มีประกาศผ่านลำโพงเครื่องบิน
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน พวกเราได้นำท่านมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อความปลอดภัยของท่าน โปรดกลับไปนั่งที่ เก็บโต๊ะข้างหน้าและคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย อุณหภูมิภายนอก 2 องศาเซลเซียส ขอบคุณที่มาบินกับเรา พวกเราหวังว่าท่านจะเดินทางอย่างมีความสุข!”
หลังจากบินมานานกว่าสิบชั่วโมง เครื่องบินก็ลงมาจอดที่สนามบินนานาชาติปักกิ่ง
ชายที่นั่งอยู่ข้างลู่โจวลุกขึ้นยืนและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ลู่โจวยิ้มและส่ายศีรษะ
เขาไม่รู้ทำไมชายกลางคนถึงยังทำงานเป็น’เซลล์’ได้โดยไม่ล้มละลาย
“ไปกันเถอะ”
“ป่ะ”
ทั้งสองเดินตามผู้โดยสารคนอื่นไปทางออก
อย่างไรก็ตามเหล่าคนที่อยู่ตรงหน้าเดินไปช้ามาก
ในที่สุดลู่โจวก็มาถึงทางออก อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินลงบันไดเครื่องบิน เขาก็อึ้งกับสิ่งที่เห็น
มีกลุ่มคนสวมชุดสูทกำลังรอเขาอยู่ด้านล่างบันไดเครื่องบิน
แม้ลู่โจวจะรู้ว่ามีคนมารับเขาที่สนามบิน แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนมารับเขาที่สนามบินมากมายขนาดนี้…
เฉินยู่ซานที่ยืนอยู่ข้างเขาก็อึ้งเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ทำไมเธอถึงอึ้งนั้นต่างจากเหตุผลของลู่โจว
เธอไม่คิดเลยว่าพ่อของเธอที่อ้างว่ายุ่งเกินจนมารับเธอที่สนามบินไม่ได้กำลังยืนอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงสิบเมตร
พ่อและลูกสาวสบตากันแล้วตกอยู่ในความเงียบ
นักวิชาการเซี่ยงหัวหนานเฝ้าดูลู่โจวเดินลงมาจากบันไดเครื่องบิน จากนั้นเขาก็ยื่นมือขวาออกมาอย่างกระตือรือร้น
“ศาสตราจารย์ลู่ ไม่ได้พบกันนาน!”
ลู่โจวมองชายชราด้วยความประหลาดใจ
“นักวิชาการเซี่ยง?”
“ฮ่าๆ ดูเหมือนคุณจะยังไม่ลืมฉันนะ”
“ผมจะลืมคุณได้ยังไง?” ลู่โจวยิ้มและจับมือกับชายชรา “คุณสบายดีไหม?”
“สบายดี!” นักวิชาการเซี่ยงหัวหนานกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ฉันได้ยินมาว่าคุณชนะรางวัลฮอฟแมนที่เยอรมัน ความสำเร็จของคุณนำพาเกียรติยศมาสู่ชุมชนวิชาการจีนในเวทีระดับโลก!”
ลู่โจวตอบอย่างถ่อมตน “นั่นก็แค่ชื่อเสียงที่ไม่สอดคล้องกับความจริง ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย”
นักวิชาการเซี่ยงโบกมือ “ไม่ต้องถ่อมตนหรอก สถาบันวิทยาศาสตร์จีนจัดประชุม’แบบจำลองเชิงทฤษฏีของโครงสร้างพื้นผิวเคมีไฟฟ้า’ให้คุณโดยเฉพาะ ศาสตราจารย์อาวุโสหลายคนของสถาบันเคมีได้ดูแบบจำลองของคุณ พวกเขาคิดว่ามันจะส่งผลต่อวัสดุพอลิเมอร์แน่นอน!”
ลู่โจวยิ้ม แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ทันใดนั้นเองก็มีชายชราอีกคนยิ้มให้เขา
“ศาสตราจารย์ลู่ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”
ลู่โจวไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน เขาจึงเอ่ยถาม “คุณคือ?”
นักวิชาการเซี่ยงยิ้ม “ท่านนี้เป็นผู้นำกระทรวงอัจฉริยะ หม่าเกาหยาง”
กระทรวงอัจฉริยะ?
ลู่โจวไม่รู้ว่ากระทรวงนี้มีหน้าที่อะไร และเขาก็ไม่รู้ว่ากระทรวงนี้มีสถานะเป็นยังไง แต่เขาจำได้คลุมเครือว่า’โครงการพันอัจฉริยะ’
พูดง่ายๆ สถานะของพวกเขาสูงพอควร
“ผู้นำอะไรกัน…” หม่าเกาหยางโบกไม้โบกมือแล้วยิ้มให้ลู่โจว “ถ้าเธอไม่คิดมาก จะเรียกฉันอาม่าก็ได้”
ลู่โจวทำตามอีกฝ่าย “ยินดีที่รู้จักครับอาม่า”
หม่าเกาหยางพยักหน้า “บินมานานแบบนี้เธอต้องเหนื่อยแน่ เราไปคุยกันในรถเถอะ”
ขณะที่ลู่โจวคุยกับนักวิชาการเซี่ยงกับหม่าเกาหยาง คนที่ลงจากเครื่องเที่ยวเดียวกับลู่โจวก็เริ่มคุยกันเอง
“นั่นใครน่ะ?”
“ฉันคิดว่าเป็นศาสตราจารย์คณิตศาสตร์นะ”
“ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์? ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์อะไรกันจะดังขนาดนี้? เขาไม่ใช่ดาราเหรอ?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีคนหนึ่งที่อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “เขาไม่ใช่ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ธรรมดา เขาสุดยอดกว่าดาราบางคนซะอีก”
“ใครอะ?”
“ลู่โจว”
“ลู่โจว? เขาคือใครกัน?”
“คนที่แก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค ศาสตราจารย์ลู่ไง!”
คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องรางวัลฮอฟแมนและรางวัลคราฟอร์ด แถมพวกเขายังไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวชุมชนวิชาการล่าสุด…
แต่เมื่อพูดถึงข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค…
แม้แต่นักเรียนประถมก็ยังเคยได้ยินข้อคาดการณ์นี้เลย
“เชี่ย?! เป็นเขาหรอกเหรอ?!”
…
ลู่โจวกำลังคุยกับเซี่ยงหัวหนานอยู่บนรถ
“ช่วงนี้คุณวิจัยเรื่องอะไร?”
“สมการนาเวียร์-สโตกส์”
“สมการนาเวียร์-สโตกส์?” นักวิชาการเซี่ยงมองมาทางเขาอย่างแปลกใจ “มันเป็นปัญหารางวัลมิลเลนเนียมของสถาบันเคลย์งั้นเหรอ?”
“ครับ” ลู่โจวพยักหน้า
“…คุณเป็นคนหนุ่มสาวที่กระตือรือร้นจริงๆ” นักวิชาการเซี่ยงหัวหนานกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “มันคงดีถ้าคุณแก้ปัญหานี้ได้”
นักวิชาการเซี่ยงหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ฉันรู้เรื่องทฤษฎีจำนวนเพียงเล็กน้อย แต่สมการเชิงอนุพันธ์ย่อยอยู่นอกเหนือขอบเขตวิจัยฉัน ฉันจึงคุยกับคุณไม่ได้มาก อย่างไรก็ตามมีดอกเตอร์หลายคนที่สถาบันวิทยาศาสตร์จีนที่วิจัยสาขานี้ คุณอยากคุยกับพวกเขาไหม?”
“ตอนนี้?”
แม้ว่าลู่โจวจะสนใจ แต่เขาจำเป็นต้องพัก
“ย่อมไม่ใช่ตอนนี้อยู่แล้ว” นักวิชาการเซี่ยงยิ้ม “ฉันจะพาคุณไปโรงแรมก่อน! คุณพึ่งเดินทางมานาน คุณพักก่อนเถอะสักสองสามวัน”
บนรถอีกคัน
พ่อกับลูกสาวมองหน้ากันไปมาพักใหญ่โดยไม่ได้พูดอะไร
สุดท้ายก็เป็นเฉินยู่ซานที่ทำลายความเงียบ
“พ่อ”
“อืม”
“ไม่ใช่ว่าพ่อบอกหนู…ว่าวันนี้พ่อมีประชุมหรอกเหรอ?”
เฉินเป่าฮว่ากระแอม “บริษัทบอกให้พ่อมา พ่อพึ่งได้รับแจ้งตอนเข้าประชุมตอนบ่าย”
เฉินยู่ซาน “…”
จากนั้นเฉินเป่าฮว่าก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงของพ่อ “ลูกรู้จักเขาเหรอ?”
แม้ว่าเฉินยู่ซานจะไม่พอใจกับน้ำเสียงพ่อ แต่เธอก็ยังตอบไปตามจริง
“ค่ะ”
เฉินเป่าฮว่าถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลูกรู้จักเขาได้ยังไง?”
เฉินยู่ซานตอบอย่างระมัดระวัง “จากมหาวิทยาลัย”
เฉินเป่าฮว่าถาม “ทำไมลูกไม่บอกพ่อล่ะ?”
เฉินยู่ซานไม่รู้จะบอกยังไง เธอจึงกล่าว “พ่อไม่ได้ถามหนู…หนูไม่คิดว่าหนูต้องเล่าเรื่องทุกคนที่หนูรู้จักให้พ่อฟังหรอกนะ”
เฉินเป่าฮว่าตระหนักถึงคำถามโง่ๆของตนเอง เขาจึงพยายามเปลี่ยนหัวข้ออย่างกระอักกระอ่วน
“ลูกรู้ไหมว่าเขาทำอะไร?”
“ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์พรินซ์ตัน…พ่อ เขาทำผิดกฎหมายเหรอ?” เฉินยู่ซานถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
เธอไม่เห็นลู่โจวเลยนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาในรถ
พูดตามตรง เฉินยู่ซานเป็นห่วงมาก แต่เธอหาจังหวะดีๆ ถามไม่ได้
“ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว” เฉินเป่าฮว่ากระแอม “งั้นเราคงไม่มารับเขาหรอก”
เฉินยู่ซานโล่งอก
ขอบคุณพระเจ้าที่เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
เฉินเป่าฮว่าไม่อยากพลาสโอกาสไป เขาจึงถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกลูกเป็นอะไรกัน?”
เฉินยู่ซานตอบ “เราเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นกัน”
เฉินเป่าฮว่า “…”
……………………………….