สำเร็จ!
เสียงเฮที่ดังขึ้นมานั้นวิเศษมาก
ในเวลานี้ เลือดเนื้อและหยาดเหงื่อที่เสียไปกับโปรเจกต์นี้ล้วนคุ้มค่า เบื้องบนของ PPPL ที่สงสัยศักยภาพโปรเจกต์นี้ก็ลบความสงสัยนั้นไป
ลู่โจวดูสัญญาณไฟกะพริบแล้วคลายหมัด เนื่องจากอะดรีนาลีนที่แล่นเข้ามาในหัวใจ เขาจึงกำหมัดอีกครั้ง
การทดลองยังไม่จบ
หลังความพยายามสำเร็จครั้งแรก งั้นก็ต้องทำครั้งที่สองและสาม…
อนุภาคฮีเลียม3 ถูกเร่งไปจนถึงขีดจำกัดพลังงานจลน์ก่อนจะทะลวงพลาสมาและปะทะเข้ากับวัสดุเป้าหมายทังสเตนไทเทเนียม
ข้อมูลถูกรวบรวม ทับซ้อนกันและถูกป้อนเข้าสู่ฐานข้อมูลในรูปแบบมาตรฐาน ซึ่งอีกเดี๋ยวจะถูกนักวิจัยเชิงทฤษฎีนำไปวิเคราะห์
ศาสตราจารย์เลเซอร์สันมองหน้าจอคอมพิวเตอร์พลางตบแขนลู่โจวเบาๆ
ในทางกลับกันผู้อำนวยการบร็อกกำลังยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่กำลังปิติยินดี เขาจ้องมองข้อมูลบนหน้าจออย่างโง่งมโดยไม่ได้พูดอะไร
“ฉันบอกคุณแล้ว” ศาสตราจารย์เลเซอร์สันพูดขณะเดินไปหาผู้อำนวยการบร็อกด้วยรอยยิ้ม เขาตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ “ฉันบอกแล้วว่ามันเป็นไปได้! คุณเชื่อเรายัง?”
บร็อกได้สติกลับมา เขากระแอมอย่างหนักก่อนจะกล่าว “มันก็แค่ผลการวิจัยที่อยู่ระหว่างดำเนินการ มันยังเร็วเกินไปที่จะบอก”
“ใช่ๆ มันเป็นแค่ผลการวิจัยที่อยู่ระหว่างดำเนินการ” ศาสตราจารย์เลเซอร์สันยิ้มแล้วกล่าวหยอกล้อ “พอฉันได้ไปยืนบนโพเดียมสต็อกโฮล์ม อย่ามาอิจฉาฉันแล้วกัน”
“รอคุณชนะรางวัลโนเบลก่อนค่อยคุย”
ผู้อำนวยการบร็อกยืนอยู่เงียบๆสักครู่ก่อนจะเดินเข้าไปหาลู่โจว
จากนั้นเขาก็ยืนอยู่ข้างนักวิชาการหนุ่ม เขาถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเชิงขอโทษ
“ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้…ฉันขอโทษด้วย”
แม้ว่าลู่โจวจะโกรธเล็กน้อยกับคำพูดของผู้อำนวยการบร็อก แต่เมื่ออนุภาคฮีเลียม3 ปะทะกับวัสดุเป้าหมาย ความโกรธของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นความสุขจากความสำเร็จ
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ คุณแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ” ลู่โจวกล่าวขณะมองดูข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “มันก็เหมือนกับที่เราทำในสิ่งที่ควรทำ”
“ขอบคุณที่เข้าใจ…ฉันหวังว่าพวกคุณจะสำเร็จตามต้องการ”
ผู้อำนวยการบร็อกรู้สึกขอบคุณ จากนั้นเขาก็ออกจากห้องแล็บโดยไม่ได้เอ่ยถึงการล้มเลิกโปรเจกต์อีก
ถ้าเทคโนโลยี He3 อะตอมโพรบถูกนำไปใช้ ห้องแล็บฟิสิกส์พลาสมาใหญ่ๆทั่วโลกจะสามารถ’สังเกต’พลาสมาอุณหภูมิสูงแทนการ’คาดการณ์’
การสังเกตกับการคาดการณ์เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการค้นพบระดับรางวัลโนเบล!
ถ้าผู้อำนวยการบร็อกล้มเลิกโปรเจกต์นี้ แม้จะไม่มีใครตำหนิเขา แต่เขาก็คงเสียใจกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต…
…
ในวันเดียวกัน หลังลู่โจวทานมื้อค่ำเสร็จ เขาก็ออกไปวิ่งรอบทะเลสาบคาร์เนกีตามปกติ
เขาวิ่งอย่างมีความสุข และเขาก็อดวิ่งเร็วขึ้นไม่ได้
สุดท้ายเขาก็วิ่งสุดฝีเท้าเหมือนกับม้าป่า
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาใจเย็นลงได้ก็คือสายลมเย็นๆที่พัดผ่านหน้าไป
แม้ว่ายาของระบบจะปรับปรุงเมตาบอลิกฟังก์ชันให้เขา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาเป็นนักกรีฑา
หลังวิ่งสุดฝีเท้าได้ไม่ถึงห้านาที ลู่โจวก็หยุดพักที่ม้านั่งอย่างเหนื่อยหอบ เขาจับที่พักแขนก่อนจะค่อยๆ นั่งลง
แผ่นหลังเขาชุ่มด้วยเหงื่อ ชุดกีฬาแนบติดกับตัว สายลมเย็นๆเสียดแทงไปถึงกระดูก
ลมเย็นๆทำให้ลู่โจวจามออกมา แต่มันก็ไม่ได้ดับไฟในใจเขาได้
ทันใดนั้นเอง โมลิน่าที่กำลังวิ่งรอบทะเลสาบก็สังเกตเห็นลู่โจวที่กำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่ง เธอชะลอตัวลงแล้วเดินมาที่ม้านั่ง
โมลิน่ามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ “…อาการทางจิตกำเริบเหรอ?”
“ไม่ ฉันรู้สึกดีมาก” ลู่โจวจับเข่าหอบหายใจ จากนั้นเขาก็ฝืนยิ้มออกมาเพื่อแสดงว่าเขาสบายดี
อันที่จริงลู่โจวมีความสุขเกินไป
โมลิน่ามองเขาเหมือนเขาเป็นคนบ้า เธอไม่ได้พูดอะไร กลับกันเธอนั่งอยู่อีกฝั่งของม้านั่งแทน
เธอหยิบขวดน้ำออกมาจากกระเป๋าวิ่งคาดเอวแล้วจิบน้ำด้วยท่าทางงดงาม จากนั้นเธอก็หันไปมองลู่โจวที่ยังเหนื่อยหอบอยู่ “ใกล้คริสต์มาสแล้ว คุณไม่มีแผนไปไหนเลยเหรอ?”
“ฉันอาจอยู่พรินซ์ตันนี่แหละ ศิษย์ฉันอยากจัดปาร์ตี้ จากนั้น…” ลู่โจวคิดเล็กน้อย เขานึกแผนที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว “จากนั้นฉันก็จะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน”
โมลิน่าพูดไม่ออก เธอจ้องมองลู่โจวแล้วถอนหายใจ “มันน่าเศร้ามาก…คุณไม่อยากหาแฟนไว้ใช้เวลาช่วงวันหยุดด้วยกันเหรอ?”
คุณตอกย้ำฉันเหรอ?
แต่ลู่โจวก็ไม่ได้สนใจ เพราะเขาชินแล้ว
“คณิตศาสตร์ก็ยากพอแล้ว เรื่องแฟนเอาไว้ทีหลังเถอะ” ลู่โจวพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปมองโมลิน่าแล้วเอ่ยถาม “ฉันเกือบลืม คุณก็โสดไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่เหมือนกัน ฉันตั้งใจโสดเอง ความรู้สึกเป็นภาระสำหรับฉัน” เธอสะบัดผมบลอนด์เบาๆ “อย่าที่คุณพูดแหละ คณิตศาสตร์ก็ยากพอแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลู่โจวก็รู้สึกขบขัน
“แต่ฉันยังไม่เคยเห็นความสำเร็จทางคณิตศาสตร์จากคุณเลย”
ตั้งแต่รู้จักโมลิน่า ลู่โจวเปลี่ยนจากนักศึกษาปริญญาตรีมาเป็นศาสตราจารย์แล้ว แต่โมลิน่ายังศึกษาอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาที่พยายามแก้ข้อคาดการณ์ของรีมันน์ที่เป็นไปไม่ได้อยู่เลย โมลิน่ายังไม่ได้เขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกด้วยซ้ำ
แน่นอนลู่โจวไม่ได้มีความสุขกับความทุกข์คนอื่น อันที่จริงมันตรงกันข้ามกันเลย เขาโน้มน้าวเธอให้เลือกเป้าหมายที่ง่ายกว่านั้นหลายรอบแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยฟังคำแนะนำของเขา
โมลิน่ามองเขาอย่างเคืองๆ
เธออยากตอกกลับ แต่เธอก็เทียบอะไรเขาไม่ได้เลย
“ฝากไว้ก่อนเถอะ…งานประชุมไอโอเอ็มปีหน้า ฉันจะทำให้คุณเสียใจที่พูดแบบนั้น!”
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไป
“ฉันจะรอข่าวดีของคุณ”
ลู่โจวส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
ใครกันที่มีอาการทางจิต?
แต่พอมาคิดอีกครั้ง ถ้ามีอาการทางจิตแล้วสร้างความสำเร็จได้ บางทีมันก็ไม่ได้แย่นัก
ลู่โจวปาดเหงื่อออกหน้าผาก จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มวิ่งไปตามทางเดินอีกครั้ง…
………………………………….