งานประชุมของสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐฤดูใบไม้ผลิเป็นงานประชุมปกติ มันไม่ได้มีอิทธิพลในชุมชนคณิตศาสตร์มากนัก ซึ่งเทียบไม่ได้กับงานประชุมประจำปีของสมาคมคณิตศาสตร์ยุโรป
ถ้านักศึกษาชนะรางวัลผู้บรรยายยอดเยี่ยมในงานประชุมเหล่านี้ อย่างมากก็แค่มอบชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย เพราะมีคนไม่มากนักที่ให้ความสนใจกับรางวัลของงานประชุมนี้
ถึงกระนั้นนักวิชาการสาขาคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ส่วนใหญ่ก็ยังคงให้ความสนใจกับวิทยานิพนธ์ที่ส่งมางานประชุมสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐฤดูใบไม้ผลิอยู่ดี
ท้ายที่สุดแล้วคณิตศาสตร์ก็เป็นโลกของอัจฉริยะ ความสำเร็จที่โดดเด่นกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็มาจากนักวิชาการที่อายุน้อยกว่าสี่สิบปีทั้งนั้น
ณ ออฟฟิศวิจัยคณิตศาสตร์ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน
นักวิชาการเซี่ยงหัวหนานเอนกายพิงเก้าอี้ พร้อมกับกำลังจิบชาและอ่านวิทยานิพนธ์
ชายชราบังเอิญอ่านเจอวิทยานิพนธ์ฉบับหนึ่ง เขาเลิกคิ้วและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คนๆ นี้หยุดพักไม่ได้เลยจริงๆ เขาเพิ่งสำเร็จโปรเจกต์ใหญ่ไป ยังไม่ทันไรก็มีโปรเจกต์ใหญ่เข้ามาอีกแล้ว”
แม้ว่านักวิชาการเซี่ยงหัวหนานจะไม่ได้บอกว่าใครคือ’คนๆนี้’ แต่อีกคนที่นั่งอยู่ในออฟฟิศก็รู้อยู่ดี ว่าเซี่ยงหัวหนานกำลังพูดถึงใคร
นักวิชาการหวังอี้ผิงกำลังดื่มชมอยู่เช่นกัน จากนั้นเขาก็พูดกับสหายอย่างเฉยเมย “คนหนุ่มสาวมีพลังงานล้นเหลือ พวกเขาคงไม่อยากหยุดพัก”
นักวิชาการเซี่ยงวางวิทยานิพนธ์บนโต๊ะแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์…”
วิทยานิพนธ์ที่ถูกปริ้นลงบนกระดาษเอสี่เป็นของเวร่าที่ส่งไปสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐ สมการที่มีคำตอบชุดเดียวกันของข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์ h(z^3) = h(z^6) + {h(z ^2) และการวิเคราะห์เชิงซ้อนของ +λh(λz^2)+λ^2h(λ^2z^2)}
ทั้งสองรู้ว่าเวร่าเป็นศิษย์ของลู่โจวที่พรินซ์ตัน ผู้ซึ่งเป็นผู้เขียนอันดับสองของวิทยานิพนธ์
นักวิชาการหวังอี้ผิงประหลาดใจเล็กน้อย “ข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์? นั่นมันไม่ได้ง่ายไปกว่าข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคใช่ไหม?”
แม้ว่าข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์จะไม่ได้โด่งดังเท่าข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค แต่ความยากของมันก็ไม่ได้ต่ำกว่าข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคมากนัก ในบางแง่มันยากกว่าข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคด้วยซ้ำ
เหตุผลที่มันยากก็เพราะ มันไม่เหมือนกับข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค ที่มีคนรุ่นก่อนปูทางวิจัยไว้ให้
เหตุผลที่ทำไมลู่โจวถึงแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคได้ก็เพราะ นักวิชาการนับไม่ถ้วนได้สร้างหอคอยแห่งข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคไว้ก่อนแล้ว ในทางกลับกัน ข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์ยังไม่มีเสาเข็มสักต้น
อย่างมากก็มีแค่พื้นฐานทั่วไป
ลู่โจวไม่สามารถแยกชิ้นส่วนหอคอยแห่งข้อคาดการณ์ก็อลท์บัคอันเก่า แล้วใช้มันสร้างหอคอยแห่งข้อคาดการณ์ก็อลท์บัคขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสร้างอิฐก้อนใหม่และสร้างวัสดุใหม่ๆ ด้วย
นักวิชาการเซี่ยงยิ้ม “ใครจะรู้ ฉันไม่ได้เป็นนักคณิตศาสตร์ทฤษฎีจำนวนสักหน่อย ถ้าคุณสงสัย ทำไมคุณไม่ไปถามเขาล่ะ?”
“เอาเป็นว่าครั้งหน้าฉันจะถามเขาแล้วกัน แต่เจ้าหนูลู่โจวคนนี้ยอดเยี่ยมเสียจริง แม้แต่ศิษย์เขาก็เป็นอัจฉริยะ” นักวิชาการหวังอดส่ายหน้าไม่ได้ “น่าเสียดายที่ลู่โจวไม่ได้มาอยู่ในมหาวิทยาลัยเยี่ยน”
นักวิชาการเซี่ยงยิ้ม “น่าเสียดายยังไง? ตอนนี้เขาเป็นนักวิชาการที่โด่งดังระดับโลกแล้ว เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยเยี่ยน เขากลับประเทศก็ดีแค่ไหนแล้ว”
ถ้านักวิชาการจีนที่อยู่ต่างประเทศยอมกลับจีนแล้วเข้าร่วมโปรเจกต์หมื่นอัจฉริยะ พวกเขาจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นหลายเท่า นักวิจัยหลายคนที่กลับมาได้รับเงินล้านเหรียญเป็นเงินทุนวิจัย นี่เป็นสิ่งที่จินตนาการไม่ได้ในอเมริกา
แม้ว่าโปรเจกต์หมื่นอัจฉริยะจะมีความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่มันก็ยังดึงดูดนักวิชาการระดับโลกได้ไม่เพียงพอ
“ฉันก็แค่พูดเฉยๆ” นักวิชาการหวังส่ายหน้า “ประสบการณ์สอนของคุณลู่ที่พรินซ์ตันและพรสวรรค์ รวมกับทรัพยากรของมหาวิทยาลัยเยี่ยน สามารถสร้างสาขาคณิตศาสตร์ระดับโลกที่มหาวิทยาลัยเยี่ยนได้เลย แต่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยจินหลิงล่ะก็…”
นักวิชาการหวังไม่ทันพูดจบ แต่ความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
การสร้างอาคารจากศูนย์นั้นยากกว่าการซ่อมแซมอาคารที่มีอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
นักวิชาการเซี่ยงเข้าใจคำพูดของสหายเก่า แต่เขาไม่ได้ออกความเห็นอะไร เขาหัวเราะอย่างเดียว
ในอดีต เขาเห็นด้วยกับนักวิชาการเซี่ยง เขาคิดว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี เขายังมอบข้อเสนอให้ลู่โจวด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เมื่อมองย้อนกลับไป จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวนัก
ทั้งสถาบันวิทยาศาสตร์จีนและมหาวิทยาลัยเยี่ยนไม่สามารถมอบพื้นที่พัฒนาให้แก่ลู่โจวรวมถึงอิสระที่เขาต้องการ แต่มหาวิทยาลัยจินหลิงทำได้
ทั้งมหาวิทยาลัยจินหลิงยังติดอันดับที่สี่สิบของประเทศ และยังมีทรัพยากรที่ดีเยี่ยมเหมือนมหาวิทยาลัยเยี่ยนอีกด้วย ถึงแม้จะมีน้อยกว่าก็ตาม
แม้ว่ามหาวิทยาลัยเยี่ยนจะมีทรัพยากรมากกว่ามหาวิทยาลัยจินหลิง แต่ลู่โจวก็ยังคงเลือกมหาวิทยาลัยจินหลิง เนื่องจากมีอิสระในการคิดสร้างสรรค์อย่างกว้างขวางมากกว่า
บางทีลู่โจวอาจจะสามารถสร้างทั้งหมดของสาขาคณิตศาสตร์ด้วยตนเองก็เป็นได้
…
หลังงานประชุมของสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐฤดูใบไม้ผลิจบลง ในที่สุดลู่โจวก็ได้บินกลับบ้าน
คราวนี้เขาไม่ได้บอกใคร เขาแอบซื้อตั๋วขึ้นรถไฟจนกลับมาถึงบ้านที่เจียงเฉิง
เมื่อเขาเปิดประตู ก็มีเสียงใสต้อนรับเขากลับบ้าน “โอ้! พี่กลับมาแล้ว? มาหนูช่วยถือกระเป๋า!”
เสี่ยวถงทิ้งเพื่อนร่วมทีมในเกม เธอกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งมาที่ประตู
ลู่โจวมองสีหน้าตื่นเต้นของน้องสาวแล้วยิ้ม
“ของขวัญอยู่ในกระเป๋า หยิบเอาเองเลยนะ”
ลู่เสี่ยวถงได้ของขวัญจากพี่ทุกปี นี่เป็นธรรมเนียมของตระกูลลู่
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ของขวัญที่ราคาแพงเป็นพิเศษ แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในความสุขของเสี่ยวถง
ลู่โจวเอากระเป๋าให้น้อง จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะและนั่งบนโซฟาห้องนั่งเล่น
เพียงสักครู่ เสี่ยวถงก็เจอของขวัญ เธอเดินเข้าห้องอย่างมีความสุข
ของขวัญที่ลู่โจวให้เธอคือชุดเครื่องแต่งหน้าแบรนด์เครื่องสำอางจากสวิส เขาไม่รู้เรื่องแต่งหน้านัก แต่โชคดีที่ศิษย์เขาที่ชื่อว่าฮาร์ดี้ มีความรู้ในด้านนี้อย่างน่าประหลาดใจ
เสี่ยวถงกลับมาที่ห้องนั่งเล่นแล้วนั่งบนโซฟาข้างลู่โจว จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์เพื่อเตรียมเริ่มเกมตาใหม่
ลู่โจวมองหน้าจอโทรศัพท์ของน้องสาว แล้วเห็นว่าแรงค์ในเกมไม่เพิ่มขึ้น เขาจึงถามอย่างสงสัย “การสอบของน้องเป็นไงบ้าง?”
เสี่ยวถงตอบอย่างภาคภูมิใจ “หนูเป็นเด็กอัจฉริยะ เพราะหลักสูตรมหาวิทยาลัยง่ายมาก”
ลู่โจวรู้สึกขบขัน
ตอนที่เขาอยู่ปีหนึ่ง เขาก็คิดอย่างไร้เดียงสาว่าเนื้อหาในหลักสูตรล้วนเป็นเนื้อหามัธยมปลาย
โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ
ข้อกำหนดการเข้ามหาวิทยาลัยก็คือภาษาอังกฤษระดับสี่ มันไม่มีอะไรมากกว่าการท่องจำ
อย่างไรก็ตามพอถึงเทอมสอง ความยากก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
จากนั้นหลักสูตรนรกที่แท้จริงก็เริ่มขึ้นเมื่อเรียนวิชาเอก
แต่ลู่โจวไม่ได้รู้สึกลำบากเลย รูมเมททั้งสามของเขาต่างหากที่ลำบาก เมื่อเขาเริ่มเรียนวิชาเอก สำหรับเขาแล้ว เนื้อหาส่วนใหญ่มันง่ายเหลือเกิน
“…แล้วหนูก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว อย่าถามถึงเกรดหนูตลอดสิ หนูไม่ได้เอาแต่เล่นโทรศัพท์ทุกวันสักหน่อย วันนี้วันหยุด พี่เข้าใจไหม? ช่วงอยู่มหาวิทยาลัย หนูเรียนหนักมาก” เสี่ยวถงตอบก่อนจะรีบเริ่มเกมต่อไปและออกจากบ่อเกิด
แน่นอนว่าลู่โจวเชื่อน้องสาว
ไม่มีทางเลยที่เสี่ยวถงจะอยู่แรงค์บรอนซ์มาตลอดทั้งปี เพราะต่อให้เป็นเอไอ’ปัญญาอ่อนประดิษฐ์’ของเขา อย่างเสี่ยวไอ ยังก้าวข้ามแรงค์บรอนซ์ไปได้ เพราะฉะนั้นแสดงว่าเธอต้องเรียนหนังสือหนักมากแน่นอน
เสี่ยวถงแอบยิ้ม เธอหยอกพี่ชาย “พี่อย่ามาพูดถึงหนูเลย แล้วพี่ล่ะ?”
ลู่โจวไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของน้องสาว เขาจึงตอบ “พี่? ก็ดี อาชีพพี่มั่นคงดี…”
เสี่ยวถงถามทันที “แล้วแฟนพี่ล่ะ?”
ลู่โจว “…”
บัดซบ!
น้องตั้งใจถามใช่ไหม?
………………………………….