สำหรับนักวิจัยวิทยาศาสตร์ แค่การได้ทดลองอย่างเดียวก็ถือเป็นเรื่องที่โชคดีแล้ว อย่างไรก็ตามทุกคนก็ยังต้องการให้คุณภาพชีวิตของตนเองสูงขึ้นอยู่ดี
ลู่โจวไม่ต้องการนักวิจัยที่ไม่ตั้งใจ เขาต้องการทีมวิจัยที่มีประสิทธิภาพ มีประสบการณ์และมีทีมเวิร์ค
ขณะที่ประสบการณ์สามารถหาได้จากการทำโปรเจกต์วิจัย ค่าตอบแทนเป็นสิ่งที่รักษาบุคคลที่มีความสามารถเอาไว้
ลู่โจวรู้สึกว่าเนื่องจากเขาหาเงินได้มากกว่ารายจ่าย เขาจึงแบ่งปันผลประโยชน์ให้นักวิจัยที่ติดตามเขาบ้างจะดีกว่า
ท้ายที่สุดแล้วการวิจัยวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถทำโดยคนๆเดียว โดยเฉพาะตอนที่สร้างวัสดุ HCS-2 ทีมวิจัยของเขาช่วยเหลือได้มากทีเดียว
ลู่โจววางแผนใช้เงินยี่สิบล้านหยวนเป็นเงินโบนัสให้สถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิง ค่าตอบแทนของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับผลงานในวิทยานิพนธ์
มันไม่ใช่แค่สถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิงเท่านั้น ลู่โจวยังใช้เงินหลายล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐเป็นโบนัสให้ห้องปฏิบัติการซารอท
เมื่อลู่โจวออกมาจากสถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิง เขาก็ไปทานมื้อเย็นกับหวังเผิง จากนั้นพวกเขาก็ไปหาโรงแรมใกล้ๆแล้วเปิดห้องสองห้อง
ลู่โจวเปิดกระเป๋า หลังจากนั้นเขาก็เปิดโน้ตบุ๊คแล้วส่งอีเมลให้ผู้จัดการสตาร์สกายเทคโนโลยี ไวท์ เชอร์รีแดน
เมื่อเขากำลังจะปิดเครื่องโน้ตบุ๊ค เขาก็ได้รับเมลฉบับหนึ่ง
มันเป็นอีเมลจากศาสตราจารย์เลเซอร์สันในเยอรมัน
[…เรียนศาสตราจารย์ลู่โจว ฉันมาแจ้งข่าวที่น่าตื่นเต้น เทคโนโลยี He3 อะตอมโพรบถูกนำไปใช้กับเวนเดลสไตน์ 7-X แล้ว! ผลที่ได้จากการทดลองค่อนข้างน่าพอใจ และอนุภาค He-3 ที่ถูกปล่อยออกมาภายใต้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ถูกจำกัดทะลวงผ่านพลาสมาและประสบกับวัสดุเป้าหมายได้สำเร็จ]
[ตอนแรก แคริเบอร์ไม่เชื่อมั่นอุปกรณ์ของเรา เพราะเขาเชื่อว่าพลาสมาอุณหภูมิสูงจะส่งผลให้เกิดผลที่คาดไม่ถึง แต่กลายเป็นว่าความกังวลของเขาสูญเปล่า!]
[เรารวบรวมข้อมูลพารามิเตอร์อย่างอุณหภูมิพลาสมา ความหนาแน่นและอื่นๆ ได้สำเร็จ ข้อมูลนี้แม่นยำกว่าทุกข้อมูลที่ได้มาจากเทคนิคการสังเกตพลาสมาก่อนหน้านี้เสียอีก ถ้าคุณอยู่ด้วย คุณจะได้สัมผัสกับความตื่นเต้นที่ฉันพึ่งพูดถึง!]
[ฉันแนบข้อมูลที่เกี่ยวข้องในอีเมลแล้ว ถ้าคุณสามารถคัดแยกข้อมูลแล้วพบสิ่งที่เป็นประโยชน์ โปรดติดต่อหาฉันด้วย ฉันหวังว่าคุณจะสร้างความประหลาดใจให้เรามากขึ้น แต่ถ้าคุณหาไม่พบก็ไม่เป็นไร เพราะเทคโนโลยีของเราคืบหน้าไปมากแล้ว]
[ส่วนวิทยานิพนธ์เทคโนโลยี He3 โพรบ ฉันแนะนำให้ส่งระหว่างงานประชุม ITER ถ้าคุณมีคำแนะนำอันใด โปรดตอบกลับมาโดยเร็วที่สุด…]
เมื่อลู่โจวอ่านเมลจบ เขาก็ยิ้ม
โปรเจกต์วิจัยที่ทำให้เขากังวลในที่สุดก็มีความคืบหน้าบ้างแล้ว ความสามารถในการรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องของพลาสมาอุณหภูมิจะช่วยขับเคลื่อนความคืบหน้าของสาขานิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ของทั้งโลก
อย่างไรก็ตามสำหรับลู่โจวแล้ว นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์วิจัยความปั่นป่วนในพลาสมา…
[ฉันเห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณ]
งานประชุม ITER เป็นงานประชุมแลกเปลี่ยนแบบเปิดที่เกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญฟิสิกส์ของพลาสมาจากทั่วทุกมุมโลก มันเทียบเท่ากับ CERN ของสาขาฟิสิกส์เชิงทฤษฎี
ดูเหมือนจะไม่มีสถานที่ส่งวิทยานิพนธ์ไหนที่ดีกว่างานประชุมนี้แล้ว
ลู่โจวพิมพ์คำตอบแล้วกด’ส่ง’ จากนั้นเขาก็เปิดดูเมลของศาสตราจารย์เลเซอร์สันอีกครั้ง
เมื่อเขาดาวน์โหลดและเปิดไฟล์แนบเสร็จ เขาก็อดใจรอเปิดกราฟและรูปภาพต่างๆ แทบไม่ไหว
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดลู่โจวก็อ่านข้อมูลทั้งหมดเสร็จ จากนั้นเขาก็เอนกายพิงเก้าอี้และบิดขี้เกียจ
ยาก!
ยากมาก!
สิ่งนี้มันซับซ้อนกว่าแบบจำลองคณิตศาสตร์ที่เขาเคยสร้างมานับพันนับหมื่นเท่า ความยากของมันเพิ่มขึ้นเป็นทบทวี
แม้เขาจะมีคณิตศาสตร์ระดับหกและฟิสิกส์ระดับสี่แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันยากอยู่ดี
“ฉันควรใช้ช่วงเวลาแห่งการเกิดแรงบันดาลใจไหม?”
ลู่โจวมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ราวห้านาที สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าแล้วล้มเลิกความคิด
ช่วงเวลาแห่งการเกิดแรงบันดาลใจของระบบใช้แล้วหยุดไม่ได้
เมื่อเทียบกับปัญหาปรากฏการณ์ความปั่นป่วนในพลาสมา สำหรับลู่โจวแล้ว สมการนาเวียร์-สโตกส์มีความสำคัญมากกว่า เขาไม่สามารถใช้อาวุธลับไปกับงานที่สำคัญน้อยกว่า
ลู่โจวปิดโน้ตบุ๊ค
ทันใดนั้น จู่ๆ เขาก็จำได้ว่าเขายังมีจดหมายที่ยังไม่ได้เปิดอ่านของนักวิชาการหรู
เขาหยิบจดหมายออกมา ฉีกซองจดหมายออกแล้วพบว่ามันไม่ใช่กระดาษจดหมายธรรมดา แต่มันเป็นกระดาษสี่เหลี่ยมสีแดงพับครึ่ง
เขาเปิดกระดาษแล้วเห็นข้อความสองประโยค
[หากมิสมถะก็จะมิอาจแจ้งในปณิธาน หากมิสงบก็จะมิอาจตรองการณ์ไกล]
ลู่โจวอ่านทั้งสองประโยคแล้วยิ้มมุมปาก
“คำแนะนำที่ดี”
ลู่โจวไม่คิดเลยว่าชายชราจะเชี่ยวชาญทั้งฟิสิกส์เชิงทฤษฎีและการประดิษฐ์อักษร
ลู่โจวไม่รู้เรื่องการประดิษฐ์อักษรเลย
แต่ถึงกระนั้น ชายชราก็ทำให้ลู่โจวสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของการประดิษฐ์อักษร
“ฉันจะเอาไปแขวนไว้ตอนวันตรุษจีน”
มันเริ่มดึกแล้ว ลู่โจวจึงพับจดหมายแล้วยัดกลับเข้าไปในซอง จากนั้นเขาก็หยิบเสื้อผ้าสะอาดจากกระเป๋าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ
…
เช้าวันถัดมา ณ สถาบันวัสดุเชิงคำนวณ
แม้ว่ามันยังมีอีกหลายสัปดาห์กว่าจะถึงวันตรุษจีน แต่สถาบันวิจัยก็มีบรรยากาศของเทศกาลแล้ว
เพราะวันนี้…เป็นวันโบนัสออก
ทีมวิจัยใช้เวลาทั้งเดือนเพื่อเฝ้ารอสิ่งนี้
เฉียนจ้งหมิงดูเกียจคร้าน ในขณะที่หลิวโปเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “นายได้โบนัสเท่าไหร่?”
การถามโบนัสของคนอื่นในที่ทำงานเป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน แถมมันยังไม่มีกฎห้ามพูดเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่านี่เป็นห้องแล็บที่บางคนยินยอมทำงานให้ฟรีด้วยซ้ำ ดังนั้นกฎการทำงานปกติจึงไม่อาจนำมาใช้กับที่นี่
เฉียนจ้งหมิงดูข้อความเงียบๆแล้วพูดพึมพำเบาๆ “ฉันได้แปดแสนแปดหมื่นแปดพัน…มันไม่ผิดพลาดใช่ไหม?”
“เชี่ย! แปด…”
หลิวโปช็อกกับตัวเลขของอีกฝ่าย ร่างกายเขาแข็งค้างเหมือนถูกหยุดเวลาไว้
หลังจากนั้นสักครู่ เขาก็ได้รับข้อความเช่นกัน
เขาดูหน้าจอโทรศัพท์และพูดตอบ “ฉันพูดอย่างมั่นใจได้เลยว่ามันไม่ได้ผิดพลาด”
เฉียนจ้งหมิงถาม “แล้วนายได้เท่าไหร่?”
หลิวโปกลืนน้ำลาย
“ฉัน…ได้หกแสนหกหมื่นหกพัน”
เฉียนจ้งหมิง “…”
หลิวหงที่นั่งอยู่มุมออฟฟิศมองดูเงินโบนัสหนึ่งแสนหยวนแล้วแทบร้องไห้
ตอนที่เขาทำงานให้กับหวังไห่เฟิง เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนเลย
ในที่สุดเขาก็มีปัญญาเช่าบ้านที่ดีกว่าเดิมแล้ว
หยางสวี่เป็นคนที่เงียบที่สุดในออฟฟิศอย่างไม่ต้องสงสัย
และโบนัสของเขาก็สูงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน
หนึ่งล้านห้าแสนหยวน…
เมื่อเขาเห็นตัวเลขนี้ มือไม้เขาถึงกับสั่น
แผนเดิมของเขาคือประหยัดสักสองปีเพื่อซื้อบ้านในจินหลิง แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาไม่จำเป็นต้องรอถึงสองปีแล้ว
โบนัสก้อนนี้น่ากลัวเกินไป!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาขาวัสดุศาสตร์ที่เงินเดือนน้อยนิด…
หยางสวี่นึกถึงคำพูดที่ลู่โจวพูดกับเขา และจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าภาระบนบ่าเหมือนจะหนักหนาขึ้น…
………………………………….