โจวไม่ได้เก็บไปคิดจริงจังนัก กลับกันเขายิ้มแล้วกล่าว “ถ้าคุณสนใจทฤษฎีจำนวน ผมก็ไม่คิดมากที่จะรับศาสตราจารย์มาเป็นนักศึกษาปริญญาเอก แต่ผมยังไม่ได้วางแผนวัสดุศาสตร์ พูดตามตรงผมไม่รู้ว่าจะพัฒนาหลักสูตรนี้ให้เหมาะสมได้ยังไง”
“ไม่ว่ายังไง พรินซ์ตันก็’ให้กำเนิด’มหาเศรษฐีพันล้านอีกคนแล้ว” ศาสตราจารย์จิริคตบไหล่ลู่โจว “ฉันรู้ว่าศาสตราจารย์คณิตศาสตร์อย่างคุณไม่สนใจเรื่องเงิน แต่ไม่ว่ายังไงคุณต้องเลี้ยงเหล้าฉัน อย่าลืมว่าฉันเป็นคนให้คุณยืมห้องแล็บ!”
มหาเศรษฐีพันล้านค่อนข้างเกินจริงไปบ้าง แต่เศรษฐีร้อยล้านนั้นไม่มีปัญหา
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “แน่นอน”
จากนั้นศาสตราจารย์จิริคก็เดินจากไป
นักศึกษาทั้งสามจ้องมองแผ่นหลังลู่โจว
เมื่อลู่โจวหันกลับมา เขาก็อึ้งนิดๆ เขาโบกมือไล่
“พวกคุณมองฉันทำไม? ไปทำงาน”
เฉินเยว่และฮาร์ดี้สบตากัน
แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาพูดถึงอะไร แต่พวกเขาก็เข้าใจว่ามหาเศรษฐีพันล้านคืออะไร
พวกเขารู้สึกเหมือน…
ตัวเองได้เลือกอาจารย์ที่ปรึกษาที่น่าเหลือเชื่อเข้าให้แล้ว
…
อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก
ณ ห้องแล็บวัสดุนาโนคาร์บอนมหาวิทยาลัยจินหลิง การทดลองมาถึงช่วงครึ่งหลังแล้ว
ภายใต้แนวทางของศาสตราจารย์หลี่หรงเอิน เฉียนจ้งหมิงวางตัวอย่างแบตเตอรี่ไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนและเชื่อมต่อกับเครื่องทดสอบแบตเตอรี่ Bk-6808
เมื่อข้อมูลภาพปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของศาสตราจารย์หลี่หรงเอินก็จริงจังขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปพักใหญ่…
เขาจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
“ยอดเยี่ยม…”
ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินส่ายหน้าและถอดแว่นตาออก เขาพูดแค่สองคำ แต่หัวใจเขาเต้นตึกตักไม่หยุด
ถ้ามันเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมทั่วๆ ไป แม้จะมีฟิล์มที่เหนียวแน่น แต่ขั้นตอนการชาร์จก็จะทำให้แบตเตอรี่สร้างลิเธียมตาย เนื่องจากผลของทิปนิวครีเอชั่น
อย่างไรก็ตามวัสดุ PDMS ดัดแปลงนี้สามารถยับยั้งการเติบโตของลิเธียมเดนไดรต์ได้ด้วยกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน
นี่ทำให้เขาคิดย้อนกลับไปตอนปี 2013 ตอนที่วัสดุโซลาร์เซลล์แบบผลึก ABX3 ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมท็อปสิบของโลก ย้อนกลับไปตอนนั้นมันทำให้อุตสาหกรรมแผงโซลาร์เซลล์ก้าวหน้าไปมาก
ในตอนนั้น ผู้คนต่างก็ประหลาดใจ เพราะขั้นตอนการเตรียมวัสดุมันเรียบง่ายเกินไป มันเหมือนการผสมเกลือสองชนิดเข้าด้วยกัน เอาไปกวน เอาไปปั่น จากนั้นก็เอาไปตากแห้ง
วัสดุ PDMS ชนิดนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน
กระบวนการผลิตนั้นไม่ซับซ้อน และวัตถุดิบที่จำเป็นก็มีราคาไม่แพง
นี่เป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมต้องการอย่างแท้จริง
หลิวโปที่ยืนอยู่ข้างเฉียนจ้งหมิงพูดอย่างสะเทือนอารมณ์อย่างอดไม่ได้
“เจ้าหมอนี่เป็นอัจฉริยะจริงๆ…”
“ใช่” เฉียนจ้งหมิงดันกรอบแว่นและพยักหน้าเห็นด้วย “อัจฉริยะตัวจริง”
เฉียนจ้งหมิงจำได้ว่าเขาเป็นคนสอนลู่โจวใช้อุปกรณ์ แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้
วัสดุศาสตร์เชิงคำนวณน่าทึ่งขนาดนั้นเลยจริงเหรอ?
บางทีครั้งหน้าถ้าฉันพบกับเขา ฉันต้องขอให้เขาสอนคณิตศาสตร์บ้าง
ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินมองดูรูปที่เกิดจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน จู่ๆเขาก็พูด “ปีนี้ฉันวางแผนไปงานประชุม MRS ที่อเมริกา ใครอยากไปไหม?”
หลิวโปกับเฉียนจ้งหมิงยกมือพร้อมกัน
ทั้งสองไม่อยากพลาดการประชุมนี้
ศาสตราจารย์หลี่ส่ายหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นพวกเราก็ไปกัน”
…………………………………