ไม่กี่วันมานี้ ลู่โจวเตร็ดเตร่ไปทั่วมหาลัยจินหลิง
เขาทั้งไปเยี่ยมเยือนอาจารย์เก่าที่เขารู้จักและศึกษาสมการนาเวียร์-สโตกส์อยู่ในห้องโรงแรม
เขามีกิจกรรมทางสังคมมากมายที่ต้องเข้าร่วมในจีน ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาแก้ปัญหาคณิตศาสตร์มากนัก
แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็มีเวลามาโฟกัสกับปัญหาคณิตศาสตร์ต่อ
นอกจากการศึกษาปัญหาคณิตศาสตร์ที่ห้องโรงแรม ลู่โจวจะไปห้องสมุดของมหาลัยจินหลิงและสัมผัสถึงความรู้สึกตอนเป็นนักศึกษา
ความรู้สึกนี้ทำให้เขามีวิธีคิดแก้ปัญหาจากมุมมองที่ต่างออกไป มันมักจะทำให้เขามีแรงบันดาลใจที่คาดไม่ถึง
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็ถึงวันที่ 18 มกราคม
สหายจากหอพักสองศูนย์หนึ่งตัดสินใจนัดเจอกันก่อนวันแต่งสองวัน
สถานที่นัดเจอกันย่อมเป็นร้านอาหารเมนูปลา
พวกเขาสั่งปลาย่างกับเบียร์
ขณะที่ดื่มกัน ทั้งสี่ก็คุยโวไปพลางหัวเราะไปพลาง
“โจว แก้วนี้ฉันขอดื่มให้นาย…” หลิวรุ่ยชนแก้วกับลู่โจว “ฉันเห็นนายในข่าวไม่กี่วันก่อน ฉันไปโม้กับสาวบอกว่าเราเคยนอนด้วยกันมาก่อน เธอไม่เชื่อฉันจนกระทั่งฉันโชว์รูปให้เธอดู ขอแสดงความยินดีที่ชนะรางวัลระดับประเทศอีกครั้ง ฉันขอบคุณนายด้วยที่ทำให้ฉันโม้ต่อหน้าสาวได้”
ลู่โจวแทบสำลักเบียร์ “…ด้วยความยินดีๆ แต่ครั้งหน้านายอย่าพูดให้คนอื่นชวนเข้าใจผิดสิ”
ลู่โจวต้องยอมรับเลยว่า หลังจบจากมหาลัยเยี่ยน จิตใจของหลิวรุ่ยเติบโตขึ้นมามาก
ถ้าเป็นแต่ก่อน หลิวรุ่ยเห็นลู่โจวในข่าว เขาคงปิดทีวีไปแล้ว
แต่ตอนนี้เขาสามารถอ่านข่าวได้อย่างใจเย็นโดยไม่ทุกข์ร้อน
ตอนสมัยเรียนหลิวรุ่ยไม่สามารถเข้าใจได้ว่าลู่โจววิจัยเรื่องอะไร แต่ตอนนี้เขาเข้าใจไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลู่โจวได้รับรางวัลอะไรมา ความแตกต่างของทั้งสองยิ่งนานก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
แน่นอนถ้าถามว่าเขาอิจฉาไหม?
เขาย่อมอิจฉา!
ลู่โจวกล่าว “เอ้อ ใครเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนายที่มหาลัยเยี่ยนล่ะ?”
หลิวรุ่ยกล่าว “นักวิชาการหวังซีผิง ฉันเรียนสมการเชิงอนุพันธ์ย่อยกับเขา”
“หวังซีผิง? เขาก็ศึกษาสมการเชิงอนุพันธ์ย่อยเหรอ?”
ลู่โจวไม่คิดเลยว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของหลิวรุ่ยจะเป็นคนรู้จักเขา
หลิวรุ่ยพยักหน้า “ใช่ แต่งานวิจัยของเขานำไปใช้ได้มากกว่าคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ ช่วงนี้นายไม่ได้ศึกษาทฤษฎีจำนวน แต่หันมาศึกษาสมการเชิงอนุพันธ์ย่อยแทนเหรอ?”
ลู่โจว “จะว่าแบบนั้นก็ได้”
หลิวรุ่ยถามด้วยความสนใจ “โอ้ วิจัยเรื่องอะไร?”
ลู่โจวยิ้ม “เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลย”
หลิวรุ่ยโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไร ตอนนี้จิตใจฉันแข็งแกร่งมาก พูดมาได้เลย”
ลู่โจวตอบ “สมการนาเวียร์-สโตกส์”
หลิวรุ่ยเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็กล่าว “…ปัญหาการมีอยู่ของนาเวียร์-สโตกส์และความราบเรียบ?”
ลู่โจวพยักหน้า “ใช่”
หลิวรุ่ย “…”
เชี่ยเอ้ย!
ปัญหารางวัลมิลเลนเนียม…
ทำไมความแตกต่างระหว่างเราถึงกว้างใหญ่เพียงนี้?
หวงกวงหมิงเห็นหลิวรุ่ยดาวน์ เขาจึงรีบพูดขึ้นมา “มาพูดเรื่องอื่นกันเถอะ”
สือช่างพยักหน้า “เห็นด้วย”
ทั้งสี่สหายไม่ได้พูดถึงเรื่องวิชาการอีกทั้งคืน
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็มีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีหัวข้อมาคุยกัน
หวงกวงหมิงไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ความเปลี่ยนแปลงเดียวก็คือต่อให้เขาไม่ได้หัวเราะ เขาก็ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีได้
หลิวรุ่ยผิวคล้ำขึ้นและกำยำขึ้นกว่าแต่ก่อน จากที่เขาพูด ดูเหมือนจะมาจากการเล่นบาสเกตบอล ตอนที่เขาเป็นนักศึกษาปริญญาตรี เขาไม่เคยเล่นบาสเกตบอลเลย อย่างไรก็ตามเขาเริ่มเล่นหลังเข้ามหาลัยเยี่ยน
ส่วนสือช่าง เขาเป็นคนที่เปลี่ยนไปมากที่สุด เขาเปลี่ยนจากเด็กน้อยเป็นผู้ชายเต็มตัว เขาดูเติบโตขึ้นมากทีเดียว
จากที่หวงกวงหมิงบอก ถ้าสือช่างไว้หนวดเครา เขาจะกลายเป็นผู้อำนวยการ ถ้าเขาสวมแว่น เขาจะกลายเป็นคนขายประกัน
สือช่างเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่ง
ชีวิตหลังจบการศึกษาไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้ มันเบี่ยงเบนไปจากแผนเดินโดยสิ้นเชิง
เขาวางแผนทำงานประหยัดเงินแล้วทำธุรกิจเล็กๆ จากนั้นก็แต่งงานซื้อบ้าน พอถึงตอนนั้นหวังจิ้งหย่าก็คงจบปริญญาโทพอดี
อย่างไรก็ตามหลังจบการศึกษาไม่ถึงปีก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
หวังจิ้งหย่าท้อง แผนการของสือช่างจึงถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ไม่ใช่แค่นั้น แต่เขายังไม่สามารถเก็บเงินมากพอที่จะทำธุรกิจเล็กๆ ที่จินหลิงด้วย
แต่โชคดี เขาซื้อบ้านในเมืองได้
แต่นั่นเป็นเงินของพ่อแม่…
“…ฉันไม่อยากพูดอะไรอีก ฉันแค่อยากบอกสิ่งนึงกับพี่น้องฉัน ถ้านายมีแฟน ต้องมั่นใจว่าป้องกันด้วย อย่าทำพลาดเหมือนฉัน”
สือช่างคร่ำครวญกับสหาย
อย่างไรก็ตามลู่โจว หวงกวงหมิงและหลิวรุ่ยมีสีหน้าแปลกๆ
หวงกวงหมิงเป็นคนพูดคนแรก
“สือช่าง”
สือช่างเรอออกมาคำโตแล้วกล่าว “ว่า?”
หวงกวงหมิง “ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบ…”
หลิวรุ่ยพูดต่อจากเขา “…นายกำลังแสร้งถ่อมตน”
ลู่โจวพยักหน้าเงียบๆ
สือช่างลูบจมูกแล้วยิ้ม
“…นายหมายความว่าไงแสร้งถ่อมตน…ฉันไม่ใช่ลู่โจวนะ ฉันจะแสร้งถ่อมตนได้ไง?”
หวงกวงหมิง “…”
หลิวรุ่ย “…”
ลู่โจว “???”
พวกเขากินข้าวกันเสร็จตอนสองทุ่ม
ยังมีอาหารเหลืออยู่เยอะ แต่เหล้าหมดแล้ว
ตอนแรกทั้งสามตั้งใจจะมอมสือช่างให้เมา อย่างไรก็ตามพวกเขามีหลิวรุ่ยอยู่ด้วย
สุดท้ายหลิวรุ่ยก็น็อคเป็นคนแรก
เป็นเหมือนแต่ก่อนเลย เขากระแทกโต๊ะดัง’โครม’แล้วก็แน่นิ่งไป
หวงกวงหมิงนั่งรถมากับหลิวรุ่ย แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครขับรถไหมแล้ว
ลู่โจวโทรเรียกหวังเผิงแล้วขอให้เขาขับรถสือช่างไปโรงแรมจื่อจินซาน
ช่วงไม่กี่วันก่อนแต่งงาน หลิวรุ่ยกับหวงกวงหมิงพักอยู่โรงแรมนี้
ก่อนที่สือช่างจะขึ้นรถ เขาก็ตบบ่าลู่โจวเบาๆ
“วันมะรืนเป็นวันแต่งงาน ขอบคุณล่วงหน้านะ!”
สือช่างกล่าว “ฉันพูดถึงเพื่อนเจ้าบ่าว”
ลู่โจว “…?”
ห๊ะ?
เพื่อนเจ้าบ่าวทำไมงั้นเหรอ?
………………………………..