ลู่โจวพักอยู่ที่บ้านจนถึงวันที่สิบห้า จากนั้นเขาก็พาเสี่ยวถงกลับมหาวิทยาลัย
หลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมง ในที่สุดเขาก็มาถึงสถานีรถไฟจินหลิง
ลู่โจวลงจากรถไฟความเร็วสูง ตอนแรกเขาวางแผนจะขึ้นรถไฟใต้ดินกลับมหาวิทยาลัย แต่ก่อนที่เขาจะออกจากสถานีรถไฟ เฒ่าถังก็โทรมาทันที
“เธออยู่ไหนแล้ว?”
ลู่โจว “ที่สถานีรถไฟครับ ผมกำลังจะไปสถานีรถไฟใต้ดิน ทำไมเหรอครับ?”
เฒ่าถังยิ้ม “อย่าเพิ่งไป ออกมาก่อน”
ลู่โจวกล่าว “อย่าบอกนะว่าคุณมารับผม? สถานีรถไฟใต้ดินอยู่ใกล้มาก รู้ตัวไหมว่าคุณกำลังทำให้ผมเขิน”
“ฮ่าฮ่า เธอเขินเป็นด้วย?” เฒ่าถังยิ้ม “เอาล่ะ เลิกเสียเวลากันเถอะ ไปบอกนักวิชาการสวี่นู่น ฉันไม่มีเวลามารับมือกับความเขินเธอหรอกนะ”
เมื่อลู่โจวได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงนักวิชาการสวี่ เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย
มีนักวิชาการสวี่คนเดียวเท่านั้นที่อยู่มหาวิทยาลัยจินหลิง และคนนั้นก็คืออาจารย์ใหญ่สวี่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตกใจนักที่อาจารย์ใหญ่สวี่มารับเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี
ลู่โจวคิดพักใหญ่ เขาจำไม่ได้ว่าช่วงนี้เขามีข่าวอะไรออกไปอีกบ้าง
วิทยานิพนธ์แบตเตอรี่ลิเทียมที่ตีพิมพ์ในเนเจอร์ก็ผ่านมาหกเดือนแล้ว
ดูเหมือนช่วงนี้เขาต้องหาอะไรทำจริงๆ แล้วแหละ
…
ลู่โจวไม่อยากให้ศาสตราจารย์ทั้งสองรอนาน เขาจึงเดินออกไปนอกสถานีรถไฟพร้อมกับเสี่ยวถง
ลู่โจวเห็นรถซีดานสีดำสองคันจอดอยู่หน้าทางเข้าหลัก เขารู้เลยว่ามันเป็นรถคันที่ต้องนั่ง
เสี่ยวถงงุนงงเล็กน้อยกับสถานการณ์นี้ ดังนั้นเธอจึงจับแขนพี่ชายอย่างเป็นกังวลแล้วถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “พี่ คนพวกนี้ใครเหรอ?”
ลู่โจวกล่าว “เป็นอาจารย์ใหญ่ของน้องไง ส่วนอีกคนน้องไม่รู้จักหรอก”
เสี่ยวถง “โอ้… ยี่สิบเอ็ดอะไรนะ?!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ประตูรถก็เปิดออก นักวิชาการสวี่และศาสตราจารย์ถังก้าวออกจากรถแล้วโบกมือให้ลู่โจว
“ศาสตราจารย์ลู่ ในที่สุดคุณก็มา”
ลู่โจวจับมือกับนักวิชาการสวี่แล้วยิ้ม “ขอโทษที่ให้รอครับ”
นักวิชาการสวี่ยิ้มแล้วหันไปมองเสี่ยวถงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่โจว จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “นักศึกษาลู่เสี่ยวถง อาจารย์มีเรื่องต้องคุยกับพี่ชายของเธอ ให้อาจารย์โหวไปส่งเธอกลับมหาวิทยาลัยก่อนไหม?”
อาจารย์โหวอาจเป็นคนขับรถอีกคัน
เห็นได้ชัดว่ามหาวิทยาลัยรู้ว่าลู่โจวจะกลับมาพร้อมกับน้องสาว เพราะงั้นพวกเขาจึงเอารถมาสองคัน เรื่องนี้ยืนยันความสงสัยของลู่โจวว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงต้องมีเรื่องยุ่งยากให้เขาแน่นอน
ส่วนเสี่ยวถง เธอตกตะลึงโดยสิ้นเชิง
เธอรู้ว่าพี่ชายเธอสุดยอด แต่เธอก็ไม่คิดเลยว่าอาจารย์ใหญ่จะรู้จักชื่อเธอ
เธอมองลู่โจว เมื่อเห็นพี่ชายพยักหน้าให้ เธอก็ลากกระเป๋าเดินไปที่รถอีกคัน
เมื่อลู่โจวกับนักวิชาการสวี่นั่งอยู่เบาะหลัง รถก็เริ่มเคลื่อนที่ ลู่โจวถาม “นักวิชาการสวี่ คุณช่วยบอกเงื่อนงำผมหน่อยได้ไหม? เกิดอะไรขึ้น?”
“ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” นักวิชาการสวี่หยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “เดือนก่อน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนได้เข้าร่วมกับกระทรวงอื่นหลายกระทรวงเพื่อวิจัยและพัฒนาโปรเจกต์เทคโนโลยีพลังงานใหม่ พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะพัฒนาไปในทิศทางเทคโนโลยีด้านโซล่าเซลล์ เนื่องจากแผนห้าปีครั้งที่สิบสาม มหาวิทยาลัยจินหลิงจึงเข้าร่วมโปรเจกต์นี้เช่นกัน”
“สำนักงานเมืองก็สนับสนุนการตัดสินใจของปักกิ่งเช่นกัน พวกเขาวางแผนสร้างเขตพัฒนาเทคโนโลยีสูงตามเส้นทางรถไฟใต้ดินจากมหาวิทยาลัยจินหลิงไปจนถึงเมืองจินหลิง พวกผู้นำจากปักกิ่งพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจังและส่งทีมลงมาที่นี่”
“ผู้นำทีมคือผู้นำของสำนักพลังงาน เขาได้ยินมาว่าคุณใกล้กลับพรินซ์ตันแล้วดังนั้นจึงรีบมอบหมายให้คุณทำงานส่วนแรกของแผนนี้”
นักวิชาการสวี่มองลู่โจวด้วยรอยยิ้ม
ฟังแล้วลู่โจวก็รู้สึกสะกิดใจอยู่เรื่องหนึ่ง
คุณกำลังบอกฉันว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่งั้นเหรอ?
ลู่โจวกลืนน้ำลายแล้วกล่าว “เขาได้บอกไหมว่าทำไมเขาถึงอยากให้ผมมา?”
นักวิชาการสวี่ยิ้ม “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันสัญญาเลยว่ามันต้องเป็นเรื่องดี”
…
แน่นอนว่าลู่โจวเชื่อคำพูดของนักวิชาการสวี่
หลังกลับมามหาวิทยาลัยแล้ว พวกเขาจึงไปออฟฟิศตึกวิจัยเคมีทันที ลู่โจวเห็นนักวิชาการหลี่ว์และคนที่เขารู้จัก
เพราะเคยพบอีกฝ่ายที่บอสตัน
“ศาสตราจารย์ลู่ เราพบกันอีกแล้ว” หลี่ว์ไคหมินยิ้มให้ลู่โจวแล้วยื่นมือขวาออกมา
ลู่โจวยิ้มและจับมือกับอีกฝ่าย “ผู้อำนวยการหลี่ว์ สวัสดีครับ”
หลี่ว์ไคหมินเคยมาเยี่ยมลู่โจวในบอสตันเพื่อมาขอความเห็นเขาเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียม
แม้ว่าครั้งนี้หลี่ว์ไคหมินจะมาในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่เขาก็ไม่ได้ดูสูงส่งมีอำนาจ หรือทะนงตนเองแต่อย่างใด
เนื่องจากลู่โจวเป็นนักวิชาการชื่อดังระดับโลก เขาจึงมีอัธยาศัยดีเท่าที่จะปฏิบัติกับคนหนุ่มด้วยความเคารพได้
“อย่าเรียกผมว่าผู้อำนวยการเลย เรียกผมคุณหลี่ว์ก็พอ” คุณหลี่ว์ปล่อยมือลู่โจวแล้วกล่าว “ตอนแรกผมวางแผนไปหาคุณที่จินหลิง แต่ผมยังมีเรื่องต้องทำที่นี่ ต้องขอบคุณจริงๆ ที่คุณมาศาสตราจารย์ลู่”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาเยี่ยมมหาวิทยาลัยเก่าเหมือนกัน”
เฒ่าหลี่ว์พยักหน้าและทำหน้าจริงจัง “หลังคุยกับคุณที่บอสตันครั้งก่อน ผมก็ไปปักกิ่งแล้วมอบความเห็นของคุณให้กับเบื้องบน หลังหารือกับทีมผู้เชี่ยวชาญ ข้อสรุปสุดท้ายก็คือแบตเตอรี่ลิเทียมซัลเฟอร์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด”
ลู่โจวไม่ได้ประหลาดใจกับการตัดสินใจนี้
เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ลิเทียมแอร์ แบตเตอรี่ลิเทียมซัลเฟอร์น่าเชื่อถือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ประเทศจะเต็มใจลงทุนในสาขานี้ เพราะใช้ประโยชน์ได้มากกว่าในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และอีกอย่างคือประเทศไม่อยากเสียเงินเปล่ากับการตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ให้’เนเจอร์’กับ’ไซเอินซ์’
แน่นอนลู่โจวไม่เชื่อว่าความเห็นของเขาจะมีอิทธิพลต่อการเลือกของประเทศจริงๆ อย่างมากเขาอาจส่งผลกระทบต่อข้อสรุปสุดท้ายเพียงเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้วคะแนนเสียงของเขาก็มีแค่หนึ่งคะแนนจากหลายคะแนน
อย่างไรก็ตามเขามีความสุขที่ได้เห็นคะแนนเสียงเขามีผล
ลู่โจวกล่าว “แบตเตอรี่ลิเทียมซัลเฟอร์มีศักยภาพที่ดี ผมพอใจมากที่เห็นประเทศตัดสินใจได้ถูกต้อง”
“ทั้งหมดต้องขอบคุณคำแนะนำของศาสตราจารย์ลู่” เฒ่าหลี่ว์ยิ้มและเปิดเผยเจตนาที่แท้จริง “อันที่จริงเหตุผลที่ผมอยากพบคุณก็เพื่ออยากขอความช่วยเหลือ”
ลู่โจว “ช่วยเหลือ?”
“ใช่” เฒ่าหลี่ว์พยักหน้าอย่างจริงจัง “การพัฒนาพลังงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในประเทศเรา เพื่อทำให้แผน 2015 สำเร็จ เราต้องการแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพในการกักเก็บพลังงานที่สูงขึ้น แบตเตอรี่ต้องมีต้นทุนต่ำ ผลิตได้ง่าย และนำกลับมาใช่ใหม่ได้”
“ข้อเสนอแนะทั่วไปจากอุตสาหกรรมมีปัญหาเชิงทฤษฎีมากมายที่ต้องแก้เพื่อผลิตแบตเตอรี่ ไม่งั้นความปลอดภัยและการนำกลับมาใช้ใหม่คงรับประกันไม่ได้หรอกครับ”
“แม้ว่าเราจะไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าโลก แต่เราก็ยอมไม่ได้ที่จะให้คนอื่นใช้สิทธิบัตรระหว่างประเทศมาโจมตีกลยุทธ์พลังงานของเรา”
“คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานี้” เฒ่าหลี่ว์กล่าวอย่างจริงใจ “เราต้องการความช่วยเหลือจากคุณ!”
………………………………….