นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้?!
มันฟังดูน่าสนใจ
ลู่โจวรู้สึกสนใจทันทีเมื่อได้ยินศาสตราจารย์คลิทซิ่งพูดถึงเรื่องนี้
“ผมเข้าไปเยี่ยมชมข้างในได้ไหม?”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งกล่าว “ถ้าคุณสนใจก็ย่อมได้อยู่แล้ว”
ลู่โจวตามศาสตราจารย์คลิทซิ่งเข้าไปด้านในอาคาร
ลู่โจวคิดว่าสถานที่แห่งนี้มีการรักษาความลับระดับสูง แต่ศาสตราจารย์คลิทซิ่งสแกนคีย์การ์ดพาเขาเข้าไปด้านในอย่างง่ายดาย
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งสังเกตเห็นความสับสนงุนงงของลู่โจวแล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ที่นี่ไม่มีความลับ คุณสามารถเรียกดูเอกสารได้จากห้องสมุดฟายสโตน ข้อจำกัดการเข้าถึงส่วนใหญ่มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้ามาสร้างปัญหา ช่วงนี้ความปลอดภัยในเบอร์ลินนั้นแย่มาก”
ลู่โจวพูดหยอก “ผมคิดว่ามันเป็นสถานที่ที่มีการรักษาความลับระดับสูงเสียอีก”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งยิ้ม “ไม่ต้องห่วง แม้แต่ฉันก็เข้าถึงสถานที่แบบนั้นไม่ได้”
ตรงกันข้ามกับทฤษฎีสมคบคิดเรื่องเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่นอันโด่งดัง ประเทศส่วนใหญ่ทำการวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมได้ แต่ผลการวิจัยเปิดให้ประชาชนเข้าถึง
ตามข้อตกลง ITER ที่ลงนามในปารีสตอนเดือนพฤศจิกายน 2006 ทีมวิจัยแห่งชาติของแต่ละประเทศจะรายงานความคืบหน้าของงานวิจัยล่าสุดของพวกเขาที่งานประชุมพลังงานฟิวชั่นระหว่างประเทศในแต่ละครั้ง
เหตุผลของความร่วมมือนั้นง่ายมาก
มันเป็นเพราะความยากของโปรเจกต์นี้เกินกว่าทุกโปรเจกต์วิจัย มันยากยิ่งกว่าโปรเจกต์ของแมนแฮตตัน โปรเจกต์จีโนมของมนุษย์ และโปรเจกต์อพอลโล่เสียอีก นอกจากนี้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ยังไม่สามารถทำสำเร็จได้ด้วยประเทศใดประเทศหนึ่ง
เนื่องด้วยสถานการณ์เหล่านี้ ผลประโยชน์ของการวิจัยแบบโดดเดี่ยวนั้นมีน้อยกว่าผลประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ ITER
ยกตัวอย่าง EAST (Experimental Advanced Superconducting Tokamak) มีบทบาทสำคัญในโปรเจกต์ ITER
ส่วนการกระจายผลประโยชน์ของโปรเจกต์ นั่นเป็นปัญหาไว้พูดกันภายหลัง ตอนนี้พวกเขาคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง นับประสาอะไรกับปัญหาหลังจากนี้
ไม่ว่าจะเป็น tokamak หรือ stellarator มันก็ไม่มีการออกแบบที่เป็นความลับ นี่เป็นเหตุผลที่ศาสตราจารย์คลิทซิ่งพาลู่โจวเข้ามาดูได้
ส่วนที่เป็นความลับก็มีแค่เลเซอร์ฟิวชั่นที่ใช้สำหรับ’จุดระเบิด’
หนึ่งในหน้าที่หลักของเลเซอร์ฟิวชั่นก็คือการจำลองการระเบิดของระเบิดไฮโดรเจน ดังนั้น ITER จึงไม่ให้ความร่วมมือกับประเทศที่ไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตามส่วนการวิจัยที่เป็นความลับแบบนี้ย่อมไม่มีให้เห็น การวิจัยที่เป็นความลับย่อมทำในสถานที่ที่เป็นความลับ
ลู่โจวเดินตามศาสตราจารย์คลิทซิ่งไปตลอดทางจนถึงบริเวณใจกลางอาคาร เขามองดูวัตถุแปลกๆที่อยู่บนพื้นที่เปิดแล้วกล่าว “มันเหมือนหมาฮวาเลย”
(ผู้แปล : เป็นแป้งทอดคล้ายๆปาท่องโก๋ แต่รูปร่างต่างกัน)
‘หมาฮวา’นี้เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อตั้งแต่ต้นจนจบจน มันบิดเป็นเกรียวจนเป็นวงกลม
จากมุมมองทางเรขาคณิต มันเป็นวงแหวนโมบิอุสที่ถูกแปลงเป็นสามมิติ
พลาสมาสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในวงกลมโคจรที่ขดเป็นม้วนๆ
ในทางตรงกันข้าม อุปกรณ์ tokamak อาศัยสนามแม่เหล็กที่ถูกสร้างจากสนามแม่เหล็กภายนอกและกระแสพลาสมา ถ้าพลาสมาไม่เสถียรหรือถูกรบกวนเนื่องจากปรากฏการณ์ทางกายภาพที่ไม่รู้จัก ทั้งระบบก็อาจเสี่ยงต่อการพังทลาย
ในทางความเป็นไปได้ทางทฤษฎี การควบคุมการจุดระเบิดของ stellarator ทำได้ง่ายกว่า tokamak
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า stellarator จะมีข้อดีเยอะ แต่มันก็มีข้อเสียอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ความต้องการของเทคโนโลยีนั้นมีมากเกินไป และอุปกรณ์มีความซับซ้อน
วัตถุรูปร่างแปลกๆตรงหน้าลู่โจวก็มีความซับซ้อนมากพอแล้ว และมันก็เป็นเพียงหนึ่งในส่วนสำคัญของนิวเคลียร์ฟิวชั่นเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามีประเทศเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ใช้ส่วนนี้ได้
นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมประเทศจีนถึงเลือกใช้ tokamak แทน
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งพูดหยอก “จริงหรือ? ฉันคิดว่ามันคล้ายโดนัทเครือบครีมมากกว่านะ”
ลู่โจวมองดูชายชรา เขาย่อมไม่เข้าใจว่า’หมาฮวา’คืออะไร
“นี่เป็นวงจรพลาสมาที่ถูกแทนที่ด้วยหินเกลียว 7-X” ศาสตราจารย์คลิทซิ่งกล่าวขณะมองดูอุปกรณ์ตรงหน้า “ส่วนหินเกรียว 7-X ที่สมบูรณ์อยู่ในไกรฟ์วาลด์ ถ้าคุณสนใจ หลังบรรยายจบลง ฉันพาคุณไปดูได้ ตอนนี้พวกเขากำลังทำการทดลองอยู่”
ลู่โจวยิ้ม “จริงเหรอ? ผมจะจำคำพูดของคุณไว้”
นี่เป็นโอกาสที่ดี
แม้ว่านิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้จะอยู่นอกสาขาวิจัยของลู่โจว แต่เขาก็สนใจไอ้สิ่งที่มีแต่ในหนังไซไฟเช่นกัน
อย่างไรก็ตามไม่ว่าการทดลองจะน่าสนใจแค่ไหน แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการบรรยายของเขา
หลังลู่โจวเยี่ยมเยือนห้องแล็บมักซ์พลังค์ เขาก็กลับโรงแรมพีกนิทซ์และเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบรรยายที่ใกล้เข้ามา
วันเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็ถึงวันบรรยายแล้ว
การบรรยายถูกจัดที่มหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮล์ม
ลู่โจวตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ของวันเสาร์และมาถึงสถานที่จัดงานก่อนชั่วโมงหนึ่ง
ตอนที่เขามาถึง สถานที่จัดงานก็มีคนเกือบเต็มห้องแล้ว
สถาบันมักซ์พลังค์ไม่มีข้อจำกัดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประชุม จะมีก็แต่ที่นั่งที่ของไว้ให้บุคคลสำคัญ ดังนั้นนักวิชาการ นักศึกษาและศาสตราจารย์หลายท่านจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยใหญ่ๆจึงมาร่วมสนุกด้วยเช่นกัน
อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การบรรยายก็จะเริ่มแล้ว บางคนก็ถึงกับไปนั่งบนทางเดิน
ชุมชนเคมีเชิงทฤษฎีรอการบรรยายนี้มาสองเดือนแล้ว
พวกเขาสงสัยว่าสิ่งนี้อาจหมายถึงเคมียุคใหม่…
ทุกคนมองดูหน้าจอใหญ่หลังโพเดียมรอคอยเป็นสักขีพยานช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์
ประธานสตราทแมนยืนอยู่ข้างโพเดียมและเห็นคนกำลังนั่งอยู่บนพื้น เขาบอกให้เจ้าหน้าที่หาเก้าอี้มาวางในห้องเพิ่ม
จากนั้นเขาก็หันไปมองลู่โจวที่กำลังคัดลอกข้อมูลลงบนโปรเจคเตอร์
“เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว?”
ลู่โจวกล่าวด้วยท่าทางสงบ “ก็ดีครับ”
“สู้ๆ” สตราทแมนยกนิ้วโป้งให้ลู่โจว จากนั้นก็กล่าวเสริม “ฉันหวังว่าวันนี้ทุกคนจะได้เป็นสักขีพยานช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์”
ลู่โจวยิ้มและปรับเนคไท
“แน่นอน”
………………………………….