หลังอุปกรณ์ชุดสุดท้ายถูกส่งไป เฉียนจ้งหมิงกับหลิวโปก็จากเบลเยียมแล้วกลับมาจีน
รวมคุณหยางด้วย ลู่โจวก็มีนักวิจัยอย่างเป็นทางการในสถาบันวิจัยของเขาถึงสามคน
สำหรับสถาบันวิจัยแล้ว จำนวนพนักงานเท่านี้ต่ำไปหน่อย แต่ด้วยความช่วยเหลือจากเด็กฝึกงานปริญญาเอกและปริญญาโท พวกเขาจึงยังพอทำการทดลองได้บ้าง
ลู่โจวมอบหมายงานให้หยางสวี่ออกแบบการทดลองเกี่ยวกับส่วนพื้นผิวจำเพาะของคาร์บอนทรงกลมแบบกลวง ผลของขนาดรูพรุนบนซัลเฟอร์โหลด และสัดส่วนมวลของพอลิซัลไฟต์ในอิเล็กโทรไลต์
จากนั้นลู่โจวจะใช้เทคนิคทางคณิตศาสตร์เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองและออกแบบการทดลองวิธีใหม่เกี่ยวกับสารประกอบพอลิซัลไฟต์
ทางเทคนิคแล้ว นี่คือการทดลองการวิจัยครั้งแรกของลู่โจวในด้านเทคโนโลยีวัสดุ มันเป็นครั้งแรกที่เขาจะนำความรู้เรื่องวัสดุเชิงคำนวณมาใช้ในการทดลองจริงเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วฟิล์มพีดีเอ็มเอสดัดแปลงจากเศษซากหมายเลขหนึ่งที่ได้มาจากปืนสแกนเนอร์อันทรงพลัง แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ลู่โจวสร้างขึ้นมาก็เพื่อให้คำอธิบายเชิงทฤษฎีที่สมเหตุสมผลต่อภาพที่สแกนมาได้เท่านั้น
ดังนั้น ถ้าการทดลองนี้ประสบความสำเร็จ มันก็จะเป็นการพิสูจน์ทฤษฎีของเขาอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุนี้ ลู่โจวจึงเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
แม้ว่าการแก้ปัญหาลิเธียมเดนไดรต์จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมพลังงาน แต่การทดลองนี้จะสามารถสร้างสะพานเชื่อมระหว่างคณิตศาสตร์กับเคมี
จากมุมมองของนักคณิตศาสตร์และนักเคมี มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก
หลังการทดลองดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ หน้าที่ของลู่โจวในจีนก็เสร็จแล้ว มันถึงเวลาที่เขาจะกลับพรินซ์ตันแล้ว
นักวิชาการสวี่ได้ยินว่าลู่โจวจะกลับพรินซ์ตัน เขาจึงขับรถมาส่งที่สนามบิน
ระหว่างขับรถอยู่ ชายชรามีสีหน้าผิดหวังพร้อมกับเอ่ยถาม “ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?”
ลู่โจวยิ้ม “ไม่เลวเลยครับ”
นักวิชาการสวี่ “คุณมาอยู่ที่นี่เลยเป็นไง? คุณจะได้ไม่ต้องยืมห้องแล็บอีก ตราบใดที่คุณมาอยู่ที่นี่ มันจะเป็นของคุณ!”
ลู่โจวรู้ว่าชายชราจะพูดเรื่องนี้ เขาจึงส่ายหน้าเล็กน้อย
“มันยังไม่ถึงเวลา”
นักวิชาการสวี่อดพูดไม่ได้ “แต่การได้เหรียญฟิลด์ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยจินหลิงก็เหมือนกับตอนที่อยู่พรินซ์ตันใช่ไหม?”
“มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง” ลู่โจวพูดตรงไปตรงมาอย่างไร้ความปราณี “ผู้ชนะรางวัลโนเบลที่ศึกษาในท้องถิ่น กับผู้ชนะรางวัลโนเบลที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศและนำรางวัลกลับบ้านเกิด ดูจากภายนอกอาจเหมือนกัน แต่สถานะต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณเป็นนักวิชาการ คุณก็น่าจะรู้เรื่องนี้ใช่ไหมครับ?”
เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมหาวิทยาลัยจินหลิง นักวิชาการสวี่จึงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ
นอกจากนี้ลู่โจวยังมีเหตุผลมากกว่านั้น เพื่อภารกิจของระบบ เขาจำเป็นต้องอยู่บนเวทีที่สูงกว่า
นักวิชาการสวี่เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “คุณพูดถูก…ขอให้เดินทางปลอดภัย”
ลู่โจวพยักหน้า “ดูแลตัวเองด้วยครับ”
…
ณ สิ้นเดือนกุมภาลู่โจวก็มาถึงฟิลาเดลเฟีย
ที่ทางเข้าสนามบิน เขาเห็นฉินเยว่ขับรถฟอร์ดเอกซ์พลอเรอร์ของเขามารับ
ก่อนที่ลู่โจวจะออกมาจากพรินซ์ตัน เขาได้เก็บกุญแจรถไว้ในลิ้นชักออฟฟิศ เขาบอกฉินเยว่ให้ไปเอากุญแจแล้วออกมารับทันที
ลู่โจวเอากระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถแล้ว ฉินเยว่สตาร์ทรถและคุยกับลู่โจวพลางขับรถไป
“ศาสตราจารย์ ในที่สุดคุณก็กลับมา”
ลู่โจว “มีเรื่องบางอย่างที่ฉันต้องทำในจินหลิง พวกคุณไปได้ดีไหม?”
“ดีมากครับ” ฉินเยว่พยักหน้า “ผมแค่รู้สึกกดดันมาก เพราะไปไหนมาไหนก็เจอแต่อัจฉริยะ มันไม่เหมือนมหาวิทยาลัยไคเลย”
พรินซ์ตันก็เหมือนกับมหาวิทยาลัยอื่นในอเมริกา มีชมรมให้เข้านับไม่ถ้วน นักศึกษาของพรินซ์ตันก็เหมือนนักศึกษาที่อื่น พวกเขาไม่ได้นั่งเรียนอยู่แต่ในห้องทั้งวัน
ถึงกระนั้นนักศึกษาพรินซ์ตันก็ทั้งทำงานหนักและเล่นหนักพอกัน นักศึกษาหลายคนเข้าเรียนคลาสปีสองตั้งแต่ปีหนึ่ง และส่วนใหญ่จะจบการศึกษาปริญญาตรีตอนปีสอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ถ้านักศึกษาตามไม่ทัน พวกเขาอาจต้องเปลี่ยนวิชาเอกไปเป็นประวัติศาสตร์แทน
ที่กล่าวมาข้างต้นคือรูปแบบของพรินซ์ตัน
แน่นอน แรงกดดันส่วนใหญ่ของฉินเยว่มาจากเวร่า
เขาต้องใช้ความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อตามเธอให้ทันเรื่องข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์
แม้แต่ในหมู่อัจฉริยะ พวกเขาก็ยังมีระดับความสามารถที่ต่างกัน
“คุณควรเรียนรู้จากฮาร์ดี้ ความขยันเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ แต่อย่าปล่อยให้การศึกษาและการทำงานส่งผลต่อส่วนอื่นในชีวิต” ลู่โจวกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “คำแนะนำของฉันคือไปหางานอดิเรก หาแฟนหรืออะไรก็ได้ทำนองนั้น”
ฉินเยว่กระแอม “ศาสตราจารย์ ผมมีแฟนแล้ว”
ลู่โจวอึ้ง เขามองฉินเยว่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณมีแฟนแล้ว? เมื่อไหร่?”
ฉินเยว่กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “ครับ เธออยู่ที่จีน เราเริ่มคบกันตอนปีสาม”
ลู่โจว “…”
…
ลู่โจวตัดสินใจไปสถาบันขั้นสูงที่พรินซ์ตันก่อนจะกลับไปที่บ้าน
ฉินเยว่จอดรถในอาคารสถาบันการศึกษาขั้นสูงแล้วคืนกุญแจให้ลู่โจว จากนั้นฉินเยว่ก็รีบเข้าไปในอาคาร
ลู่โจวงง เขาไม่รู้ว่าทำไมฉินเยว่ถึงไม่รอเขาแล้วเดินเข้าไปพร้อมกัน แต่ลู่โจวก็เดินเข้าไปในอาคารโดยไม่ได้คิดมากนัก
เมื่อมาถึง เขาก็สับสนว่าทำไมประตูออฟฟิศถึงปิดอยู่
เขาเปิดประตูเข้าไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพลุกระดาษดังขึ้น ในออฟฟิศเต็มไปด้วยกระดาษสีสันสดใสชิ้นเล็กลอยไปมา
ทั้งห้าคนที่อยู่ในออฟฟิศพูดออกมาพร้อมกัน “ยินดีต้อนรับกลับ ศาสตราจารย์!”
ลู่โจวมองฮาร์ดี้และรู้ทันทีว่านี่เป็นความคิดของฮาร์ดี้
เวร่าถือพลุกระดาษอยู่ในมือ เธอกล่าวพร้อมกับสีหน้าแดงระเรื่อ “มันเป็นความคิดของฮาร์ดี้ ฉันพยายามห้ามเขาแล้ว”
ฮาร์ดี้ดูภูมิใจ “ตอนแรกผมวางแผนจะเปิดแชมเปญ แต่ผมได้ยินว่าศาสตราจารย์ไม่กินเหล้าที่นี่ ผมเลยดื่มเองเลย”
“ขอบคุณที่ต้อนรับกลับ” ลู่โจวหยิบเอาเศษกระดาษออกจากหลังหู “อย่าลืมเก็บกวาดด้วยล่ะ”
แม้เขาจะซึ้งใจกับการกระทำของลูกศิษย์ แต่ออฟฟิศตอนนี้รกไปหมดแล้ว
ฮาร์ดี้หยิบไม้กวาดขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ “เอ่อ…ศาสตราจารย์ลู่ ไม่ให้เด็กใหม่มาทำงานบ้างเหรอ?”
ชายหนุ่มหน้าเป็นกระกล่าว “ผมช่วยไหมครับ?”
“ไม่ต้อง หมอนี่มีพลังงานเหลือล้น เขาจำเป็นต้องทำอะไรที่สำคัญอีกมาก” ลู่โจวกล่าวพร้อมเดินไปที่โต๊ะออฟฟิศแล้วพลิกเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะเพื่อหาประวัติการทำงานของใครสักคน แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
ลู่โจวหันหน้าไปมองเด็กใหม่ทั้งสองในออฟฟิศ จากนั้นเขาก็กระแอมแล้วกล่าว “พวกคุณ…แนะนำตัวหน่อย”
พวกเขาเป็นนักศึกษาปริญญาโทคนใหม่
คนหนึ่งมาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ส่วนอีกคนมาจากมหาวิทยาลัยเยี่ยน
ลู่โจวตั้งใจจะรับนักศึกษาทฤษฎีจำนวนสามคน แต่สองคนนี้สมัครสาขาการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชัน เมื่อเทียบกับทฤษฎีจำนวน การวิเคราะห์เชิงฟังก์ชันเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ประยุกต์มากกว่า
แม้ว่าลู่โจวจะอยากรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยจินหลิง แต่ไม่มีคนจากมหาวิทยาลัยจินหลิงที่ผ่านการสัมภาษณ์ของพรินซ์ตันมาได้สักคน
ลู่โจวต้องยอมรับว่ามหาวิทยาลัยเยี่ยนมีสาขาคณิตศาสตร์ที่เข้มแข็งกว่ามหาวิทยาลัยจินหลิง
ชายหนุ่มหน้าเป็นกระกล่าวทันที “ผมเจอริก”
ชายอีกคนดูจริงจังมากกว่า เขากล่าว “ผมเหว่ยเหวิน”
ลู่โจวมองเหว่ยเหวินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พลันเอ่ยถามขึ้นมา “เราเคยเจอกันมาก่อนไหมนะ?”
……………………………….