ลู่โจวยังตัดสินใจไม่ได้ เขาจึงบอกศาสตราจารย์เดอลีงย์เรื่องคำเชิญของสถาบันมักซ์พลังค์ ศาสตราจารย์เหลียวมามองลู่โจวแล้วเอ่ยถาม “คุณตั้งใจจะไปสถาบันฟลิทซ์ฮาเบอร์งั้นหรือ?”
“ผมกำลังคิดอยู่” ลู่โจวตอบ “ที่จริงผมอยากบรรยายในพรินซ์ตันมากกว่า”
เยอรมันไกลเกินไป
เขาพึ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาไม่อยากออกไปอีกเร็วขนาดนี้
เดอลีงย์คิดเล็กน้อย และเขาก็ไม่เห็นด้วยกับลู่โจวอย่างน่าแปลกใจ “อาจารย์ใหญ่ไอสกรูเบอร์จะมีความสุขมากที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้ แต่ฉันไม่แนะนำ”
ลู่โจวถาม “ทำไมครับ?”
“ที่นี่ก็เหมือนอาราม มันเหมาะกับการฝึกฝนทางจิตใจ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สถานที่ไว้แสดงธรรมเทศนา ยังมีโลกที่กว้างใหญ่กว่านั้น” เดอลีงย์วางปากกาในมือลง “ฉันขอแนะนำ คุณยังเด็ก คุณควรหาประสบการณ์ให้มาก ไม่ว่าคุณจะวิจัยอะไร การสร้างเส้นสายกับนักวิชาการคนอื่นก็เป็นเรื่องดีอยู่ดี”
เดอลีงย์เชื่อว่าทัศนคติของลู่โจวที่มีต่อวิชาการไม่ค่อยดีนัก
ลู่โจวยักไหล่ “ครับ ผมจะเก็บไปพิจารณา”
“ฉันหวังว่าคุณจะเก็บไปพิจารณา นอกจากนี้เมื่อคุณไปถึงที่นู่น อย่าลืมทักทายตาแก่ฟาลติ้งส์ให้ฉันด้วย” เดอลีงย์ยิ้ม “มันก็ยี่สิบปีแล้วที่เขาออกจากพรินซ์ตันไป ไม่รู้ว่าเขายังหยิ่งยโสอยู่รึเปล่า”
ลู่โจวนึกถึงการพบปะกับชายชราคนนั้นที่สต็อกโฮล์ม
ลู่โจวไม่รู้ว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนฟาลติ้งส์เป็นยังไง
แต่ชายชรายังดูเหมือนค่อนข้างยโสอยู่…
ลู่โจวออกจากออฟฟิศของเดอลีงย์แล้วกลับไปออฟฟิศตัวเอง
เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็เขียนเมลถึงสถาบันมักซ์พลังค์เพื่อสสารฟิสิกส์ควบแน่น
สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไปเยอรมนี
สถาบันมักซ์พลังค์สัญญาว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด การเดินทางแบบไม่เสียตังค์ก็ไม่เลวนัก
แต่ตอนนี้เขาต้องเตรียมพาวเวอร์พอยนต์ไปบรรยาย…
ลู่โจวทำงานทั้งวันจนถึงเวลาอาหารเย็น
เขาบิดขี้เกียจแล้วเซฟพาวเวอร์พอยนต์ที่ยังไม่เสร็จดี จากนั้นก็ลุกจากเก้าอี้ออฟฟิศ
เขามีเรื่องพิเศษต้องทำในตอนกลางคืน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเลิกงานแต่เนิ่นๆ เขาบอกเวร่าว่าไม่ต้องซื้อแซนด์วิชมาให้ จากนั้นเขาก็ไปทานอาหารที่ชั้นหนึ่งคนเดียว
ลู่โจวกำลังจะไปทาน แต่จู่ๆ เขาก็บังเอิญเจอกับเอ็ดเวิร์ด วิตเตนที่พึ่งกินข้าวเสร็จ
“ไม่ไปกินที่ไอวี่คลับเหรอ?” ศาสตราจารย์ชาวยิวที่ช่างพูดเอ่ยถามขณะนั่งลงตรงข้ามลู่โจว “ตอนที่คุณไปโคลัมเบีย มีการเปลี่ยนตัวเชฟ”
ลู่โจวม้วนสปาเกตตี้ขณะกล่าว “ทุกครั้งที่ผมตั้งใจจะไปที่นั่น ผมก็ลงเอยที่นี่ทุกที เพราะผมขี้เกียจไปไกล”
“ฮ่าๆ เหมือนกัน ฉันคุ้นชินกับอาหารที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว” เอ็ดเวิร์ด วิตเตนยิ้ม “ถ้าฉันไม่ได้เป็นสมาชิกตลอดชีพ ฉันคงยกเลิกไปนานแล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่โจวได้ยินเรื่องแบบนี้ เขาเงยหน้ามองวิตเตนแล้วเอ่ยถาม “สมาชิกตลอดชีพ? คุณไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิกเหรอ?”
“ไม่จ่ายแน่นอน คุณอาจจะได้รับในเร็วๆนี้ ไม่มีคลับไหนเก็บค่าสมาชิกผู้ชนะเหรียญฟิลด์สหรือผู้ชนะรางวัลโนเบลหรอก นี่เป็นธรรมเนียมของไอวี่คลับ” วิตเตนหยุดไปชั่วครู่ เขานึกเรื่องสำคัญได้อย่างฉับพลัน “จะว่าไป คุณได้รับเชิญจากไอเอ็มยูไหม?”
วิตเตนย่อมพูดถึงการรับเชิญไปงานประชุมคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศ
ลู่โจวพยักหน้า “ครับ พวกเขาเชิญผมไปบรรยายหนึ่งชั่วโมง”
เอ็ดเวิร์ดไม่ได้แปลกใจกับคำเชิญของลู่โจว
ลู่โจวเป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับเหรียญฟิลด์สที่มีโอกาสมากที่สุด มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะได้รับเชิญ
“หนึ่งชั่วโมงไม่สั้น คุณคิดถึงเรื่องที่จะบรรยายรึยัง?”
ลู่โจวกล่าว “ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผมจะบรรยายเกี่ยวกับข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์”
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน?” เอ็ดเวิร์ด วิตเตนมองลู่โจวและถามด้วยความสงสัย “ถ้าไม่เป็นไปตามแผนล่ะ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบคำถาม “แน่นอน ผมก็ยังบรรยายเกี่ยวกับข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์อยู่”
ความแตกต่างก็คือใครจะเป็นคนแก้ข้อคาดการณ์
หลังแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค ลู่โจวก็ให้ความสนใจกับข้อคาดการณ์ทฤษฎีจำนวนไม่มากนัก
วิธีสร้างองค์ประกอบกรุปของเขาสมบูรณ์ตั้งแต่แก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคแล้ว ลู่โจวสนใจกับการได้เห็นผู้อื่นใช้เครื่องมือของเขาไปสร้างทฤษฎีใหม่มากกว่า
ด้วยเหตุนี้ ลู่โจวจึงตัดสินใจบอกให้ศิษย์เขาเป็นผู้พิสูจน์ข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์เขาจะให้แนวทางกับวิธีเท่านั้น
แน่นอน ถ้าศิษย์เขาพิสูจน์ไม่ได้ เขาก็จะแก้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามลู่โจวค่อนข้างเชื่อมองในแง่ดีกับความสามารถของศิษย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเวร่า เธอเป็นนักคณิตศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่ลู่โจวเคยเห็นมา
แม้ว่าเธอจะขาดความคิดสร้างสรรค์ แต่การคิดเชิงตรรกะและทักษะการวิเคราะห์ของเธอแข็งแกร่งมาก ลู่โจวแค่สอนเธอสักครั้ง เธอก็จะจำได้ไม่ลืมเลือน แถมเธอยังสามารถนำความรู้ใหม่ไปประยุกต์ใช้กับปัญหาใหม่ๆได้อย่างง่ายดาย
ลู่โจวเชื่อว่าถ้าเธอมีแนวทางที่ถูกต้อง เธอจะประสบความสำเร็จเท่าชูลทซ์
แถมเธอยังได้รับเหรียญทองไอเอ็มโอตอนอายุน้อยกว่าชูลทซ์เสียอีก…
…
เมื่อลู่โจวทานอาหารค่ำเสร็จ เขาก็ไม่ได้กลับบ้านโดยทันที กลับกันเขาไปวิ่งจ๊อกกิ้งที่ทะเลสาบคาร์เนกี
นักวิจัยต้องมีร่างกายที่แข็งแรงถึงจะวิจัยอย่างอดหลับอดนอนได้
เขาเปียกโชกด้วยเหงื่อ เขาจึงกลับบ้านมาอาบน้ำ จากนั้นเขาก็นอนบนเตียงแล้วกระซิบเสียงเบาว่า”ระบบ” จิตใต้สำนึกของเขาเข้าไปอยู่ในมิติของระบบทันที
เมื่อเขาทำภารกิจครั้งก่อนเสร็จ เขารับรางวัลภารกิจเท่านั้น เขาไม่ได้ดูภารกิจใหม่ด้วยซ้ำ
ตอนนี้แบบจำลองเชิงทฤษฎีเคมีไฟฟ้าสมบูรณ์แล้ว ในที่สุดเขาก็มีเวลาว่างบ้างแล้ว
มันถึงเวลาดูภารกิจของระบบแล้ว
………………………………….