จู่ๆ บรรยากาศก็น่ากระอักกระอ่วน
ทั้งสองฝ่ายต่างก็นิ่งเงียบ
สุดท้าย สือช่างก็เป็นคนทำลายความเงียบ
“นี่เป็นสายระหว่างประเทศ ค่าโทรแพงมากเลยนะ”
โอ้…
งั้นฉันจะเงียบต่ออีกสักหน่อย
ลู่โจวพูดไม่ออก เขาตัดสินใจอยู่เงียบๆ
บัดซบ!
ฉันต้องอยู่คนเดียวในวันคริสต์มาส แต่ตอนนี้เจ้าหมอนี่ดันมาตอกย้ำฉัน!
อุกอาจมาก!
สือช่างกังวล เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“โจว พูดอะไรหน่อยสิ! นายยังอยู่ไหม?”
ลู่โจวฟังสือช่างโวยวายอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจแล้วกล่าว “ฉันยังอยู่ โทรศัพท์ฉันค้างน่ะ…พวกนายจดทะเบียนกันยัง?”
สือช่างตอบ “จดแล้ว”
ลู่โจวถาม “กับใคร?”
สือช่าง “หย่าถิง…อย่าถามอะไรไร้สาระสิ จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ?”
ลู่โจวกล่าว “หย่าถิง? เธอเรียนปีเดียวกับนายใช่ไหม? เธอยังเรียนปริญญาโทอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
พวกเขาอยู่รุ่น 2013 แม้ว่าจะมีหลายคนออกจากมหาวิทยาลัยช่วงมีนาและเมษา แต่พวกเขาจบการศึกษาอย่างเป็นทางการตอนเดือนกรกฎาคม
ดังนั้น หวังจิ้งหย่าจึงเป็นนักศึกษาปริญญาโทปีหนึ่งเท่านั้น
“แต่งงานตอนเรียนปริญญาโทปีหนึ่ง จะดีเหรอ?”
เมื่อสือช่างได้ยินคำถามนี้ เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กระแอมแล้วกล่าว “คือ…มีเรื่องนิดหน่อย”
เมื่อลู่โจวได้ยินน้ำเสียงฟังดูลังเล เขาก็เข้าใจทันที
ฉันเดาว่าเขาคงไม่ได้ป้องกัน…
ลู่โจวไม่รู้ทำไม แต่เขารู้สึกมีความสุขเมื่อได้เห็นความทุกข์ของคนอื่น
สือช่างไม่ได้สังเกตว่าลู่โจวรู้สึกยังไง เขาพูดต่อ “โจว พูดตามตรง บางครั้งฉันก็คิดว่าโชคชะตาเป็นสิ่งที่วิเศษ ตอนที่ฉันอยู่กับเธอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมาถึงขั้นนี้…แต่ตอนนี้ฉันพบว่าพอวันนี้มาถึง ฉัน…โทษนะ ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไง”
สือช่างที่ปกติพูดมากที่สุดถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ลู่โจวเงียบไปสักครู่ เขาถอนหายใจแล้วกล่าว “…ดูเหมือนนายจะรักเธอจริงๆ”
“ใช่ ฉันรักเธอมากกว่ารักตัวเองอีก” สือช่างสูดหายใจ จู่ๆ เขาก็พูดด้วยท่าทางจริงจัง “งานแต่งวันที่ 20 มกราที่โรงแรมจินหลิงสือจินซาน พี่ขาดเพื่อนเจ้าบ่าว นายจะมาไหม?”
ลู่โจวหัวเราะ
“เหลวไหล ฉันไปอยู่แล้ว!”
คำถามนี้ไม่มีประโยชน์เลย
ลู่โจวจะกลับไปจีนตอนมกรา ต่อให้ไม่ใช่ เขาก็จะบินกลับไปอยู่ดี
แม้ว่าเขาจะอิจฉามาก แต่เขาก็จะไปงานแต่ง
“เยี่ยม!”
สือช่างตื้นตันกับคำตอบของลู่โจว
อย่างไรก็ตามสือช่างมีปัญหา เมื่อไหร่ที่เขาตื้นตัน เขาจะชอบพูดเชิงปรัชญา
“เอ้อโจว อย่าโกรธนะ แต่รีบหาแฟนได้แล้ว ฉันรู้ว่าคณิตศาสตร์คือชีวิตของนาย แต่นายควรรู้ว่าโลกนี้มีมากกว่าคณิตศาสตร์ ฐากุรเคยกล่าวไว้ ‘ความรักคือ…’”
อ่า…
ฉันเผลอวางสายไปแล้ว!
ลู่โจวแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วโยนโทรศัพท์ไว้บนโซฟา เขาอ่านวิทยานิพนธ์ต่อ
เนื่องจากคืนนี้มีแต่สายอะไรไม่รู้ เขาจึงไม่อยากรับสายอีก
…
สถาบันการศึกษาขั้นสูงพรินซ์ตันครึกครื้นไปกับเทศกาลคริสต์มาส
คนส่วนใหญ่ถือเป็นอัจฉริยะ แต่พวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์ ศาสตราจารย์หรือดอกเตอร์…มันล้วนแต่เป็นวุฒิการศึกษา
อันที่จริงเพราะพวกเขาเป็นอัจฉริยะ พวกเขาจึงรู้วิธีปาร์ตี้และสร้างความบันเทิงมากกว่าคนทั่วไป
ปกติคณบดีก็อดเดิร์ดเป็นคนจริงจัง แต่วันนี้เขาใส่หมวกแดงติดหนวดปลอมสีขาว แต่งกายเป็นแซนต้า เขายืนแจกหนังสือเล่มเล็กๆ ให้ผู้คน
ภายใต้คำสั่งของเขา เชฟในโซนทานอาหารชั้นหนึ่งสวมชุดคอสตูมเทศกาลแจกอาหารมื้อพิเศษในวันคริสต์มาส
ไม่ใช่แค่นั้น แต่ห้องบรรยายหมายเลขหนึ่งยังถูกเก็บไว้เพื่อเล่นภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่น’สตาร์วอร์ส’
สตาร์วอร์สย่อมเป็นวัฒนธรรมการชมภาพยนตร์ของอเมริกา
บทภาพยนตร์ไลฟ์แอคชันถูกดัดแปลงโดยศาสตราจารย์คณะสังคมศาสตร์และประวัติศาสตร์ ดังนั้นจึงมีกลิ่นอายประวัติศาสตร์ยุโรปแบบคลาสสิค
อย่างไรก็ตามลู่โจวสนใจห้องบรรยายมากกว่าสตาร์วอร์ส
เพราะห้องบรรยายนี้แหละที่เขาประกาศการพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคต่อโลกคณิตศาสตร์
หนึ่งปีต่อมา เขาได้ยืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง
แต่เขาไม่ได้มาในฐานะผู้บรรยาย แต่เขามาเป็นแขกรับเชิญบนเวทีแสดง เขาเล่นเป็นส่วนหนึ่งของทหารที่สิ้นลมโดยดาบแสงไลท์เซเบอร์ คำพูดคำเดียวที่เขาได้พูดก็คือ’อ้าก!’
และ’คู่ต่อสู้’ของเขาก็คือโมลิน่า
ลู่โจวสงสัยมากว่าผู้หญิงคนนี้จงใจจัดบทแบบนี้เพื่อโอกาส’แก้แค้น’
นักแสดงต่างก็แสดงอย่างสนุกสนาน และผู้ชมก็หัวเราะร่าเช่นกัน
สิ่งที่น่าสนใจก็คือศาสตราจารย์คณิตศาสตร์สองคนที่กำลังนั่งอยู่แถวหน้าคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับหลักวิทยาศาสตร์ในสตาร์วอร์ส
ศาสตราจารย์เดอลีงย์จ้องมอง’ไลท์เซเบอร์’แล้วกล่าว “มันไม่สมจริงเลย เห็นได้ชัดว่ามันเป็นยุคอวกาศ แต่พวกเขาดันใช้ดาบอยู่”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนยิ้มแล้วโต้เถียง “ไม่มีใครรู้ว่าระบบฟิสิกส์นอกระบบสุริยะเป็นอย่างไร เรารู้แค่ว่ามันควรเป็นยังไงเท่านั้นเอง”
ถ้าวิตเตนแฟนพันธุ์แท้สตาร์วอร์สอยู่ด้วย เขาต้องมาร่วมบทสนทนาด้วยแน่นอน
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ เขากำลังแสดงบนเวที
หลังภาพยนตร์ไลฟ์แอคชันจบลง ทุกคนก็ไปสนุกกับเทศกาลตามทางของตน
ยกตัวอย่าง หมากรุก
หรือเต้นรำคลอเสียงเพลง
หรือแลกของขวัญคริสต์มาสกัน
“โอ้ ทำไมถึงเป็นลูกบอลอีกแล้วล่ะ? ฉันได้มาห้าลูกแล้วนะ” ฮาร์ดี้กล่าวขณะถือลูกฟุตบอลอยู่ในมือ จากนั้นเขาก็ถาม “คุณคิดว่าคนบราซิลทุกคนชอบฟุตบอลเหรอ?”
ฉินเยว่ยิ้ม “ฉันไม่รู้จะให้อะไรคุณแล้วนี่”
“ไม่เป็นไร มีลูกบอลอีกลูกฉันก็ไม่คิดมากหรอก ขอบใจนะ” ฮาร์ดี้ยิ้มเผยให้เห็นฟันซี่ขาว จากนั้นเขาก็ให้ของขวัญที่ห่ออย่างดีแก่ฉินเยว่ “นี่เป็นของคุณ”
ฉินเยว่เขย่ากล่องแล้วอดเดาไม่ได้ว่ามันคืออะไร จากนั้นเขาก็ถาม “มันคือ?”
ฮาร์ดี้ยิ้ม “ปิงปอง”
ฉินเยว่ “…”
ฮาร์ดี้ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของฉินเยว่ เขาถือกล่องช็อกโกแลตอยู่ในมือและมองไปโดยรอบ
“จะว่าไป เวร่าอยู่ไหน? ฉันไม่เห็นเธอเลย”
ฉินเยว่ถอนหายใจ “คุณลืมไปแล้วเหรอ? วันนี้เราวางแผนจะบอก’เรื่องนั้น’กับศาสตราจารย์”
จู่ๆ ฮาร์ดี้ก็รู้สึกไม่พอใจ
“เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าเราจะไปบอกเขาพร้อมกันเหรอ?”
ฮาร์ดี้อุส่าตั้งหน้าตั้งตารอดูสีหน้าของศาสตราจารย์ลู่ แต่ตอนนี้เพื่อนเขามาบอกว่าชัยชนะเขาโดนขโมยไปแล้ว
ฉินเยว่พลันมีสีหน้าแปลกๆ
“…สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ฉันคิดว่าให้เวร่าไปบอกศาสตราจารย์เองดีที่สุด”
แม้ว่าฉินเยว่จะเป็นคนเก็บตัว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ช่างสังเกต เขาบอกได้จากสายตาของเวร่าที่มองศาสตราจารย์ลู่ และเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่ความชื่นชม
“โอ้ งั้นเธอก็แย่งซีนไปหมดเลยสิ” ฮาร์ดี้บ่นอุบอิบ “เราร่วมมือกัน แต่ทำไมเธอถึงเป็นคนเดียวที่จะได้คำชมจากศาสตราจารย์ล่ะ…”
ฉินเยว่ “…”
คำชมบ้าอะไรกัน?!
คุณไม่ได้เป็นนักเรียนประถมแล้วนะ…
ฉินเยว่รู้มาตลอดว่าเพื่อนเขามีปัญหาทางสมอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่สมองแล้ว สายตาเขาก็มืดบอด
ฉินเยว่กระแอมแล้วอธิบายสั้นๆ
“เอาล่ะ เลิกบ่นได้แล้ว งานเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นฝีมือเธอ ฉันไม่สนว่าคุณจะชอบหรือไม่ แต่เธอมีสิทธิ์ทำแบบนี้”
ฮาร์ดี้ดูไม่พอใจ
“คุณสนับสนุนเธอเหรอ?”
ฉินเยว่ยักไหล่ “ฉันสนับสนุนศาสตราจารย์ลู่เสมอ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ลู่โจวที่พึ่งแสดงเสร็จก็เดินออกจากหลังเวที
เขาบังเอิญเจอกับเวร่า
สาวน้อยดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ลู่โจวจึงเอ่ยขึ้นมาก่อน
“คุณอยากพูดอะไรไหม?”
เวร่าพยักหน้า “คุณ…มากับฉันได้ไหม?”
ลู่โจวกล่าว “ของขวัญคริสต์มาสเหรอ?”
เวร่าพยักหน้าอย่างเป็นกังวล “ใช่!”
ลู่โจวดูสาวน้อยที่กำลังกังวลแล้วยิ้ม
“งั้นก็นำทางไปเลย”
ลู่โจวเดินตามเวร่าไปตามทางเดิน
พวกเขาเดินกันอยู่สักพัก ลู่โจวจึงถามอย่างอดไม่ได้
“ของขวัญเป็นความลับขนาดนี้เลย?”
เวร่าส่ายหน้าและไม่ได้พูดอะไร
ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงห้องเรียนเปล่า
ลู่โจวมองประตูที่ปิดสนิทและรู้สึกแปลกเล็กน้อย
“ฉันเข้าไปได้ไหม?”
“ค่ะ!”
เวร่าพยักหน้า
ลู่โจวเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้องเรียน เขาก็ช็อก
มีกระดานดำสิบอันอยู่ตรงหน้าเขา
บนกระดานดำมีสูตรสมการถูกเขียนไว้อย่างแน่นหนา ความงดงามของคณิตศาสตร์ดึงดูดสายตาของลู่โจวไป
เวลาไหลผ่านไปช้าๆ
หิมะกำลังตกอยู่นอกหน้าต่าง สายลมหนาวพัดหวีดหวิว
มันเหมือนกับหิมะสีขาวที่กำลังล่องลอยมาตกอยู่บนกระดานดำ
ลู่โจวจ้องมองกระดานดำกว่าครึ่งชั่วโมง
จู่ๆ เขาก็เผยรอยยิ้มสดใส
“ขอบคุณ”
“นี่เป็น…สิ่งที่สวยงามที่สุดที่ฉันเห็นในปีนี้แน่นอน”
………………………………….