เสี่ยวถงทำให้พี่ชายเงียบได้สำเร็จ เธอจึงเล่นเกม ROV ต่ออย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในเกมไม่ค่อยดีนัก รอยยิ้มของเธอจึงหายไป
เพื่อนร่วมทีมของเธอตายไปห้าครั้งในห้านาที ทุกคนมีแต่แต้มตายมากกว่าฆ่า
สุดท้ายเพื่อนร่วมทีมก็ออกจากเกมแล้วทิ้งเธออยู่คนเดียว
เสี่ยวถงโยนโทรศัพท์อย่างโกรธเคืองแล้วเอนตัวพิงโซฟาพลางบ่นพึมพำไปด้วย “พวกเด็กเกรียน”
ลู่โจวมองเธอ
พี่บอกแล้วอย่าเล่นมาก
เสี่ยวถงดูหดหู่ใจเล็กน้อย จะแกล้งเธอคงไม่ดีนัก ลู่โจวจึงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“เลิกเล่นเกมได้แล้ว บอกพี่มาซิ ชีวิตมหาวิทยาลัยเป็นไงบ้าง?”
แววตาของเสี่ยวถงพลันเปล่งประกาย เธอเริ่มพูดไม่หยุด
ลู่โจวประหลาดใจ แม้ว่าเธอทำตัวเหลวไหลอยู่ที่บ้าน แต่ที่โรงเรียน เธอเป็นถึง’นักเรียนตัวอย่าง’เลยทีเดียว
เธอได้ที่หนึ่งของห้องและที่สามของชั้นปี ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังเป็นหัวหน้าชมรมการเงินปีสองพันสิบเจ็ดและได้ทุนการศึกษาระดับประเทศ
เสี่ยวถงพูดถูก เธอไม่ได้ทำให้ตระกูลลู่ผิดหวังเลย ลู่โจวไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายของน้องสาว เพราะทุนการศึกษา และผลการเรียนปีหนึ่งของเธอดีกว่าลู่โจวเสียอีก
ปกติแล้วทุนการศึกษาระดับประเทศจะมอบให้แก่นักศึกษาปีสอง การที่ได้ทุนตั้งแต่ปีหนึ่งแปลได้สองแบบคือฉลาดมากหรือไม่ก็มีเส้นสาย…
ในมุมมองของเสี่ยวถง มันย่อมเป็นอย่างแรก เธอได้รับการยอมรับจากอาจารย์ผ่านความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ เพื่อต่อสู้แย่งชิงทุนการศึกษา เธอใช้เวลาครึ่งเดือนในการเตรียมเนื้อหาไปนำเสนออาจารย์
ลู่โจวมีความสุขกับน้องสาวเช่นกัน
เธอพยายามสุดความสามารถเลยทีเดียว
ส่วนเหตุผลที่แท้จริงที่ทำไมเธอถึงได้ทุนการศึกษา มันคงดีที่สุดแล้วที่จะไม่รื้อฟื้นเรื่องนี้
ขอแค่เธอมีความสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
…
บ้านลู่โจวมีความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
แม้ว่ามันยังเป็นบ้านหลังเดิม แต่ตัวบ้านก็ผ่านการปรับปรุงมาอย่างดีจนดูสวยขึ้นมาก
ตอนแรกเฒ่าลู่ยืนกรานว่าจะไม่ใช้เงินจากบัตรธนาคารของลู่โจว ทั้งยังโน้มน้าวไม่ได้ด้วย
จากนั้นประมาณเดือนกรกฎาคม ลู่โจวก็บอกพ่อว่าเขาได้เงินเดือนสี่แสนเหรียญสหรัฐต่อปีหลังหักภาษี สุดท้ายชายชราก็เปลี่ยนใจและยอมรับข้อเสนอของลูกชาย
และมันก็ได้จังหวะพอดี เสี่ยวถงไปมหาวิทยาลัย ดังนั้นคู่รักชราจึงปรับปรุงบ้านใหม่
อันที่จริงความคิดแรกของลู่โจวคือขายบ้านและย้ายไปอยู่ชุมชนใหม่ที่ดีกว่านี้ แต่พ่อแม่เขาไม่เห็นด้วยอย่างหนัก
พ่อเขาบอกว่าเขาอาศัยอยู่บ้านหลังนี้มากกว่ายี่สิบปีแล้ว เขาจึงไม่เต็มใจจะย้ายออกไป
ในสายตาของชายชรา ที่นี่เป็นชุมชนที่ดีที่สุด สภาพแวดล้อมมีชีวิตชีวา เขาสนิทกับเพื่อนบ้าน ทั้งยังมีที่ให้เขาไปตกปลาใกล้ๆ ด้วย
ถ้าพวกเขาย้ายไปอยู่อพาร์ทเม้นท์ตึกสูง พวกเขาก็คงมีเพื่อนบ้านมากขึ้น แต่มันน่าจะเงียบเหงากว่าเดิม แล้วไหนลูกๆ ก็ไม่ได้อยู่ด้วยอีก ถ้าเกิดพวกเขาป่วยขึ้นมาล่ะ? คงแย่แน่
ลู่โจวมาคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล
ถ้าให้เขาเลือก เขาจะเลือกไปอยู่อพาร์ทเม้นท์แน่นอน เขาเชื่อว่าเสี่ยวถงก็คงคิดเหมือนกัน
บางทีมันอาจเป็นเพราะความแตกต่างของรุ่นอายุ
“วันหนึ่ง ถ้าลูกเหนื่อยล้ากับเมืองใหญ่ ลูกก็กลับมาพักที่บ้านหลังนี้ได้ อย่าเอาแต่เล่นโทรศัพท์ แม่กับพ่อไม่เคยใช้ของแบบนี้ก็ไม่เคยเห็นใครเป็นอะไรเลย”
ลู่โจวได้ยินประโยคนี้ตอนกำลังทานข้าว
เขาสาบานเลยว่าเขาไม่ได้จับโทรศัพท์มากขนาดนั้น เขาแค่ใช้โทรศัพท์แบ่งปันความสุขให้กับแฟนคลับบนเว่ยป๋อและวีแชท
คำพูดของแม่ควรพูดใส่เสี่ยวถงแทน
เฒ่าลู่ถาม “ที่นู่นหนาวไหม?”
ลู่โจว “มันหนาวมาก พอผมลงถึงเซี่ยงไฮ้ ก็รีบถอดเสื้อทันที เพราะที่นี่สบาย และอบอุ่นกว่าเยอะ”
ฟางเหม่ยเป็นห่วง เธอถาม “มีหิมะตกไหม?”
ลู่โจว “ตกครับ ตกตั้งแต่คริสต์มาสแล้ว”
ฟางเหมยกล่าว “งั้นคงหนาวแย่เลย อย่าลืมใส่เสื้อกันหนาวล่ะ ระวังอย่าให้เป็นหวัด”
แม้ลู่โจวจะรู้ว่าพ่อแม่แค่เป็นห่วง แต่เขาก็ยังรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
ลู่โจวกล่าวอย่างจนปัญญา “ครับ…ผมรู้”
เฒ่าลู่ถาม “บ้านลูกมีเครื่องทำความร้อนไหม?”
ลู่โจวกล่าว “บ้านผมไม่มีเครื่องทำความร้อน แต่มีเตาผิง พอปิดประตูหน้าต่าง บ้านก็ไม่หนาวแล้ว”
เสี่ยวถงไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่จู่ๆ เธอก็ถามอย่างตื่นเต้น “เตาผิง? งั้นพี่ก็ย้ายออกแล้วงั้นเหรอ? บ้านใหม่พี่ใหญ่ไหม?”
“ค่อนข้างใหญ่ แต่มันไม่แพงมากนัก” ลู่โจวยิ้ม “ถ้าน้องต้องการ ไว้ช่วงปิดเทอมก็มาเที่ยวสิ”
“ลูกซื้อบ้านที่นู่นเหรอ?” เฒ่าลู่มองลู่โจวด้วยความประหลาดใจ “สรุปลูกจะไม่กลับมาแล้วเหรอ?”
ลู่โจวตอบโดยไม่ต้องคิดเลย “ผมกลับมาแน่นอน มหาวิทยาลัยจินหลิงยังรอผมมาช่วยเหลืออยู่ ส่วนบ้านที่นู่น พอถึงเวลา ผมค่อยขายก็ได้ มันไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้นหรอก”
เฒ่าลู่กล่าว “โอ้! เงินเปลี่ยนลูกได้จริงๆ ดูลูกอวดสิ”
“ขายบ้านน่าเสียดายแย่ เก็บไว้แล้วปล่อยเช่าเอาดีกว่า” ฟางเหมยกังวลเรื่องอื่นมากกว่า “เสี่ยวถงจะได้ไปอยู่ที่นู่นได้ตอนไปเรียนต่างประเทศ”
พ่อแม่ของเขายึดติดกับบ้านแปลกๆ มันทำให้ลู่โจวพูดไม่ออก
ถ้าเขาไม่ขายบ้าน เขาก็ต้องจ่ายภาษีบ้านรายปี ตลาดขายบ้านของพรินซ์ตันดูไม่ค่อยดีนัก แถมเขายังเป็น’ชาวต่างชาติ’ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายลดหย่อนภาษีของนิวเจอร์ซีย์
ถ้าเขาทำงานที่นั่น มันคงไม่เป็นไร เพราะพรินซ์ตันจ่ายภาษีให้ อย่างไรก็ตามพอเขากลับจีน พรินซ์ตันจะไม่จ่ายภาษีให้เขาอีก
เสี่ยวถงกลอกตามองบน “แม่ หนูบอกแม่กี่รอบแล้ว หนูอยู่เอกการเงิน ไม่ใช่คณิตศาสตร์ ต่อให้หนูอยากไปเรียนต่างประเทศ หนูก็คงไปมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียแทน แม่เข้าใจไหม?”
เฒ่าลู่กล่าว “มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียคืออะไร? พรินซ์ตันไม่ดีกว่าเหรอ?”
นับตั้งแต่ที่เขาได้ยินว่าสาขาคณิตศาสตร์ของพรินซ์ตันดีกว่าฮาร์วาร์ด อันดับฮาร์วาร์ดในใจเขาก็ตกลงมาก ในใจเขา พรินซ์ตันคือดีที่สุด
เสี่ยวถงพูดไม่ออก เธอเริ่มเสียใจที่เถียงพ่อแม่
อันที่จริงนี่ไม่ใช่ความผิดของเฒ่าลู่ มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายความแตกต่างระหว่างอันดับของมหาวิทยาลัยกับอันดับของหลักสูตรให้ผู้อื่น
โชคดีที่ลู่โจวกระแอมแล้วตัดจบการโต้เถียง
“พรินซ์ตันไม่มีโรงเรียนธุรกิจ…”
…
หลังกลับมาจีน ในที่สุดลู่โจวก็ได้ผ่อนคลาย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงาน
แต่ทว่านักวิชาการระดับเขาย่อมไม่สามารถหลบหนีจากภาระงานได้
มหาวิทยาลัยจินหลิงเหมือนจะคาดการณ์ไว้ว่าลู่โจวจะกลับมาตอนวันตรุษจีน หลังจากที่เขาพักอยู่บ้านไม่ถึงสองวัน เขาก็ได้รับสายจากมหาวิทยาลัยจินหลิง
น่าแปลกใจที่ศาสตราจารย์ถังเป็นคนโทรมา
เฒ่าถังยิ้มแล้วกล่าว “อาจารย์ใหญ่สวี่ฝากมาถามว่าเธอจะกลับมาฉลองตรุษจีนปีนี้ไหม? แล้วเธอจะกลับมาตอนไหน?”
ลู่โจวยิ้ม “ผมอยู่บ้านแล้ว”
เฒ่าถังประหลาดใจ เขาถาม “อะไรนะ? เธอกลับมาแล้ว?”
ลู่โจว “ใช่ครับ ผมกลับมาหลังจบงานประชุมที่เบิร์กลีย์ ตารางงานของผมค่อนข้างแน่น ผมเลยไม่ได้บอกใคร”
เหตุผลที่ลู่โจวไม่ยอมบอกใครก็เพราะเขาไม่อยากให้ใครมารบกวน
เขาแค่อยากฉลองปีใหม่เงียบๆ ไม่อยากวุ่นวายกับใคร
เฒ่าถังถอนหายใจ “ฉันอยากเลี้ยงข้าวเธอก่อนตรุษจีน แต่ตอนนี้เหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว”
ลู่โจวยิ้ม “คุณเป็นคนเชิญผมหรือมหาวิทยาลัยเชิญผม? ถ้าคุณเชิญ ผมจะไปหาหลังตรุษจีนสักสามวัน”
“เธอต้องล้อเล่นแล้ว! ฉันจะให้เธอมาหาได้ไง? พักอยู่บ้านเถอะ ฉันไม่ได้อยากให้เธอมาเยี่ยมเยือนฉัน” เฒ่าถังหยุดชั่วครู่ “อาจารย์ใหญ่สวี่ฝากมาบอกถ้าเธอกลับมา เขามีเรื่องบางอย่างจะคุยด้วย”
ลู่โจวกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สำคัญมากไหมครับ?”
เฒ่าถังกล่าวอย่างจริงจัง “ไม่รู้ว่ามันสำคัญไหม แต่มันเป็นเรื่องดีต่อตัวเธอแน่นอน”
ลู่โจวตอบอย่างสุภาพ “ได้ครับ วันที่สิบห้า ผมจะไปมหาวิทยาลัยจินหลิงก่อนกลับพรินซ์ตัน”
………………………………….