ที่ลานจอดรถสถานีรถไฟความเร็วสูง
ลู่โจวเอากระเป๋าเดินทางออกจากท้ายรถก่อนจะหันไปมองหวังเผิง
“ส่งผมตรงนี้ก็พอครับ”
“ครับ” หวังเผิงตอบสั้นๆ เขาเปิดประตูรถแล้วทำวันทยาหัตถ์
ลู่โจวมองหวังเผิงกลับขึ้นไปบนรถ แต่จู่ๆ เขาก็นึกอะไรได้
“เดี๋ยวครับ”
หวังเผิงลงจากที่นั่งคนขับแล้วเอ่ยถาม “มีอะไรครับ?”
ลู่โจวกล่าว “คุณคงไม่…ขับรถไปเจียงหลิงใช่ไหม?”
หวังเผิงพยักหน้า “แน่นอน เบื้องบนบอกให้ผมทำให้มั่นใจว่าคุณจะเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย”
แบบนี้นี่เอง!
โชคดีที่ฉันถาม!
ลู่โจวกล่าวทันที “มันเป็นวันหยุด ทุกคนต้องพักผ่อน กลับบ้านไปหาครอบครัวคุณเถอะ ไม่ต้องตามผมมา”
หวังเผิงยิ้ม “ไม่เป็นไร มันเป็นงานผม ผมไม่คิดมากที่จะทำงานช่วงวันหยุด”
ลู่โจวกังวล “ผมจะให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้!”
หวังเผิงยิ้ม “ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
ลู่โจวกล่าว “ไม่ มันไม่เกี่ยวกับความเกรงใจ ฟังผมนะ ขับรถกลับบ้านแล้วไปฉลองตรุษจีน ยังไงผมก็ไม่ได้ต้องการรถช่วงวันหยุด นอกจากนี้ถ้าผมพาคุณกลับบ้าน งั้น…”
หวังเผิงกล่าว “งั้น?”
ลู่โจวกระแอม “พ่อผมบอกให้ผมหาแฟน ถ้าผมพาคุณกลับบ้านด้วย…ผมเกรงว่ามันจะดูไม่ดี”
หวังเผิง “…”
…
ในที่สุดลู่โจวก็โน้มน้าวหวังเผิงกลับปักกิ่งได้สำเร็จ
การใช้เวลาฉลองตรุษจีนกับครอบครัวสำคัญกว่างาน
ลู่โจวขึ้นรถไฟความเร็วสูงและมุ่งหน้าไปภาคตะวันออก ไม่นานเขาก็ถึงเจียงหลิง
เมื่อเขามาถึงบ้านเกิด ลู่โจวก็สูดเอากลิ่นอายที่คุ้นเคย จากนั้นเขาก็ขึ้นแท็กซี่ที่จอดอยู่สถานีรถไฟและเดินทางกลับบ้านทันทีโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลา
พอเขามาถึงหน้าประตูบ้านพร้อมกับกระเป๋าในมือ เขาก็กดกริ่ง ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งบนพื้นไม้เนื้อแข็ง
ประตูถูกเปิดออก เมื่อเสี่ยวถงเห็นลู่โจวยืนอยู่ข้างนอก แววตาของเธอก็เบิกกว้าง “โอ้ พี่ ทำไมซื้อของมาเยอะจัง?”
“บางอย่างก็เป็นของฝาก บางอย่างก็เป็นของที่พี่ซื้อจากร้านดิวตี้ฟรีที่สนามบิน ของฝากน้องอยู่ในกระเป๋า เอาไปหาเองเลย…” ลู่โจวกล่าวขณะหิ้วถุงและลากกระเป๋าเข้าบ้าน
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าเสี่ยวถงมองไปทางข้างหลังเขา เขาจึงถาม “น้องหาอะไร?”
เสี่ยวถงมองลู่โจวแล้วถอนหายใจ
“เฮ้อ พี่ หนูเสียใจ…”
ลู่โจวดีดหน้าผากน้องสาวแล้วผลักเธอเบาๆ
“เลิกไร้สาระได้แล้ว พาพี่เข้าบ้าน!”
ลู่โจวเอากระเป๋าเดินทางให้เสี่ยวถงก่อนจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นแล้วเข้าไปในห้องครัว
ฟางเหมยกำลังจะหั่นปลาเป็นๆ แต่จู่ๆ เธอก็พลันเห็นลูกชายกำลังยืนอยู่ประตูห้องครัว เธอตกใจจนเกือบทำมีดหล่น
ลู่โจวไม่ได้เห็นแม่มานาน เขาเริ่มน้ำตาคลอ
จากนั้นเขาก็สูดหายใจลึกๆแล้วเผยรอยยิ้มสดใส
“แม่ ผมกลับมาแล้ว!”
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!” ฟางเหมยยิ้มกว้าง “ทำไมลูกไม่บอกล่ะว่ากลับมา? แม่ไม่ได้เตรียมอาหารไว้เลย”
ลู่โจวลูบจมูก “ผมอยากเซอร์ไพรส์แม่”
“เซอร์ไพรส์อะไร? แม่เกือบหัวใจวาย!” ฟางเหมยมองหน้าลูกชาย เธอจับปลาแล้วพูด “ไปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นเถอะ เดี๋ยวแม่จะย่างปลาให้กิน”
ฟางเหมยหยิบมีดแล้วหั่นหัวปลาอย่างแรง
ปลากระตุกไปสองสามวิก่อนจะแน่นิ่งไปบนเขียง
พอถึงห้าโมงครึ่ง เฒ่าลู่ก็กลับมาจากที่ทำงาน
เมื่อเขาเห็นลูกชายนั่งอยู่บนโซฟา เขาก็รู้สึกเซอร์ไพรส์พอๆ กับฟางเหมยตอนแรก จากนั้นเขาก็ถามลู่โจวหลายอย่าง
เมื่อเฒ่าลู่เห็นกล่องชาบนโต๊ะกาแฟ “ทำไมลูกถึงซื้อชากลับมาเยอะขนาดนี้ล่ะ? บ้านเรามีเยอะแล้ว”
ลู่โจวหันไปถามพ่อด้วยความสงสัย “พ่อเริ่มซื้อชาตั้งแต่ตอนไหน?”
เฒ่าลู่ตอบ “พ่อไม่ได้ซื้อเอง ออฟฟิศให้พ่อมา”
ลู่โจวงงกว่าเดิม เขาถาม “ออฟฟิศพ่อรวยแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหน?”
เฒ่าลู่ยิ้มบางๆ
“เรื่องมันยาว…เบื้องบนย้ายพ่อไปอยู่ทีมโลจิสติกส์มาสักพักแล้วใช่ไหม? ผลประโยชน์ที่นั่นดีกว่าเดิม ดังนั้นลูกไม่ต้องห่วงเรา รอบหน้าก็ไม่ต้องซื้อของกลับมามากขนาดนี้ ถุงของฝากใหญ่แบบนี้มันเดินทางลำบาก รอบหน้าแค่พาแฟนมาด้วยก็พอแล้ว”
ลู่โจวกระแอมแล้วเปลี่ยนประเด็น
“เอ้อพ่อ ผมขออะไรหน่อยสิ”
เฒ่าลู่ “ว่าไง?”
ลู่โจวก้มไปเปิดกระเป๋าเดินทางข้างตัวแล้วหยิบจดหมายออกมา
“ผมมีตุ้ยเหลียน เราหากาวไปติดหน้าประตูกัน”
เฒ่าลู่รับตุ้ยเหลียงมาแล้วกล่าว “โอ้ เขียนได้สวย ลูกเขียนเองเหรอ?”
“ไม่ใช่ผม” ลู่โจวกล่าว จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดต่อ “เป็นนักวิชาการหรูเขียน เขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมช่วงปริญญาโท”
“นักวิชาการเขียน? เจ๋งเลย! พ่อจะเอาไปติดเดี๋ยวนี้” เฒ่าลู่กล่าว เขาลุกขึ้นยืนจากโซฟาแล้วเดินไปที่กล่องเครื่องมือ
เนื่องจากชีวิตนี้เฒ่าลู่แทบไม่ได้ออกไปจากเมืองเจียงหลิงเลย เขาจึงไม่เคยเจอนักวิชาการเลย เขาเคยได้ยินมาว่านักวิชาการเป็นบุคคลชั้นนำระดับประเทศ
เขามั่นใจว่าตุ้ยเหลียนนี้จะนำโชคดีมาให้
เฒ่าลู่ยืนอยู่ข้างนอกมองดูตุ้ยเหลียนที่เขาพึ่งติดที่ประตูแล้วอดลูบคางด้วยความพึงพอใจไม่ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็ส่ายหน้า
“น่าเสียดาย”
ลู่โจวยืนมองพ่ออยู่ข้างๆด้วยสีหน้ามึนงง
“ทำไมถึงน่าเสียดายล่ะ?”
เฒ่าลู่ถอนหายใจ “มันน่าเสียดายเพราะเสี่ยวถงสอบเสร็จไปแล้ว ได้โชคมาตอนนี้มันสูญเปล่า”
ลู่โจวกระแอม “พ่อ ลูกชายพ่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ พ่อยังเชื่อเรื่องไสยศาสตร์อีกเหรอ?”
“มันไม่ใช่ไสยศาสตร์ ทุกคนต่างก็เชื่อ…” เฒ่าลู่ยกไม้ยกมือทำท่าทางอยู่พักใหญ่ แต่เขาก็หาวิธีอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้ สุดท้ายเขาก็พูด “เฮ้อ ช่างมันเถอะ พ่อไม่รู้จะอธิบายยังไง! ป่ะ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ไปช่วยแม่จัดโต๊ะกันเถอะ!”
…………………………………