แม้ซารอทจะโกรธที่ห้องแล็บเขาถูกโค่นล้ม แต่มันก็เป็นเพียงความพ่ายแพ้เล็กๆ เท่านั้นสำหรับลู่โจว
ลู่โจวพยายามปลอบใจศาสตราจารย์ซารอท จากนั้นเขาก็กลับไปงานประชุมเคมีอินทรีย์แล้วไปสนใจเรื่องตัวเองแทน
ที่จริงถ้าศาสตราจารย์สแตนลีย์วิจัยสำเร็จโดยใช้แบบจำลองเขา เขาก็อาจให้รางวัลเล็กน้อยแก่สแตนลีย์ตอบแทนที่ทำให้ภารกิจของระบบสำเร็จ
ท้ายที่สุดแล้วภารกิจของระบบก็ต้องการแค่เทคโนโลยีไปวิจัย มันไม่สำคัญว่าใครจะเป็นผู้วิจัย
การใช้เงินช่วยผู้อื่นทำภารกิจสำเร็จต้องใจกว้างแค่ไหน?
ลู่โจวไม่รู้
เขาหวังว่าคนดีจะได้ดี
เขายังหวังเช่นกันว่าศาสตราจารย์สแตนลีย์จะไม่ใช้คำตอบ ‘ข้อสอบไฟนอล’ แล้วคัดลอกลง ‘สอบกลางภาค’
ประมาณครึ่งสัปดาห์ผ่านมา งานประชุมเคมีอินทรีย์ก็จบลง
ลู่โจวไม่ได้เปลี่ยนตารางงาน เขาบินกลับไปชายฝั่งตะวันออก
หลังมาถึงฟิลาเดลเฟีย ลู่โจวก็ไปออฟฟิศสตาร์สกายเทคโนโลยีและพบกับผู้จัดการ ไวท์ เชอร์รีแดน
ลู่โจวมอบสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องและภาพรวมสั้นๆของคดีความกับไวท์ เขาบอกไวท์ให้จ้างทีมกฎหมายที่เก่งที่สุดและเตรียมเปิดสงคราม
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามคาด บริษัทเคมีโมบิลจะพยายามลากถ่วงเรื่องนี้ให้นานที่สุดแน่นอน
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่สนใจ
เขาจ่ายค่าดำเนินคดีกับค่าทนายไหว…
…
หลังรางวัลเคมีอดัมส์ ลู่โจวก็ทุ่มเทพลังงานทั้งหมดกลับไปที่งานวิจัย
ห้องแล็บซารอทติดปัญหาที่โมเลกุลคาร์บอนและหยุดชะงักไป
ส่วนทางด้านสถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิง พวกเขายังคงศึกษาวิธีเตรียมวัสดุ HCS-1 ที่มีความเสถียรและพยายามปรับปรุงวัสดุ HCS-1 ให้พร้อมใช้งานในอุตสาหกรรมไปพร้อมกัน
ส่วนลู่โจว เขากำลังทำแบบจำลองคณิตศาสตร์สำหรับวัสดุอิเล็กโทรดขั้วบวกของแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์และปรับปรุงทฤษฎีวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณโดยการทดลอง
ทั้งหมดนี้ต้องทำไปทีละขั้นตอน
วันก่อนหมดช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ คอนนี่ก็กลับมาแล็บเคมีฟลิกและเริ่มทำการทดลองชุดต่อไปกับลู่โจว
คอนนี่สวมเสื้อกาวน์ เขากำลังเตรียมการทดลองที่กำลังจะเริ่ม แต่แล้วจู่ๆ เขาก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “ศาสตราจารย์จิริคบอกว่าผมใกล้จบการศึกษาได้แล้ว”
ลู่โจวกำลังตรวจสอบอุปกรณ์ เขาถือหลอดทดลองขึ้นมาช้าๆ แล้วทำท่าชนแก้วด้วยหลอดทดลอง
“ขอแสดงความยินดีด้วย”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงท่าทางเท่านั้น
ของเหลวในหลอดทดลองเป็นสารละลายอิเล็กโทรไลต์อินทรีย์ ลู่โจวย่อมดื่มไม่ได้อยู่แล้ว
“ต้องขอบคุณวิทยานิพนธ์ของศาสตราจารย์ครับ” คอนนี่มองลู่โจวแล้วกล่าว “เพราะศาสตราจารย์ ผมเลยจบการศึกษาได้แล้ว”
ลู่โจวยิ้ม “ด้วยความยินดี คุณสมควรได้แล้ว”
วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับ HCS-1 บนไซเอินซ์ย่อมมีลู่โจวเป็นผู้เขียนอันดับหนึ่ง
ส่วนอันดับสอง สาม และสี่ มันถูกจัดอันดับโดยผลงาน มีพวกนักวิจัยจากสถาบันวิจัยซารอท และคอนนี่ก็อยู่ในรายชื่อด้วย
ในที่สุดหลังจากเพิ่มวิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์สองฉบับรวมกับผลงานชิ้นก่อน คอนนี่จะสามารถรับปริญญาเอกได้ในกลางปีนี้
ลู่โจวถาม “คุณมีแผนในอนาคตไหม?”
“ตอนแรกผมวางแผนจะไปสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ทำการวิจัยหลังปริญญาเอกสักสองปี จากนั้นผมจะเป็นนักวิจัยอย่างเป็นทางการ” คอนนี่มองลู่โจวแล้วกล่าว “แต่ตอนนี้ผมคิดว่าอยู่พรินซ์ตันก็ไม่เลวนะ”
ลู่โจวมองอีกฝ่ายแล้วพูด “คุณคิดดีแล้วหรือ? สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์เป็นสรวงสวรรค์ของสาขาวิศวกรรม คุณอยู่ที่นั่นอาจเหมาะสมกว่าก็ได้”
พรินซ์ตันเป็นมหาลัยเชิงทฤษฎีมากกว่า และสาขาเคมีก็ไม่ได้พิเศษมากนัก
การทำวิจัยหลังปริญญาเอกเกี่ยวกับวัสดุนาโนอยู่ที่นี่จะไม่เป็นประโยชน์เท่ากับทำวิจัยอยู่ที่สถาบันวิจัยแมสซาชูเซตส์
คอนนี่พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมคิดดีแล้ว คนที่ทำการทดลองด้วยสำคัญกว่าสถานที่ที่ทำการทดลอง”
ลู่โจวยิ้ม “ผมดีใจที่คุณคิดแบบนี้ ถ้าคุณต้องการ คุณมาเข้าร่วมทีมวิจัยฉันสิ!”
สีหน้าของคอนนี่เปี่ยมไปด้วยความยินดี เขาไม่ได้ถามเกี่ยวกับผลประโยชน์หรือเงินเดือนแม้แต่น้อย “แน่นอน ผมต้องการ ขอบคุณมากครับ!”
การศึกษาระดับปริญญาเอกไม่ใช่ปริญญาธรรมดา มันคือนักวิชาการที่เพิ่งจบปริญญาเอก แต่ยังไม่ได้เป็นนักวิจัยแบบเต็มรูปแบบ
ปกติแล้วปริญญาเอกจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามอาจารย์ที่ปรึกษาของปริญญาเอกจะต่างกับอาจารย์ที่ปรึกษาปกติ ก่อนหน้านี้อาจารย์ที่ปรึกษาจะเป็นผู้มีอำนาจ แต่อาจารย์ที่ปรึกษาของปริญญาเอกจะเป็นการร่วมมือมากกว่า
โดยเฉพาะในต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ที่ปรึกษากับนักวิจัยปริญญาเอกจะเป็นเหมือนเพื่อนร่วมงาน
ความรู้ทางอาชีพของคอนนี่น่าประทับใจ แต่มันก็ยังขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้มันอย่างไร
แม้ชายคนนี้จะดูเหมือนเดอะฮัลค์ เขาดูไม่เหมือนนักวิจัยเลย แต่ลู่โจวไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้น ลู่โจวสนใจแค่ความสามารถในการทำการทดลองของอีกฝ่ายอย่างเดียว
นอกจากนี้คอนนี่อาจเป็นบอดี้การ์ดพาร์ทไทม์ได้อีก…
ท้ายที่สุดแล้วสถานที่อย่างงานประชุมเอ็มอาร์เอสนั้นไม่ได้สงบเลย
หลังทำการทดลองเสร็จ ลู่โจวก็ลงทะเบียนข้อมูลบนคอมพิวเตอร์
ทันใดนั้นเองการแจ้งเตือนของเสี่ยวไอก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโน้ตบุ๊ค
[เจ้านาย! มีคนวิดีโอคอลมา!]
ลู่โจวปิดแถบป๊อปอัพแล้วพูด “รู็แล้ว เปิดให้ฉันหน่อย”
[รับทราบ!]
ลู่โจว “…”
หลังอัพเกรดมากว่าหนึ่งปี เสี่ยวไอก็ระบุเสียงของลู่โจวได้อย่างแม่นยำแล้ว แถมเสี่ยวไอยังเข้าใจอารมณ์ของลู่โจวอีกด้วย
นี่เป็นความก้าวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่โจวรู้สึกว่าเสี่ยวไอทำได้มากกว่านี้อีก…
ลู่โจวมองหยางสวี่ผ่านหน้าจอและเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไร?”
“ข่าวดี!” หยางสวี่ยิ้ม “แนวคิดสังเคราะห์วัสดุ HCS-1 ผ่านกลูโคสเป็นสารตั้งต้นได้ผล! การทดลองของเราประสบความสำเร็จ!”
ลู่โจวได้ยินข่าวนี้ก็เผยรอยยิ้มออกมา
การสังเคราะห์วัสดุ HCS-1 ที่มีความเสถียรเป็นก้าวแรกของการไปสู่วัสดุ HCS-2 และทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ก็คือการสร้างตัวอย่าง HCS-1 ให้มากขึ้น นอกจากนี้ข้อมูลการทดลองที่ถูกสร้างขึ้นยังนำมาใช้วิเคราะห์เหตุผลว่าทำไมมันถึงสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของสารประกอบพอลิซัลไฟต์ได้อีก
ลู่โจวสามารถปรับปรุงทฤษฎีของตนเพิ่มเติมได้ด้วยข้อมูลนี้
“นี่เป็นข่าวดี จำไว้ว่าให้ส่งข้อมูลการทดลองมาในเมลฉัน”
หยางสวี่พยักหน้า “แน่นอน ผมบอกให้เฉียนจ้งหมิงส่งไปแล้ว คุณจะได้รับรายงานการทดลองในไม่ช้า!”
เหตุผลหลักที่โทรมาก็คือการบอกข่าวดีนี้ให้ลู่โจวฟัง
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะวางสาย หยางสวี่ก็พลันนึกเรื่องอื่นได้
“เดี๋ยวครับ มีอีกเรื่อง”
ลู่โจว “ว่ามาเลย”
หยางสวี่ลังเลชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “เรื่องเป็นแบบนี้ มีนักวิจัยที่สมัครงานกับสถาบันของเรา…”
ลู่โจวกล่าว “คุณจำเป็นต้องรายงานเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ให้ฉันฟังจริงเหรอ? ตัดสินใจเองเลย”
หยางสวี่จนใจ
“ปัญหาไม่ใช่ความสามารถทางวิชาชีพ ผมอ่านเรซูเม่เขาแล้ว มันไม่เลวเลย ที่จริงมันดีกว่าคนวุฒิปริญญาเอกส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ เขามีประสบการณ์เขียนวิทยานิพนธ์ด้วย”
ลู่โจวงง “เขาอยากได้เงินเดือนสูงมากกว่านี้เหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น” หยางสวี่กระแอม “แค่เขามีภูมิหลังพิเศษไปหน่อย…”
………………………………….