[666!]
[เทพลู่สุดยอด!]
[ฉันคิดว่าพอฉันขึ้นมหาลัย ฉันจะได้สัมผัสถ้วยรางวัลของเทพลู่บ้าง แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้วยรางวัลของเทพลู่คืออะไร(น้ำตา)(น้ำตา)]
[มันไม่สำคัญว่าคุณจะเข้าใจไหม อัจฉริยะที่ทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่างจากคนธรรมดาที่ทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์…]
[ฉันกำลังโต้รุ่งอ่านวิทยานิพนธ์ทั้งคืน (น้ำตา)(น้ำตา)]
[แสร้งถ่อมตนให้มากกว่านี้ได้ไหม?]
[เทพลู่ โปรดสอนผมด้วย…]
[เทพลู่ คุณยังแก้วิทยานิพนธ์ให้คนอื่นอยู่ไหม?]
[…]
ชั่วข้ามคืน กล่องขาเข้าของลู่โจวก็มีการแจ้งเตือน 99+
ส่วนความคิดเห็นก็เดือดไม่มีหยุด
ลู่โจวนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในภัตตาคารของโรงแรม ขณะที่เขาไถโทรศัพท์ดูข้อความของแฟนคลับ เขาก็รู้สึกว่าอาหารเช้าอร่อยยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
ลู่โจวรับสายและได้ยินเสียงของอาจารย์ใหญ่สวี่ดังขึ้นมา
“เป็นไงบ้าง มีหวังรางวัลโนเบลไหม?”
ลู่โจวแทบสำลักอาหาร
“ผมจะรู้ได้ไง?”
แม้แต่ไอน์สไตน์ก็ไม่ได้รับรางวัลโนเบลทันทีหลังอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก
ยิ่งทฤษฎีมีความออริจินัลมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งใช้เวลาทดสอบความสำคัญและคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ทุกอย่างจะง่ายเท่า’การมีอยู่ของคลื่นแรงโน้มถ่วง’
อาจารย์ใหญ่สวี่ตระหนักว่าเขาถามคำถามไร้สาระมาก เขายิ้มแล้วกล่าว “เอ่อ…ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเคมี อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์จากสาขาเคมีประเมินไว้สูงมาก พวกเขาบอกว่าทฤษฎีของคุณได้วางรากฐานให้เคมีเชิงคำนวณ นักวิชาการบางคนเห็นด้วยว่ามันไม่ได้พูดเกินจริงเลยที่จะบอกว่างานวิจัยของคุณสมควรได้รับรางวัลโนเบล”
นี่ไม่ได้พูดเกินจริงก็บ้าแล้ว
ลู่โจวตอบอย่างถ่อมตน “…นั่นมันมองในแง่ดีไปหน่อย”
“ฮ่าๆ มันไม่ได้มองในแง่ดีเลย ขอแสดงความยินดีกับรางวัลฮอฟแมนด้วย!” อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น “อีกอย่างฉันมีเรื่องอยากถาม คุณคิดยังไงกับเคมีเชิงคำนวณ?”
ลู่โจวอึ้ง เขาครุ่นคิดอยู่หลายวิก่อนจะตอบ
“ผมคิดว่ามันเป็นสาขาที่ดี มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวิจัยของเราและช่วยลดค่าใช้จ่ายของการวิจัย ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความก้าวหน้าในเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ผมคิดว่าเคมีจะเข้าไปอยู่ในทิศทางของฟิสิกส์ มันจะเปลี่ยนรูปแบบจากวิชาการทดลองบริสุทธิ์เป็นวิชาที่อิงการทดลอง ทฤษฎีและการคำนวณ”
อันที่จริง นี่ไม่ใช่แค่ความคิดของลู่โจว ศักยภาพของเคมีเชิงคำนวณถูกพูดถึงในพิธีมอบรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 1998
แต่ตอนนี้ความคิดกลายเป็นจริงแล้ว จนถึงตอนนี้เคมีเชิงคำนวณยังไม่ได้รับความสนใจเลย
ลู่โจวรู้สึกอยู่เสมอว่าการที่เคมีเชิงคำนวณเฟื่องฟูขึ้น มันเป็นแค่เรื่องของเวลา
อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้มหลังได้ยินคำตอบของลู่โจว
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
อาจารย์ใหญ่สวี่อยู่สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขาเป็นนักวิชาการในกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และเขาก็มักจะให้ความสำคัญกับสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยจินหลิงอยู่เสมอ
ตอนนี้ชุมชนเคมีเชิงทฤษฎีนานาชาติได้ยอมรับแบบจำลองเชิงทฤษฎีของลู่โจวแล้ว การถกเถียงในประเทศก็จบลงแล้ว โดยเฉพาะความสำเร็จของวัสดุ HCS-2 ได้ส่องแสงสู่อนาคตของเคมีเชิงคำนวณ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่อาจารย์ใหญ่สวี่อยากพัฒนาสาขาเคมีเชิงคำนวณ
อันที่จริงมหาวิทยาลัยจินหลิงมีสถาบันวิจัยเคมีเชิงคำนวณและทฤษฎี อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่มันทำวิจัยเชิงทฤษฎีมากกว่า แถมยังขาดแคลนเครื่องมือเฉพาะทางอีก
อาจารย์ใหญ่สวี่หยุดอยู่ชั่วครู่ “เราวางแผนสร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เคมีเชิงคำนวณใกล้วิทยาเขตมหาลัยจินหลิง คุณคิดว่าไง?”
ลู่โจวอึ้ง
“ผมว่าดีนะ…”
มหาลัยจินหลิงมีเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่ใช่ถูกๆ
เมื่ออาจารย์ใหญ่สวี่ได้ยินคำตอบของลู่โจว เขาก็ยิ้ม “งั้น คุณช่วยเขียนจดหมายให้เราหน่อยได้ไหม?”
ลู่โจว “จดหมาย?”
อาจารย์ใหญ่สวี่ “ใช่ แค่พูดถึงศักยภาพในการประยุกต์ใช้เคมีเชิงคำนวณ…ท้ายที่สุดแล้วมหาลัยจินหลิงก็แบกรับค่าใช้จ่ายซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่ไหว เราต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ”
พอได้ยินแบบนั้น ลู่โจวก็เข้าใจทันที
สรุปคุณกำลังบอกให้ฉันช่วยเหรอ?
“โอ้ แค่นี้เหรอครับ? ตกลง” ลู่โจวกล่าว เขาไม่รู้ว่าเขาจะช่วยได้ไหม แต่เขาก็ยังตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ผมขอเวลาอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเขียนจดหมายให้คุณ”
อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้ม “ขอบคุณมาก”
ถ้ามหาลัยจินหลิงสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์เคมีเชิงคำนวณ มันจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณของลู่โจว เขาจะขอยืมอุปกรณ์ได้ง่าย
ดังนั้นลู่โจวช่วยมหาลัยจินหลิงมันก็เหมือนช่วยตนเองด้วยเช่นกัน
ลู่โจวทานอาหารเช้าเสร็จแล้วกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง
ที่งานเลี้ยงเมื่อวาน อธิการบดีเฮนดริก โอลเบอร์ทแห่งมหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮ็ล์มได้เชิญให้เขาไปบรรยายให้นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮล์ม
แม้อีกฝ่ายจะบอกว่ามันเป็นการบรรยายให้นักศึกษาปริญญาตรี แต่ก่อนการบรรยายจะเริ่ม ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮล์มก็เดินเข้ามาที่ห้องบรรยายแล้วไปนั่งแถวหลังของห้อง
พวกเขาเป็นศาสตราจารย์วิศวกรรม ซึ่งมันต่างจากสาขาของลู่โจว พวกเขาไม่ได้คาดหวังที่จะเรียนรู้ทฤษฎีใหม่จากลู่โจว พวกเขาแค่อยากเรียนรู้การบรรยายของศาสตราจารย์พรินซ์ตัน
ด้วยเหตุนี้ศาสตราจารย์จึงเตรียมจดบันทึก
ลู่โจวมองดูห้องเรียนที่แออัดแล้วปรับไมโครโฟนที่โพเดียม เขาทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างทำงานปกติก่อนจะดูนาฬิกาบนผนัง
มันถึงเวลาแล้ว เขากระแอมแล้วเริ่มพูด
นี่เป็นการบรรยายที่ไม่คาดฝัน ลู่โจวจึงไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา
การบรรยายเกี่ยวกับความรู้วิทยาศาสตร์ทั่วไป มันไม่ได้ลงลึกในสาขาเฉพาะทาง
การบรรยายเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องกันของฟิสิกส์ คณิตศาสตร์และเคมี นอกจากนี้เขายังพูดถึงปัญหาที่เขาพบในการวิจัยรวมถึงประสบการณ์วิจัยบางอย่างที่เขาได้รับ
เขาไม่ได้ใช้พาวเวอร์พอยนต์ด้วยซ้ำ ด้วยเพียงกระดานดำและชอล์ก ลู่โจวก็อธิบายความคิดของตัวเองได้อย่างเด่นชัด
อย่างไรก็ตาม ระหว่างความคิดกับความเป็นจริงมักแตกต่างกันเสมอ
ครึ่งชั่วโมงแรกยังไม่เป็นไร แต่พอเข้าครึ่งชั่วโมงหลัง ลู่โจวอยากทำให้ทฤษฎีของเขาน่าเชื่อถือและชัดเจนมากขึ้น เขาจึงเขียนสมการไม่กี่บรรทัดบนกระดานดำอย่างอดไม่ได้
หลังจากนั้นมันก็เหมือนคลื่นสึนามิ
ไม่นาน ทั่วทั้งกระดานดำก็เต็มไปด้วยสมการ
นักศึกษาที่นั่งอยู่ในห้องเคลิบเคลิ้มไปกับการบรรยายครึ่งแรก แต่พอถึงครึ่งหลัง พวกเขาสับสนงุนงง
“โดยรวมก็แบบนี้แหละ”
ลู่โจวโยนชอล์กไว้บนโพเดียมแล้วปัดฝุ่นออกจากแขน
“ผมบรรยายจบแล้ว พวกคุณเข้าใจทั้งหมดไหม?”
ทุกคนรวมไปถึงศาสตราจารย์ต่างก็มองเขาเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
รอยยิ้มของลู่โจวค่อยๆ หายไป
“…”
บัดซบ!
นักศึกษาพวกนี้ไม่เก่งพอ!
………………………………….