ตอนที่ 34 ไม่เห็นค่าเงิน
หลิวรุ่ยช็อคเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเห็นว่าคุณหยางส่งข้อความมาให้เขาจริงๆ
[ครูลู่ ขอโทษด้วย ฉันมีประชุมที่สำนักงาน ฉันยังกลับไปไม่ได้ ฉันอาจกลับช่วงสี่ทุ่มเลย ฉันจะจ่ายค่าจ้างรายชั่วโมงให้สองเท่าเป็นการชดเชย หวังว่าเธอจะให้อภัยฉัน]
ค่าจ้างสองเท่า…
นั่นก็หมายความว่า 400 หยวนต่อชั่วโมงใช่มั้ย?
ลู่โจวสูดหายใจลึกๆขณะคิด ‘คุณนาย ไม่ต้องเกรงใจ คืนนี้คุณไม่ต้องกลับมาก็ได้!’
เขารู้ว่ามันไม่เกิดขึ้นแน่นอน
หานเมิ่งฉีโผล่หัวออกจากห้องครัว เธอมองลู่โจวแล้วถาม “นายจะกินไก่ปรุงรสหรือเนื้อวัวปรุงรส? ในตู้เย็นมีแต่แซนวิชเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นล็อคประตูไว้ เราจึงสั่งอาหารไม่ได้”
ลู่โจวมองแซนวิชแช่แข็งในมือเธอแล้วอดถามไม่ได้ “เธอกินนี่เป็นมื้อค่ำ?”
“มีปัญหาเหรอ?” หานเมิ่งฉีถาม เธอไม่ได้สนใจเลย
มันมีปัญหาแน่นอน!
ลู่โจวถอนหายใจ เขาลุกขึ้นยืนจากโซฟาแล้วเดินไปห้องครัว
หานเมิ่งฉีถามด้วยความสงสัย “นายทำอะไร?” เธอก้าวถอยหลัง
“ผมจะทำอาหาร”
“นายทำเป็น?” หานเมิ่งฉีถาม เธอจ้องมองลู่โจวด้วยสายตาเบิกกว้างราวกับว่าเธอไม่เชื่อเขา
ลู่โจวล้างหม้อ เขายิ้มแล้วกล่าว “ใช่ เธอคิดว่าผมเหมือนเธองั้นเหรอ?”
หานเมิ่งฉีเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจแล้วถาม “พูดงี้หมายความว่าไง?”
“ไม่มีอะไร ถ้าเธอไม่มีอะไรทำ เธอก็ไปอ่านสิ่งที่ผมเขียน มันอยู่ในห้องนั่งเล่น มันจะช่วยเธอ” ลู่โจวกล่าวขณะล้างหม้อ เขาไม่ได้หันหน้าไปด้วยซ้ำ
ครอบครัวนี้ไม่ได้ทำอาหารนานจนฝุ่นเกาะกะทะ ลู่โจวล้างมันหลายครั้งเพื่อให้มันสะอาดเอี่ยม
นอกจากแซนวิช ตู้เย็นมีอาหารสดอยู่บ้างเช่นกันอย่างน่าแปลกใจ หานเมิ่งฉีบอกว่า นี่เป็นของที่’ผู้หญิงคนนั้น’ใช้ทำสลัด
“ผมจะผัดกะหล่ำปลีแล้วทอดอกไก่ใส่พริก สองจานน่าจะพอ ผมจะหุงข้าวสักสองถ้วย ถ้ามันเยอะไป ผมก็จะกินเยอะเอา”
ลู่โจวล้างมือแล้วเอาเขียงมาวาง เขาใช้มีดหั่นวัตถุดิบอย่างชำนาญ อกไก่ยุ่งยากเล็กน้อยเพราะเขาต้องเอาไปต้มในน้ำก่อน อุณหภูมิก็ไม่อาจสูงเกินไป ไม่งั้นเนื้อจะแข็งจนทำให้เคี้ยวยาก
อย่างไรก็ตามสำหรับลู่โจว นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย
ในช่วงเวลาที่แม่เขาป่วย เขามักจะทำอาหารให้ครอบครัวแทบทุกวัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าครัวมาสองปี แต่ฝีมือเขาก็ยังไม่ตก
หานเมิ่งฉีนั่งบนโซฟาห้องนั่งเล่นแล้วฟังเสียงหั่นที่ดังจากห้องครัว เธออ่านสิ่งที่ลู่โจวเขียนแล้วรู้สึกรำคาญมากจนตั้งสมาธิไม่ได้
หลังจากนั้นสักครู่ ประตูห้องครัวก็ถูกเปิด กลิ่นหอมของอาหารแผ่ซ่านเข้ามาสู่ปลายจมูกเธอ
จมูกของหานเมิ่งฉีขยับเล็กน้อย น้ำลายแตกซ่าน ท้องก็เริ่มร้อง
ลู่โจวเรียกเธอ
“ถ้าหิวก็มากิน ตักข้าวเอง”
หานเมิ่งฉีอยากพูดอะไรบางอย่างเพื่อถากถาง เธอมองไปที่หนังสือที่มีการแก้ไขบนโต๊ะกาแฟแล้วมองดูอาหารบนโต๊ะ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจไม่พูดคำพูดที่ไม่เหมาะสมเหล่านั้น กลับกันเธอพึมพำคำว่า’โอเค’แล้วเดินเข้าห้องน้ำแทน
คนทั่วไปย่อมรู้ความแตกต่างระหว่างความตั้งใจดีกับความตั้งใจไม่ดี
หานเมิ่งฉีล้างมือแล้วตักข้าวมาครึ่งชาม เธอนั่งอยู่ตรงข้ามลู่โจว
เธอดูจานอาหารอย่างลังเล เธอใช้ตะเกียบคีบกะหล่ำปลีแล้วจู่ๆก็มองลู่โจวด้วยสายตาระแคงใจ “นายไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆลงไปใช่ไหม?”
ลู่โจวได้ยินเธอแล้วเกือบสำลักข้าว เขาเงยหน้าถลึงตามองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความโกรธก่อนจะกล่าว “เธอบ้าไปแล้ว? ผมก็กำลังกินอยู่เหมือนกัน”
หานเมิ่งฉีหน้าแดง เธอตระหนักว่าคำถามของเธอโง่แค่ไหน เธอไม่อยากยอมรับความโง่ของตนเอง เธอจึงกล่าวอย่างดื้อรั้น “ไม่ใช่ว่านายกินยาต้านพิษไว้ก่อนแล้ว นายเลยไม่โดนพิษหรอกเหรอ…”
ลู่โจวกล่าวอย่างหยาบคาย “เธอต้องดูทีวีมากไปจนโง่แน่ ถ้าไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน ไปกินแซนวิชของเธอนู่น”
หานเมิ่งฉีแลบลิ้นแล้วกินต่อไปโดยไม่ได้พูดอะไร
ขณะกิน ทั้งสองไม่ได้คุยกันสักคำ
พวกเขาทานกันช้า ลู่โจวทานข้าวเสร็จและกำลังลุกขึ้นยืน แต่จู่ๆเขาก็เห็นหานเมิ่งฉีเดินเข้าไปตักข้าวในห้องครัว เขารู้สึกประหลาดใจ
นี่ไม่ใช่ถ้วยที่สามแล้วเหรอ?
ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงกินเยอะขนาดนี้ล่ะ?
ลู่โจวมองไปที่ร่างเล็กๆของเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ มันดูไม่เหมือนคนทานมากเลย
บางทีเธออาจตักข้าวทีละนิด?
ลู่โจวเดินไปดูหม้อหุงข้าว เขาเปิดฝาออกแล้วช็อค
หมดแล้ว?
ลู่โจวหันกลับไปมองหานเมิ่งฉีที่กำลังทานอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไม…นายมองฉันเพื่อ?” หานเมิ่งฉีถาม เธอสังเกตว่าลู่โจวจ้องมองเธอแล้วรู้สึกอาย เธอกลืนอาหารในปากแล้วถาม “ฉันแบ่งให้ไหม?”
“ไม่เป็นไร…เธอกำลังโต เธอควรกินให้มากๆ” ลู่โจวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นเขาก็เอาถ้วยวางไว้ในอ่างล้างจาน
ขณะที่เขากำลังจะล้างเสร็จ หานเมิ่งฉีก็เดินมาพร้อมกับถ้วยเปล่า เธอมองลู่โจวอย่างขอโทษ “ฉันล้างไหม?”
ชายคนนี้ทำงานหนักจนเธอรู้สึกอาย
“ไม่เป็นไร ทิ้งไว้นี่แหละ ไปใช้เวลานี้อ่านหนังสือในห้องนั่งเล่นเถอะ” ลู่โจวกล่าว เขากำลังล้างจาน เขาจึงไม่ได้หันหน้าไปด้วยซ้ำ
เรียนอีกแล้ว?!
หานเมิ่งฉีทำหน้าล้อเลียนใส่หลังลู่โจวก่อนจะเดินไปห้องนั่งเล่น
ลู่โจวทำความสะอาดครัวเสร็จแล้วและเดินกลับไปห้องนั่งเล่น เมื่อเขาเห็นสาวน้อยคนนี้กำลังอ่านเนื้อหาที่เขาเขียน เขาก็ยิ้มในใจ เขานั่งข้างเธอแล้วถาม “เป็นไง? เธอเข้าใจไหม?”
“เข้าใจ…มันง่ายเกินไป”
“ง่าย? เธอทำให้โจทย์ง่ายๆพวกนี้ยุ่งยาก” ลู่โจวกล่าว เขาหยิบกระดาษสอบอันเก่าออกมาแล้วกล่าว “ยกตัวอย่างโจทย์นี้ มันให้เธอกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างเส้นกับวงกลมตามสมการ เท่าที่ผมเห็น มันเป็นโจทย์แจกคะแนน”
หานเมิ่งฉีบุ้ยปากแล้วเถียง “นายเรียนมหาลัยแล้ว มันก็ง่ายสำหรับนายสิ”
“จริงเหรอ? ผมไม่ได้เรียนเรื่องนี้ในมหาลัย ผมไม่ได้จับโจทย์ประเภทนี้มาเป็นปี ผมพึ่งมาอ่านตอนบ่ายนี้” ลู่โจวตอบด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ ฉันทำได้แค่นี้นี่ นายจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ” หานเมิ่งฉีกล่าว เธอยอมแพ้ เธอนั่งไขว่ห้างแล้วเอนตัวพิงโซฟา
“เธอยอมแพ้แล้ว? ผมคิดว่าผมยังช่วยเธอได้” ลู่โจวกล่าว
“นายไม่ต้องมาปลอบฉัน ฉันรู้สถานการณ์ของตัวเอง เทอมแล้วฉันไม่ค่อยได้เรียนเท่าไหร่” หานเมิ่งฉีกอดอกแล้วกล่าวอย่างไร้อารมณ์
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบ “เธอไม่กล้าลองเหรอ?”
“ไม่ต้องมาล่อฉันด้วยวิธีนี้”
อ่า…
เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะดูอุบายเขาออก
บรรยากาศเย็นลงอีกครั้ง หานเมิ่งฉีกำลังเล่นโทรศัพท์ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ขังตัวเองอยู่ในห้องอีก อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้พูดอะไรกับลู่โจวสักประโยค
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง ลู่โจวเปิดไฟห้องนั่งเล่น
เวลานี้เขาก็ตระหนักว่าการมีบ้านหลังใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องดี
ถ้ามีคนเยอะก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยู่คนเดียวมันจะค่อนข้างว่างเปล่า บ้านที่มืดและว่างเปล่ามันเหมือนจะดูดจิตวิญญาณของคนออกไปได้
ลู่โจวหยิบหนังสือจากชั้นวางหนังสือแล้วนั่งลงบนโซฟ้าห้องนั่งเล่น เขาเริ่มอ่านอย่างเงียบๆ
หานเมิ่งฉีกำลังเล่นโทรศัพท์ แต่แล้วจู่ๆเธอก็แอบมองเขาแล้วพึมพำเสียงเบา
“ขอบคุณ”
“อะไรนะ?” ลู่โจวถาม เขาหันหน้าไปมองเธอเล็กน้อยด้วยสีหน้าสับสน
“นายทำอาหาร…อร่อยมาก” หานเมิ่งฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงเต็มฝืนขณะเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
“มันเป็นเรื่องง่ายมาก…แม่เธอไม่เคยทำอาหารให้เลยเหรอ?” ลู่โจวถาม
สีหน้าของหานเมิ่งฉีดูเย็นชา เธอเย้ยหยัน “เธอ? เธอไม่ทำอาหาร…ฉันแทบไม่เห็นด้วยซ้ำ”
ไม่แปลกใจเลยที่เธอกินมากขนาดนี้ เธออาจไม่ได้ทานอาหารที่ทำเองมานานแล้ว!
ลู่โจวคิดว่าฝีมือทำอาหารเขาจะพัฒนาขึ้น แต่กลายเป็นว่าเขาเข้าใจผิด
“แล้วพ่อเธอล่ะ?”
ลู่โจวเสียใจที่ถามคำถามนี้กับเธอ เพราะคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว
“เขากำลังสู้คดีกับแม่ แต่มันน่าจะใกล้จบแล้ว” หานเมิ่งฉีเอามือกอดเข่าตัวเองแล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่ยังคงไร้อารมณ์
ลู่โจวสำลักเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อเห็นเธอเป็นอย่างนี้ทำให้เขารู้สึกเห็นใจเธอ
หานเมิ่งฉีมองตรงไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“…วันข้างหน้า นายยังทำอาหารให้ฉันอีกได้ไหม?”
ลู่โจวคิดสักครู่แล้วกล่าว “ถ้าเธอตั้งใจเรียน ผมจะคิดดู”
“ว้าว มีเงื่อนไขด้วย น่าเบื่อจริงๆ” หานเมิ่งฉีตอบก่อนจะเบือนหน้าหนีไป
ลู่โจวกล่าว “เพราะยังไง ผมก็ต้องได้รับการประเมิณผล ถ้าแม่เธอคิดว่าผมทำงานได้ไม่ดี เธอก็จะไล่ผมออก”
“เรื่องนี้ไม่มีทางแก้ ผู้หญิงคนนั้นชอบบังคับคนอื่นให้ทำตาม” หานเมิ่งฉีกล่าว เธอก้มหน้าลงแล้วกอดเข่าตัวเองแน่น “ฉันจะลองพยายามดู แต่ไม่รับประกันนะ”
“ตกลง” ลู่โจวยิ้ม “เราตกลงกันแล้วนะ”
ทั้งสองเริ่มคุยกันถึงงานที่โรงเรียน ความตึงเครียดสูงตอนแรกก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว
เกือบห้าทุ่มก็มีเสียงรถดังมาจากข้างล่าง
จากนั้นไม่นานประตูหน้าก็ถูกเปิดออก ในที่สุดคุณหยางก็กลับบ้าน
หานเมิ่งฉีมองแม่ของตนเงียบๆและไม่ได้พูดอะไร เธอกลับเข้าไปในห้อง
สีหน้าของผู้หญิงคนนี้ยังคงปกติ เธอมองหนังสือและบทสรุปบนโต๊ะกาแฟ คิ้วของเธอผ่อนคลายลง เธอคำนับลู่โจวเล็กน้อย เธอกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอเสียเวลา ให้ฉันไปส่งบ้านไหม?”
“ไม่ต้องครับ ผมจะเรียกแท็กซี่เอง” ลู่โจวกล่าวขณะโบกไม้โบกมือ เขายิ้มแล้วกล่าว “อยู่บ้านกับลูกสาว เธอยังมีงานจำนวนมากเพื่อสร้างรากฐานคณิตศาสตร์ ผมได้สรุปให้เธอแล้ว ถ้าเธอใช้เวลาเรียนมัน ผมเชื่อว่าเธอจะตามคนอื่นทัน”
“ครูลู่ ขอบคุณ ฉันจะเตือนเธอ” คุณหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มแล้วพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา ผมขอตัวก่อน เอ้อ พวกคุณควรคุยกันให้มากขึ้น ผมหมายถึง เกี่ยวกับการเรียน เพราะยังไงเสียการเรียนก็รีบไม่ได้ มันจะส่งผลตรงกันข้ามถ้าคุณผลักดันเธอมากไป มันจะดีกว่าถ้าปล่อยให้เธอค้นพบจังหวะการแก้ปัญหาของตนเอง”
คุณหยางเสนอจะไปส่งลู่โจวอีกครั้ง แต่ลู่โจวก็ยังปฏิเสธ เขาลงลิฟท์แล้วเรียกรถแท็กซี่
หลังจากที่เขาขึ้นรถ คุณหยางก็ใช้วีแชทส่งเงินมาให้โทรศัพท์ลู่โจว
ห้าชั่วโมงแรก 200 หยวนต่อชั่วโมง ห้าชั่วโมงหลังคือ 400 หยวนต่อชั่วโมง มันก็จะเป็น 3000 หยวน
เขามองดู 3000 หยวนแล้วอดคิดไม่ได้
คนรวยไม่เห็นค่าของเงินจริงๆ…
เขามีเพียง 3000 กว่าหยวนเท่านั้นที่อยู่ในบัญชีธนาคารและเงินในบัญชีก็เพิ่มขึ้นสองเท่าทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะเรียนซัมเมอร์ที่เขาต้องไปเข้าร่วม เขาจะมาทำงานที่นี่ทำวันเลย…