ลู่โจวหันไปมองตามต้นเสียง แววตาเขาเปล่งประกายทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนพูด
นักวิชาการหวังชื่อเฉิง ประธานสมาคมคณิตศาสตร์จีน!
เขาพบนักวิชาการหวังที่งานประชุมคณิตศาสตร์จีนสองศูนย์หนึ่งห้า
ลู่โจวจำได้ว่ามันเป็นที่มหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่ง ตอนที่เขาเข้าร่วมงานประชุมกับนักวิชาการหรู เขายังเรียนปริญญาโทอยู่เลย นอกจากนี้เขายังชนะรางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินที่งานประชุมด้วย
มันไม่เหมือนกับรางวัลเฉินเสิ่งเซินระดับสากล รางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินในประเทศไม่ใช่รางวัลที่มอบให้กับความสำเร็จชั่วชีวิต มันคล้ายกับเหรียญฟิลด์สที่มอบให้กับนักวิชาการรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตามขีดจำกัดอายุต่างกัน แต่จำกัดอายุไม่เกินห้าสิบปี
“ไม่ได้พบกันนานเลยครับ!” ลู่โจวจับมือกับนักวิชาการหวังชื่อเฉิงและมองทั้งสามคนที่กำลังยืนอยู่ข้างอีกฝ่าย เขาถาม “ท่านนี้คือ?”
นักวิชาการหวังยิ้มและแนะนำคนที่อยู่ใกล้สุด “เฉิงต้าเยว่ ท่านนี้คือเลขาธิการใหญ่ของสมาคมคณิตศาสตร์จีน”
ลู่โจวยิ้ม “ศาสตราจารย์เฉิง ยินดีที่ได้พบ!”
เฉิงต้าเยว่ยิ้ม “ใครบอกว่าฉันเป็นศาสตราจารย์? ศาสตราจารย์จางกับศาสตราจารย์สวี่เป็นศาสตราจารย์ ส่วนฉันเรียกเลขาเฉิงก็พอ”
แววตาของลู่โจวเปล่งประกาย เมื่อเขาได้ยินชื่อของศาสตราจารย์ทั้งสอง เขาก็รู้ทันทีว่าพวกเขาเป็นใคร
“สองท่านนี้คือจางเหว่ยกับสวี่เฉินหยางใช่ไหมครับ?”
ก่อนที่จางเหว่ยจะได้พูด นักวิชาการหวังชื่อเฉิงก็กล่าว “ฉันกำลังจะแนะนำทั้งสองให้คุณเลย ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเดาถูก”
ลู่โจวยิ้ม “บังเอิญเหลือเกิน ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้พบนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสอง ถือเป็นเกียรติมากครับ!”
ทั้งสองเป็นตำนานพร้อมกับเทพหยุนของมหาลัยจินหลิง ลู่โจวเคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยได้เจอ เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเจอตัวจริง
“ไม่ ไม่หรอก! เทพเหว่ยน่ะของจริง แต่ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น ผมต่างหากควรพูด ยินดีที่รู้จักเทพลู่!” สวี่เฉินหยางกล่าวขณะจับมือกับลู่โจว
จางเหว่ยกระแอม “…อย่าเรียกชื่อนี้เลย มันน่าอาย”
นักวิชาการหวังชื่อเฉิงยิ้มให้กับนักวิชาการรุ่นใหม่เหล่านี้ “ศาสตราจารย์ลู่ เดี๋ยวคุณว่างไหม?”
นักวิชาการหวังชื่อเฉิงยิ้ม “ไม่มีอะไร แต่ถ้าคุณว่าง ฉันคิดว่าเราควรไปหาอะไรทานกัน ฉันรู้จักร้านอาหารชั้นยอดอยู่ใกล้ๆ มันอร่อยกว่าอาหารโรงแรมมาก”
อาการกลางวัน ‘สไตล์บราซิล’ ที่โรงแรมจัดให้ค่อนข้างธรรมดา ลู่โจวไม่ได้ตั้งใจจะกินข้าวที่โรงแรมอยู่แล้ว เขาจึงยิ้มและพยักหน้า
“ตกลง ไปกันเถอะครับ!”
…
อีกด้านหนึ่งของโลก ณ สถาบันคณิตศาสตร์ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน
เซี่ยงหัวหนานนั่งอยู่มุมออฟฟิศ กำลังรอข่าวจาก CCTV บนทีวี เขาถอนหายใจแล้วพูดอย่างสะเทือนอารมณ์
“ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะสุดยอดขนาดนี้! เขาถึงกับชนะเหรียญฟิลด์สเลยนะ”
เหรียญฟิลด์สเป็นเกียรติสูงสุดของนักคณิตศาสตร์ที่อายุต่ำกว่าสี่สิบปี ไม่เคยมีใครชนะเหรียญฟิลด์สตอนอายุยี่สิบสี่ปีมาก่อน
รางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซิน รางวัลวูล์ฟ ฯลฯ ล้วนเป็นรางวัลความสำเร็จชั่วชีวิต พวกเขาจะไม่มอบรางวัลให้กับนักวิชาการที่อายุต่ำกว่าสี่สิบ
ท้ายที่สุดแล้วถ้ามอบรางวัลความสำเร็จ ‘ชั่วชีวิต’ ให้กับนักคณิตศาสตร์รุ่นใหม่ งั้นมันก็เหมือนกับแช่งกันน่ะสิ…
นักวิชาการหวังซีผิงนั่งอยู่ที่โซฟา เขากำลังดูทีวีอยู่เช่นกัน เขามีความสุขกับลู่โจวจากใจจริง
หลังจากนั้นสักครู่ จู่ๆ เขาก็นึกถึงลูกศิษย์จากมหาวิทยาลัยเยี่ยน เขากล่าวพลางถอนหายใจ “น่าเสียดาย”
เซี่ยงหัวหนานมองเพื่อนเก่าแล้วถาม “น่าเสียดายอะไร?”
หวังซีผิงส่ายหน้า เขาดูค่อนข้างหดหู่
“ในบรรดานักวิชาการหลังยุคแปดศูนย์กลุ่มที่จบการศึกษาในปีสองศูนย์ศูนย์ศูนย์นั้นโดดเด่นที่สุด จางเหว่ยกับหยุนจือเอ้อร์โดดเด่นเป็นพิเศษ จากนั้นก็มีสวี่เฉินหยางที่กลับมาจีน…เราคิดว่าเด็กที่มีพรสวรรค์เหล่านี้จะชนะเหรียญฟิลด์สได้ ฉันไม่คิดเลยว่าพวกจะแพ้”
โดยเฉพาะจางเหว่ยที่ศึกษาข้อคาดการณ์ของคุดาลาตอนปริญญาเอกกับจางโช่วอู่ผู้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เขาค้นพบคำตอบในสามเดือน เขาใช้เวลาสองปีเท่านั้นในการรับปริญญาเอก เขาทำให้ชุมชนคณิตศาสตร์จีนช็อก เมื่อเขาชนะเหรียญทองรามานุจัน มันทำให้เขามีชื่อเสียงในชุมชนวิชาการเพิ่มขึ้น
ศาสตราจารย์หวังซีผิงเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเยี่ยน เขาเคยได้ยินข่าวลือที่แพร่กระจายทั่ววิทยาเขตมหาวิทยาลัยเยี่ยน
นักศึกษาคณิตศาสตร์รุ่นใหม่หลายคนนับถือจางเหว่ยมาก พวกเขาพากันเรียกจางเหว่ยว่า ‘เทพเหว่ย’
เห็นได้ชัดว่าทั้งนักวิชาการรุ่นใหม่และรุ่นเก่าต่างก็เคารพจางเหว่ยอย่างสูง
อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดเลยว่าจางเหว่ยจะพลาดเหรียญฟิลด์ส
เซี่ยงหัวหนานมองเพื่อนเก่าที่กำลังเศร้าแล้วยิ้ม
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ จากที่ฉันเห็น พวกคุณกดดันเขาเกินไป ทำให้จิตใจเขาสับสน นี่เป็นการทรมาณเขาชัดๆ!”
“เฒ่าเซี่ยง ฉันไม่เห็นด้วย” หวังซีผิงรู้สึกไม่พอใจ “มหาวิทยาลัยเยี่ยนเป็นหนึ่งในสถาบันคณิตศาสตร์ชั้นนำของประเทศ คาดหวังเขาแล้วจะผิดได้ยังไงกัน? แล้วมันจะเป็นการทรมาณได้ยังไง? ก็ไม่ได้สิ”
“คุณเป็นศาสตราจารย์มหาลัยวิทยาเยี่ยน คุณไม่รู้เลยรึไง?” เซี่ยงหัวหนานยิ้ม “ใครจะสนกันว่าเขาชนะไม่ชนะ? ท้องฟ้าจะถล่มลงมางั้นเหรอ? เป็นผู้ชนะเหรียญฟิลด์สเป็นเป้าหมายของการวิจัยคณิตศาสตร์แล้วงั้นเหรอ?”
หวังซีผิงส่ายหน้า “ฉันรู้ เราไม่ได้วิจัยเพื่อรางวัล ฉันแค่เศร้าที่เขาแพ้”
เซี่ยงหัวหนานมองสหายที่กำลังหดหู่แล้วกล่าว “ไม่มีอะไรน่าเศร้า มันอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายก็ได้ อย่างน้อยแรงกดดันของเขาก็ลดลง และหันไปมุ่งเน้นคณิตศาสตร์ เขาอาจประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต”
“เลอะเทอะ” ศาสตราจารย์หวังซีผิงกล่าว เขาดูทีวีและกล่าวต่อ “แต่กลับกัน ศาสตราจารย์ลู่สุดยอดจริง ฉันได้ยินว่าลูกศิษย์ชาวยูเครนของเขาจะบรรยายเรื่องทฤษฎีจำนวนสี่สิบห้านาที”
“คุณกำลังพูดเรื่องข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์ใช่ไหม? ฉันอ่านวิทยานิพนธ์ฉบับนั้นแล้ว เขียนได้ไม่เลวเลย” นักวิชาการเซี่ยงกล่าวก่อนจะหยิบเอาขวดสุญญากาศแล้วจิบชา “เขามีความเข้าใจในคณิตศาสตร์ประยุกต์มาก ไม่แปลกใจที่ศิษย์เขาจะเป็นอัจฉริยะเหมือนกัน แต่ฉันไม่รู้ว่าชาวยูเครน ชาวบราซิลหรือฉินเยว่จะแข็งแกร่งกว่ากัน แต่ฉันมั่นใจอย่างหนึ่ง ในสิบปีหนึ่งในสามคนนี้จะชนะเหรียญฟิลด์ส”
หวังซีผิงกล่าว “นักศึกษาฉินเยว่ก็มีโอกาสเหมือนกันเหรอ?”
เซี่ยงหัวหนานประหลาดใจ เขาถาม “อะไรนะ? คุณอยากให้เขามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเยี่ยนเหรอ?”
ศาสตราจารย์หวังซีผิงยิ้ม “ฉันโน้มน้าวศาสตราจารย์ลู่ไม่ได้ แต่ฉันมั่นใจว่าโน้มน้าวศิษย์เขาได้”
เซี่ยงหัวหนานส่ายหน้า “พวกคุณสายเกินไปแล้ว จากที่ฉันรู้ สถาบันวิจัยเฉินเสิ่งเซินส่งคำเชิญโครงการพันอัจฉริยะให้เขาแล้ว”
หวังซีผิงช็อกกับข่าวนี้ เขาถาม “เร็วขนาดนี้เลย?”
“พวกเขาไม่ได้เร็ว แต่พวกคุณช้าเกินไป!” เซี่ยงหัวหนานวางขวดสุญญากาศลงแล้วกล่าว “อาจารย์ที่ปรึกษาสุดยอด ลูกศิษย์ก็สุดยอด”
…………………………………