“ผู้ชนะคนที่สามคือ…”
“ลู่โจว!”
เสียงประกาศของพิธีกรยังคงเล่นซ้ำอยู่ในหัวของนักวิชาการหรู ก้นบุหรี่ที่อยู่ในที่เขี่ยบุหรี่ดับไปนานแล้ว
พิธีมอบรางวัลดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ทีวีกำลังถ่ายทอดสดการมอบรางวัล
ลู่โจวเดินขึ้นไปบนโพเดียม และรับประกาศนียบัตรสีแดงสดจากชายชรา
นักวิชาการหรูจ้องมองหน้าจอโทรทัศน์อยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสะเทือนอารมณ์ “…ปีนี้เบื้องบนใจกล้าจริงๆ”
นักวิชาการสวี่ก็จ้องมองประกาศนียบัตรสีแดงสดบนหน้าจอโทรทัศน์เช่นกัน เขามีความสุขมากที่ได้เห็นลูกศิษย์ของตนเองประสบความสำเร็จ แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกลังเล
“คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกัน?”
“ดีสิ!” นักวิชาการหรูจุดบุหรี่อีกมวล “นี่เป็นรางวัลวิทยาศาสตร์ระดับชาติอันดับหนึ่ง มันจะไม่ดีได้ไง? ขนาดฉันยังอยากสลับชื่อของฉันไปใส่ในรางวัลของเขาเลย”
นักวิชาการมีมาใหม่เสมอ แต่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ส่งผลต่อโลกนั้นมีไม่บ่อยนัก มีความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์น้อยมากที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
มันก็เหมือนกับนักฟิสิกส์และวิศวกรที่ทำงานใน CERN นับหมื่นคน ทุกคนต่างก็มีบทบาทสำคัญ แต่ไม่ใช่ว่าผลงานของทุกคนจะได้รับการยอมรับ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ชนะรางวัลโนเบล
นักวิชาการหรูมีความสำเร็จมากมายในชีวิต แต่ไม่มีความสำเร็จไหนเลยที่โดดเด่นจนได้รับรางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติระดับชาติอันดับหนึ่ง
ในทางตรงกันข้าม รางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงสุดเหมาะกับเขามากกว่า
แน่นอน เขาแค่พูดล้อเล่น
เขาย่อมไม่สามารถเปลี่ยนชื่อของรางวัลได้
นักวิชาการสวี่เห็นว่านักวิชาการหรูเข้าใจเขาผิด เขาจึงส่ายหน้าแล้วกล่าว “ฉันหมายถึงการได้รับรางวัลนี้ตอนอายุเท่านี้เป็นเรื่องที่น่าจดจำ เขายังเด็ก การเป็นจุดสนใจในตอนนี้อาจไม่ใช่เรื่องดี”
ความกังวลของนักวิชาการสวี่ไม่ได้ไร้เหตุผล เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นในชุมชนวิชาการมาก่อน
แม้ว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงจะเป็นมหาวิทยาลัยที่แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากเหตุผลหลายประการ อิทธิพลในประเทศของมหาลัยจินหลิงไม่ได้อยู่อันดับต้นๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสนับสนุนลู่โจวได้มากนัก
“สิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้เขาไม่ได้ชนะรางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติระดับชาติ แต่ผู้คนก็ยังอิจฉาเขาอยู่ดี ประเทศจีนมีผู้ชนะรางวัลคราฟอร์ดหรือรางวัลโนเบลกี่คนเชียว? มันคงแปลกแล้วถ้าลู่โจวไม่เป็นที่สนใจแบบนี้!”
นักวิชาการหรูยิ้มและมองออกไปนอกหน้าต่าง จากนั้นเขาก็กล่าว “ถ้าผู้คนอิจฉาเขา แล้วมันจะส่งผลต่อเขายังไง?”
เมื่อนักวิชาการสวี่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ชะงัก
ทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
“คุณพูดถูก”
คนที่โดดเด่นมักจะถูกโจมตีอยู่เสมอ
วิชาการก้าวหน้าได้จากการอภิปรายและการถกเถียง และการอภิปรายก็ย่อมเกิดการโต้แย้ง บางคนรับมือกับการโต้แย้งได้ บางคนก็ไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ยิ่งโดดเด่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องเรียนรู้ทางสายกลางมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามกฎนี้ใช้กับคนธรรมดาเท่านั้น
ถ้าความสามารถสูงพอที่จะขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด ความสำเร็จมากพอที่จะไปอยู่บนจุดสูงสุดของประวัติศาสตร์ พวกเขาจะสนใจคำวิจารณ์หรือความอิจฉาไปทำไมกัน?
ถ้าหากเป็นแบบนั้น ความกังวลของนักวิชาการสวี่ก็เป็นเรื่องที่คิดมากไปเองแล้ว…
…
มีเสียงอุทานด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นมาจากสถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิง
“สุดยอด! รางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอันดับหนึ่ง!”
คำอุทานของหลิวโปดึงดูดความสนใจของนักวิจัยคนอื่นๆ ในออฟฟิศ หลายคนหยุดงานในมือแล้วเดินเข้ามาหา
เมื่อพวกเขาเห็นรางวัลบนหน้าจอ พวกเขาก็ช็อกพอๆ กับหลิวโป
“นี่คือ…เถ้าแก่ของเราเหรอ?”
“เขาเก่งจริงๆ…”
“รางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอันดับหนึ่ง? ที่มหาลัยจินหลิงก็มีไม่มากนักใช่มั้ย?”
“คุณคิดว่าจะมีกี่คนเชียว? แค่คนเดียวก็ถือว่าสุดยอดแล้วเข้าใจมั้ย? ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนที่มีคนชนะรางวัลนี้คือปี 2006 นักวิชาการหมินจากสาขาฟิสิกส์ของเราชนะรางวัลนี้และได้รับคัดเลือกเป็นนักวิชาการในปีถัดไป!”
“แล้วคุณคิดว่าเถ้าแก่ของเราจะเป็นนักวิชาการได้ไหม?”
“ฉันไม่รู้ นักวิชาการอาจจำเป็นต้องมีประสบการณ์ทำงานในประเทศ ฉันได้ยินว่าการแข่งขันดุเดือดมาก แต่ถ้าเทพลู่ต้องการ มันไม่น่ายากเท่าไหร่…”
เฉียนจ้งหมิงจ้องมองหน้าจออยู่ตลอดเวลา เขาค่อนข้างประหลาดใจ
“นี่เป็น…รางวัลสูงสุดในประเทศแล้วใช่ไหม?”
มีเพียงรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงสุดเท่านั้นที่สูงกว่า
อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะถูกเรียกว่ารางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี’สูงสุด’ แต่มันเป็นรางวัลความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั้งชีวิต นี่หมายความว่ารางวัลนี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผลการวิจัยเดียว คณะกรรมการจะดูผลงานตลอดชีวิตของนักวิจัยแทน
และมันก็หมายความว่ารางวัลนี้จะมอบให้แก่ผู้อาวุโสกว่าเท่านั้น
ในแง่ของคุณค่า มันนำมาเปรียบเทียบกันได้ยาก
รางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงสุดน่าเคารพมากกว่า ส่วนอีกรางวัลก็มีคุณค่าทางวิชาการมากกว่า
ด้วยอายุของลู่โจว นี่เป็นรางวัลสูงสุดในประเทศที่เขาได้รับแล้ว!
เฉียนจ้งหมิงไม่ใช่คนเดียวที่รู้เรื่องนี้
เวลานี้ ลู่โจวกำลังยืนอยู่บนเวที
ย้อนกลับไปตอนที่เขาอยู่ใต้เวที แม้แต่ตอนที่เขาได้ยินชื่อของตัวเอง เขาก็ยังรักษาความสงบของตัวเองได้
แต่พอได้มายืนอยู่บนเวที เป็นศูนย์กลางของความสนใจ ลู่โจวพลันรู้สึกเหมือนห้วงเวลาไหลช้าลง
เขารับประกาศนียบัตรสีแดงเข้มมาจากชายชรา และเขาก็ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตนเอง
หลังได้รับประกาศนียบัตร ลู่โจวก็จับมือกับชายชรา
เมื่อเขาปล่อยมือ ชายชราก็เผยรอยยิ้มให้เขา
“ประหม่าไหม?”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วตอบตามความจริง
“นิดหน่อย”
“พ่อหนุ่ม กดดันเป็นเรื่องดี มันคือแรงจูงใจ!” ชายชราตบบ่าลู่โจวและพยักหน้าเบาๆ “ทำได้ดีมาก!”
ลู่โจวกล่าว “ขอบคุณครับ”
บางทีมันเป็นเพราะชายชราประเมินลู่โจวไว้สูง เขาจึงกล่าวชมเพิ่ม
เพียงเพราะชายชราพูดชมเพิ่มไม่กี่คำ ลู่โจวก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่หลากหลายมาจากรอบข้าง
อิจฉาเหรอ?
นิดหน่อย
ชื่นชมเหรอ?
รู้สึกจะนิดหน่อยเหมือนกัน
เร่าร้อนเหรอ?
ฉันไม่รู้…
ลู่โจวรู้สึกถึงสายตาของทุกคนที่จ้องมองมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าประกาศนียบัตรสีแดงในมือมีน้ำหนักมากขึ้น
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงโน้มถ่วง…
อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับประกาศนียบัตร
………………………………….