นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่โจวต้องขึ้นมาพูดบนเวที
อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่ขึ้นมาพูดในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งเพื่อน
ลู่โจวหยิบไมโครโฟน แต่เขาก็นิ่งเงียบ
เขาเป็นคนโสดที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เขาจะมาพูดข้อคิดอะไรได้?
เมื่อแขกเห็นลู่โจวไม่พูดอะไร พวกเขาก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน
เฉียนฮวามองลู่โจว จากนั้นเธอก็หันมากระซิบกับเพื่อน “เขาตื่นเวทีเหรอ?”
เซียวหยุนหยุนยิ้มและหยอกล้อ
“เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ เขากำลังพยายามเพิ่มอารมณ์”
เฉียนฮวากล่าว “ฮ่าๆ นักคณิตศาสตร์แล้วไง เขาเข้าใจคณิตศาสตร์ แต่เขาไม่ได้เข้าใจชีวิตสักหน่อย”
“เอาล่ะๆ เลิกเถียงกันเถอะ…” เติ้งเล่อขัดจังหวะทั้งสอง “หยุนหยุน เธอขึ้นไปช่วยเขาได้ไหม?”
ปกติแล้วตัวแทนเพื่อนเจ้าสาวจะพูดต่อจากเพื่อนเจ้าบ่าว
ถ้าศาสตราจารย์ลู่พูดไม่ได้ พนักงานงานแต่งก็ช่วยเหลือได้อย่างง่ายดาย
เซียวหยุนหยุนแค่พูดคำพูดสวยๆสักหน่อยก็รักษาบรรยากาศในงานได้แล้ว
หยุนเซียวเซียวกล่าว “ได้ ฉันเตรียมพร้อมแล้ว…”
ขณะที่พิธีกรกำลังจะขึ้นไปช่วยลู่โจว จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น
“ตั้งแต่การกำเนิดเอกภพไปจนถึงการระเหยของหลุมดำสุดท้าย เรารู้ว่าความเป็นไปได้ของการกำเนิดสิ่งมีชีวิตนั้นมีเพียงหนึ่งส่วนพันล้านล้าน…”
งานแต่งเงียบลง
คนหนุ่มหยุดพูด คนที่อาวุโสกว่าก็วางเมล็ดทานตะวันลง
แม้แต่เด็กก็หยุดซน…
ทุกคนต่างก็หันไปสนใจบนเวที
มันไม่ใช่เพราะเสียงของลู่โจวน่าฟัง มันเป็นเพราะพวกเขารู้สึกสนใจเรื่องที่ศาสตราจารย์จากพรินซ์ตันพูด
ลู่โจวมองไปรอบๆ เขารู้สึกเหมือนเขาย้อนกลับไปอยู่ห้องบรรยายพรินซ์ตัน
เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อย่างที่พวกเราทราบกัน ความน่าจะเป็นของการที่สองชีวิตมาพบกันนั้นน้อยกว่าหนึ่งส่วนพันล้านล้าน…”
เขาไม่มั่นใจว่าแขกจะเข้าใจที่เขาพูดไหม
เขาไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะเข้าใจตัวเลขจำนวนน้อยนิดนี่ไหม
เขาไม่เคยใช้คำพูดแบบนี้มาก่อน
เขาไม่เคยเป็นคนพูดจาสละสลวย
เขาอาจไม่มีทางเป็น
แต่ตอนนี้เขาอยากส่งคำอวยพรให้กับสหาย
“จากมุมมองความน่าจะเป็น สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในจักรวาลไม่ใช่การแตกดับของดวงดาว ไม่ใช่การก่อตัวของกาแล็กซี่หรือเป็นการระเหยของหลุมดำ…”
“แต่มันคือปาฏิหาริย์ของคนสองคนมาพบกันและตกหลุมรักกันในช่วงเวลาหลายพันล้านปีนี้”
“บางทีเป็นเพราะคณิตศาสตร์น่าสนใจเกินไป ผมจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นนอกจากคณิตศาสตร์ อย่างมากผมก็ศึกษาเคมีหรือฟสิกส์บ้าง…แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่ารัก แต่ผมสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนรักกันอย่างแท้จริง”
ลู่โจวหยุดชั่วครู่ จากนั้นเขาก็หันไปมองคู่บ่าวสาวแล้วพูดต่อ “ดังนั้นผมขออวยพรให้พวกคุณรักกันเหมือนที่ผมรักคณิตศาสตร์ และถนอม…ช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์นี้ไว้”
ฝูงชนปรบมือ
เสียงปรบมือดังกว่าที่ลู่โจวคาดไว้
เขาไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดที่เขาคิดสดจะทำให้ฝูงชนเกิดปฏิกิริยาระดับนี้
อย่างไรก็ตามเขาสังเกตว่าไม่ใช่แค่ฝูงชนเท่านั้น แม้แต่เจ้าบ่าวบนเวทีก็รู้สึกสะเทือนอารมณ์เช่นกัน…
ชายหนุ่มแทบจะร้องไห้
“โจว…”
ถ้าสือช่างร้องไห้คงไม่ดีมั้ง?
แต่มันก็ไม่ได้สำคัญ
ลู่โจวยิ้มให้สือช่างแล้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็ส่งไมโครโฟนกลับไปให้พิธีกรงานแต่ง
จากนั้นเขาก็ก้าวลงจากเวที…
เซียวหยุนหยุนเฝ้าดูลู่โจวลงจากเวทีแล้วกล่าว “ว้าว แม้ว่าเขาจะเป็นนักคณิตศาสตร์…แต่เขาก็พูดเก่งเหมือนกันนะ”
เคยมีคนพูดว่านักคณิตศาสตร์จีบสาวเก่ง
เธอไม่เคยเชื่อเลย แต่ตอนนี้เธอเริ่มเชื่อแล้ว
เติ้งเล่อกล่าว “นั่นสิ…ฉันคิดว่าเขาเป็นพวกเก็บตัวและอาจตื่นเวที ฉันไม่คิดเลยว่าเวทีนี้จะเป็นของเขา”
เมื่อเห็นว่าวิสัยทัศน์ของตัวเองถูก หยุนเซียวเซียวก็หันไปมองเฉียนฮวาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“เธอคิดว่าไงเฉียนฮวา?”
เฉียนฮวาดึงสติกลับมา
“อ๊ะ…อะไรนะ?”
เซียวหยุนหยุนกับเติ้งเล่อหันมามองหน้ากัน
ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือน…
เธอ…
ทำตัวแปลกๆ?
หลังลู่โจวพูดจบ เพื่อนเจ้าสาวก็ขึ้นบนเวทีแล้วแสดงความยินดีกับคู่รักแต่งงานใหม่
งานแต่งมาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
ทุกคนเฝ้าดูคู่บ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาว
ในเวลานี้ มีคนโสดหายไปจากโลกน้อยลงสองคนแล้ว…
…
งานแต่งจบลงแล้ว
ญาติและสหายส่วนใหญ่ทานอาหารกันเสร็จก็เริ่มออกจากงาน
ลู่โจวไปล้างมือที่ห้องน้ำ พอเขาออกมา ก็มีคนที่ไม่คาดคิดทักเขา
เขามองหญิงสาวผมสั้นตรงหน้าแล้วกล่าว “มีอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร” เฉียนฮวากล่าวและส่ายหน้า จากนั้นเธอก็ก้มหน้างุด “ฉันแค่อยากบอก…ขอโทษ ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดจาไม่ดีกับคุณ”
ลู่โจวอึ้ง เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้จำมาใส่ใจ”
มันก็สามปีมาแล้ว ลู่โจวลืมไปแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพราะบางครั้งคนเราก็ดวงตามืดมัวเพราะอารมณ์บ้าง
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเธอไม่ได้ทำอะไรลู่โจวเลยนอกจากปกป้องไอดอลของตัวเอง
ลู่โจวไม่ได้เป็นคนโกรธง่าย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังเป็นเพื่อนกับหลิวรุ่ยได้
“ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวก่อนนะ”
เฉียนฮวาเห็นลู่โจวกำลังจะไป เธอจึงรีบพูด “รอเดี๋ยว…”
ลู่โจวหยุดเดินและหันกลับมามอง
“ว่าไง?”
“พองานแต่งจบ…ฉันเลี้ยงเหล้าคุณได้ไหม?” เฉียนฮวากล่าวด้วยแก้มแดงระเรื่อ “ถือเป็นการเลี้ยงขอโทษ”
ลู่โจวยิ้ม “งั้นเอาไว้วันอื่นแล้วกัน เดี๋ยวผมต้องไปขึ้นรถไฟ”
เฉียนฮวา “…?”
นอกจากมาฉลองตรุษจีน ลู่โจวมีเรื่องสำคัญต้องทำที่จีนสองอย่าง
อย่างแรกคืองานประชุมรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอีกอย่างก็คือมางานแต่งสือช่าง
เพราะงานแต่งสือช่างจบแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาไปฉลองวันหยุดกับครอบครัว
นี่เป็นช่วงเวลาพักผ่อนครั้งเดียวของปี…
…………………………………