ชาพร้อมแล้ว
ละอองน้ำลอยขึ้นมาจากกาน้ำชา
ชายชราหยิบถ้วยขึ้นมาจิบชาก่อนจะเริ่มพูดขึ้น
“จากสมการเชิงอนุพันธ์ย่อยทั้งหมด สมการนาเวียร์-สโตกส์อาจเป็นสาขาที่ยากที่สุด เราไม่สามารถใช้ทฤษฎีบทสมการอนุพันธ์ย่อยกับสมการนาเวียร์-สโตกส์ได้โดยตรง เราทำได้แต่ประมาณ”
“จากที่ฉันรู้ สถาบันเคลย์กำลังวิจัยปรากฏการณ์ความปั่นป่วน แม้ว่าพวกเขาจะมีผลลัพธ์อยู่บ้าง แต่มันก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ”
“ความปั่นป่วนในพลาสมาที่คุณอยากศึกษายากยิ่งกว่านั้นอีก ก่อนอื่นเลยมันไม่มีคอมพิวเตอร์ที่คำนวณได้แบบนั้น อย่างที่สองเราไม่สามารถหาข้อมูลการสังเกตที่ถูกต้องแม่นยำ เราทำได้แต่พึ่งพาข้อมูลที่ไม่แม่นยำ”
ลู่โจวถาม “ทำไมล่ะครับ?”
เฒ่าชิวยิ้ม “เพราะเราไม่จำเป็นต้องมีวิธีสังเกตไอออนพลาสมาตอนอุณหภูมิสูง ยกตัวอย่างถ้าเราใช้นาโนโพรบและเจาะเข้าไปในก๊าซเพื่อรวบรวมโมเลกุล การเคลื่อนไหวจะรบกวนก๊าซและรบกวนข้อมูล”
“เราสามารถใช้โพรบไฟฟ้าสถิตและโพรบแม่เหล็กตอนพลาสมาอุณหภูมิต่ำ อย่างไรก็ตามพลาสมาอุณหภูมิสูง ความปั่นป่วนเล็กน้อยหก็อาจทำให้ทั้งระบบพัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจำกัดพลาสมา”
“ดังนั้นเราจะได้แบบจำลองโดยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยมาจากตัวพลาสมาเท่านั้น อย่างไรก็ตามสเปคตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ถูกปล่อยมาจากพลาสมานั้นกว้างมาก จำนวนข้อมูลก็ใหญ่มาก แต่ข้อมูลที่อยู่ในนั้นไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แบบจำลองที่ถูกสร้างขึ้นจะแม่นยำบางช่วงเท่านั้น”
ลู่โจวกล่าว “มีวิธีแก้ไหม?”
“ไม่มี” เฒ่าชิววางถ้วยชาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก “ถ้าคุณออกแบบการทดลองเพื่อสังเกตพลาสมาอุณหภูมิสูงได้ งั้นผลงานของคุณในโลกฟิสิกส์จะไม่น้อยไปกว่าผลงานกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบแช่แข็งในโลกชีววิทยาเลย”
ลู่โจวยิ้ม เขาไม่รู้จะพูดอะไร
แม้ว่าระบบไฮเทคจะมีข้อมูลด้านวิศวกรรม แต่พลังของลู่โจวมีจำกัด เขาแทบไม่ได้ศึกษาวิศวกรรมเลย
ออกแบบการทดลองเขาพอทำได้
แต่ออกแบบอุปกรณ์ทดลองนั้นเกินกว่าความสามารถของเขา
“คำแนะนำส่วนตัวของฉันก็คือ เพราะแก้ปัญหาการทดลองไม่ได้ ทำไมคุณไม่ทำให้เครื่องมือทางทฤษฎีสมบูรณ์ก่อนล่ะ?” ชายชรามองลู่โจวแล้วกล่าว “คุณเก่งคณิตศาสตร์ใช่ไหมล่ะ?”
ลู่โจวอึ้ง จู่ๆ เขาก็คิดได้
ใช่
คณิตศาสตร์เป็นจุดแข็งของเขา
ถ้าฉันสร้างอุปกรณ์การทดลองไม่ได้ ทำไมฉันไม่สร้างแบบจำลองทางทฤษฎีก่อนล่ะ?
เฒ่าชิวมีประสบการณ์ด้านอนุพันธ์ย่อยมาก
แม้ว่าเขาจะไม่เคยศึกษาสมการนาเวียร์-สโตกส์ แต่ความเห็นเขาเป็นประโยชน์ต่อลู่โจวมาก
และเวลาก็ล่วงเลยมาสองชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว
ไอน้ำบนกาน้ำชาหายไปแล้ว และน้ำชาก็ค่อยๆเย็นลง
จ้าวอี้นั่งข้างพวกเขา ฟังพวกเขาคุยกันอย่างเป็นกังวล
เขาเป็นนักศึกษาปริญญาเอก เขาแทรกอะไรไม่ได้เลย
เรื่องนี้มันทำให้เขาเจ็บปวด
มันไม่ใช่แค่เจ็บปวดทางใจเท่านั้น มันยังเจ็บปวดทางกายภาพด้วย
เพราะเขาดื่มชามากไป…
หลังผ่านมาสามชั่วโมง ทั้งสองก็คุยกันจบ
ลู่โจวบอกลาเฒ่าชิว และในที่สุดจ้าวอี้ก็เป็นอิสระสักที
จ้าวอี้รีบลงไปชั้นล่าง เขารีบเข้าห้องน้ำไปปล่อยทุกข์ เมื่อเขาออกมา เขาก็รีบเดินตามลู่โจว
“เฮ้ ลู่โจว พวกคุณคุยอะไรกัน?”
ลู่โจวกำลังอารมณ์ดี “เรื่องน่าสนใจบางอย่าง”
จ้าวอี้กล่าว “ฉันได้ยินว่ามันเกี่ยวกับนิวเคลียร์ฟิวชั่น มันเป็นความจริงเหรอ?”
ถ้ามันจริง มันคงสุดยอดมาก
ลู่โจวไม่ได้ตอบคำถาม กลับกันเขาเอ่ยถาม “‘ความจริง’หมายความว่าไง?”
จ้าวอี้อึ้ง “ก็อย่าง ถ้ามันทำได้”
ลู่โจวยิ้ม “พื้นฐานของวิทยาศาสตร์คือการทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าปัญหาถูกแก้แล้ว เราจะวิจัยไปทำไม? คุณเป็นนักศึกษาปริญญาเอก ทำไมคุณถึงถามคำถามคนธรรมดาแบบนี้ล่ะ?”
จ้าวอี้หน้าแดง เขาเกาหัวแกร่กๆ
“ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณ คุณว่างไหม?”
ลู่โจวพยักหน้า “ได้”
ยังไงเสียมันก็ถึงเวลามื้อค่ำแล้ว
เขาไม่มีทางปฏิเสธข้าวฟรี
…
ลู่โจวได้แรงบันดาลใจจากการคุยกับเฒ่าชิว
เป็นไปตามที่ชายชราพูด สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเครื่องมือในการแก้ปัญหา
เขาต้องวางบันไดก่อน เขาถึงจะปีนกำแพงได้
ก่อนที่เขาจะได้บันได เขาก็ทำได้แต่เดินไปรอบกำแพงยาวเหยียดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ลู่โจวกลับมาบ้านที่พรินซ์ตัน เขาตรวจสอบปัญหาใหม่จากมุมมองที่ต่างออกไป เขารู้สึกว่าทุกเซลล์ในร่างกายกำลังปะทุด้วยแรงบันดาลใจ
เขานั่งอยู่ในห้องหนังสือ ควงปากกาในมือเล่นและพูดกับตัวเองไปด้วย
“…การสร้างแบบจำลองทางทฤษฎีสำหรับพลาสมาต้องการการสังเกตที่แม่นยำ”
“อย่างไรก็ตามเนื่องจากฉันสร้างเครื่องมือทดลองไม่ได้ ฉันก็ได้แต่เริ่มต้นในส่วนที่ฉันแก้ได้”
ลู่โจวบิดคอ หยิบปากกาขึ้นมาแล้วเขียนบนหน้ากระดาษเปล่า
[การมีอยู่ของการแก้ปัญหาที่ราบรื่นของสมการนาเวียร์-สโตกส์ในสามมิติที่บีบอัดไม่ได้ด้วยค่าเริ่มต้นจำเพาะ]
เขาดูหัวข้อนี้แล้วรู้สึกเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ
มันถึงเวลาโต้รุ่งอีกครั้ง!
………………………………….