อพาร์ตเมนต์นักศึกษาวอร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
เฉินยู่ซานที่กำลังหลับอยู่ถูกปลุกด้วยเสียงเรียกเข้ามือถือที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน
เธอบ่นพึมพำเล็กน้อย พร้อมกับยื่นมือคลำหามือถือที่วางอยู่บนบริเวณโต๊ะข้างเตียง จากนั้นก็กดปุ่มแล้วนำมือถือขึ้นมาแนบหูทันที
“สวัสดีค่ะ?”
เมื่อเฉินเป่าฮัวได้ยินเสียงลูกสาวของตนเองยังงัวเงีย เขาจึงลังเลที่จะกล่าวต่อ
“ลูกนอนไปแล้วหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงชายชราจากปลายสาย เฉินยู่ซานก็พลันหาวและบ่นออกมา
“พ่อ! ก่อนจะโทรมาช่วยดูเวลาหน่อยได้ไหม?… ตอนนี้เที่ยงคืนแล้วนะ!”
เฉินเป่าฮัวกระแอมเล็กน้อยและกล่าวคำพูด “ก็ตอนแรกพ่อคิดว่ามันยังช่วงหัวค่ำ แต่ไม่คิดว่ามันจะดึกขนาดนี้…”
” แล้วพ่อมีธุระอะไรล่ะ? แต่ถ้ามันไม่สำคัญอะไร หนูก็จะขอไปนอนต่อ…” เฉินยู่ซานพลันหาวในขณะที่พูดยังไม่จบประโยค
เธอเคยชินกับการที่พ่อเป็นคนแบบนี้มานานแล้ว บางที เธอเองก็ยังสงสัยเลยว่าเขาไปแต่งงานกับแม่ได้อย่างไร
ช่วงนี้เธอกำลังยุ่งอยู่กับการเขียนวิทยานิพนธ์ และงานที่คอยแทรกเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ส่งผลให้เธอง่วงนอนมากในตอนนี้
แต่ถ้าให้เทียบกับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ถูกใช้เป็นแรงงานฟรี เธอก็โชคดีกว่ามาก
อันที่จริง เธอยังกังวลเรื่องการกระทำของคุณมิเชลอยู่ด้วย
มีคำกล่าวว่า “เราไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดไปแล้วได้”
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกไปเสียหมด แต่มันก็มีเรื่องที่ดูจริงอยู่บ้าง
ทุกครั้งเวลาที่เฉินยู่ซานมองหน้าเธอ เธอก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ขัดใจ มันเกือบจะเหมือนกับว่าหัวหน้าของเฉินยู่ซานพยายามที่จะเป็นอะไรที่มากกว่ามิตรภาพของครูและนักเรียน…
มันจึงทำให้เธอเริ่มสงสัยว่า หากเธอคิดที่จะก้าวข้ามความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับนักศึกษา…คนอื่นจะมองว่าไม่ดีหรือไม่
เพราะฉะนั้น ช่วงวันหยุดเทศกาล เธอจึงตัดสินใจรีบเขียนวิทยานิพนธ์ฉบับจบการศึกษานี้ให้เสร็จโดยเร็ว เพราะเธอจะได้ไปจากที่นี่เสียที
เฉินเป่าฮัวรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินลูกสาวหาว
ดังนั้น เขาจึงไม่ยื้อเวลาโดยการพูดวกไปวนมาอีก
“พ่อก็แค่มีเรื่องอยากจะถามน่ะ”
“เรื่องอะไรล่ะคะ?” เฉินยู่ซานตอบ
เฉินเป่าฮัวพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไหนบอกพ่อมาสิ ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับลู่โจวตอนนี้เป็นยังไง?”
เมื่อเฉินยู่ซานได้ยินประโยคนี้ เธอก็พลันขดตัวในผ้าห่มและเงียบไปชั่วครู่
“ก็แค่เพื่อน…จะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงกันล่ะคะ? เหมือนหนูจะเคยบอกพ่อไปแล้วนะ”
เฉินเป่าฮัวไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นัก เขาจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “แค่เพื่อนแน่เหรอ?”
เฉินยู่ซานตอบด้วยรอยยิ้มมุมปาก “พ่อจะถามทำไมกัน? เดี๋ยวนะ… นี่พ่อกำลังวางแผนทำอะไรอยู่ใช่ไหม?”
เฉินเป่าฮัวลุกลี้ลุกลนเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว
อันที่จริง เขาก็แค่กำลังเป็นห่วงลูกสาวของตนเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไร นี่ก็ไม่ใช่เขาคนเก่าแล้ว เพราะตอนนี้ เขาเป็นถึงหัวหน้าแผนกองค์การของพรรคคอมมิวนิสต์จีนแล้ว
แม้ว่าเขาจะเข้าใจถึงความสำคัญของลู่โจวที่มีต่อประเทศว่ามันยิ่งใหญ่เพียงไหน แต่เฉินยู่ซานก็ยังคงเป็นลูกสาวของเขาอยู่ และเขาก็มีลูกสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น
ถ้าทั้งสองเข้ากันได้ มันก็คงจะดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย…
“ไม่มีอะไรหรอก พ่อแค่อย่าถามดูน่ะ”
เฉินเป่าฮัวครุ่นคิดเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็พลันตัดสินใจ
อันที่จริง เขาอยากจะบินไปอเมริกาด้วยตัวเองด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เขาเองก็ยังอยากที่จะคุยกับลู่โจวต่อหน้า
“เดี๋ยวอีกไม่กี่วันพ่อจะไปอเมริกานะ ลูกช่วยพ่อนัดเจอลู่… เอ๊ย ลูกช่วยติดต่อศาสตราจารย์ลู่ให้หน่อย พ่ออยากคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวน่ะ”
ทว่า เฉินยู่ซานก็พลันหาวและไม่ได้คิดอะไร “โอเค งั้นพ่อก็ไปคุยกับเขาเลย ยังไงตอนนี้หนูขอนอนก่อนนะ”
เฉินเป่าฮัวพยักหน้า “งั้นก็พักผ่อนเถอะลูก”
“ฝันดีค่ะ!”
เธอโยนมือถือลงข้างเตียงพร้อมกับมุดเข้าไปในผ้าห่มทันที
ทันใดนั้น เธอก็พลันรู้สึกว่าแก้มที่หนุนอยู่บนแขนกำลังร้อนผ่าวราวกับมีไอร้อนมากระทบข้างแก้มทั้งสองด้าน
ไม่นานนัก เธอก็พลันตระหนักถึงบางสิ่ง
เธอไม่ได้คิดให้ดี เธอยังไม่ได้คิดให้ทะลุทั้งแต่แรก
เราควรจะบอกเขาเรื่องนี้ยังไงดีนะ?
หรือควรจะบอกไปว่า “พ่อฉันอยากจะเจอคุณ… แบบนี้เหรอ?”
หรือจะบอกว่า “ฉันอยากให้คุณมาพบพ่อฉันหน่อย?”
อันที่จริง ประโยคไหนก็ฟังดูแย่ไปหมด!
แม้เฉินยู่ซานจะรู้สึกง่วงนอนมาก แต่เธอก็อดที่จะคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ จนสุดท้าย เธอก็ทำได้แต่มุดหัวในผ้าห่มแล้วขยี้ไปมา
ให้ตายเถอะ! เราควรทำยังไงดีเนี่ย?!
…
วันรุ่งขึ้น ลู่โจวมาที่ห้องปฏิบัติการตามเวลา และเริ่มการทดลองของวันนี้ทันที
เพราะความช่วยเหลือจากคอนนี่ทำให้เขาสามารถเติมสารกราฟีนชนิด N และชนิด P ลงบนวัสดุ จากนั้น ลู่โจวก็กรองและติดฉลากตัวอย่างกราฟีนขนาดเล็กเอาไว้ตรงหัวมุม หลังจากนั้น พวกเขาวางตัวอย่างไว้ในกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราดและเริ่มการสังเกตโครงสร้างจุลภาคของตัวอย่าง
พวกเขาจำเป็นต้องหาแถบพลังงานสองวงที่มีโครงสร้างวงกระจายเป็นศูนย์ให้พบ
ตำแหน่งของแถบพลังงานทั้งสองถูกกำหนดเอาไว้ในทางทฤษฎีแล้ว มันควรอยู่ที่จุดตัดของแถบเชิงเส้นสองเส้น ที่เรียกกันว่าจุดไดแรค
ถึงอย่างไร การประยุกต์ใช้ทฤษฎีนี้เป็นเรื่องยากมาก
ทว่า การค้นพบนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลต่ออุตสาหกรรมของวัสดุตัวนำยิ่งยวดทั้งหมด
นอกจากคอนนี่แล้ว ศาสตราจารย์จิริกก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
เพื่อให้การรวบรวมข้อมูลและการวิจัยวัสดุตัวนำยิ่งยวดเสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด ลู่โจวจึงได้คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีอินทรีย์เอาไว้แล้ว
แม้ว่าศาสตราจารย์จิริกจะศึกษากราฟีนเป็นหลัก แต่เขาก็เผยให้เห็นถึงความสนใจอย่างมากหลังจากได้ฟังเรื่องโครงการวิจัยของลู่โจว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่าเงินทุนของโครงการนั้นสูงถึงแปดหลัก ศาสตราจารย์จิริกจึงระงับโครงการของตัวเองทันที และมาที่นี่พร้อมกับทีมวิจัยของตน
ศาสตราจารย์จิริกที่ยืนอยู่ข้างลู่โจวพลันกล่าวคำพูด ”นี่ก็เดือนตุลาคมแล้วนะ”
ลู่โจวพลันส่องกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนและตอบกลับ “ครับ”
“ตอบแค่นี้เองเหรอ?”
ลู่โจวหยุดส่องกล้องจุลทรรศน์และถามกลับ ”เดือนตุลาคม… แล้วมันทำไมเหรอครับ?”
ศาสตราจารย์จิริกรู้สึกสับสนและถามกลับ ”คุณไม่สนใจรางวัลโนเบลประจำปีนี้หรือ”
ลู่โจวถอนหายใจและตอบกลับ “ถ้าผมเอาแต่สนใจเรื่องรางวัลโนเบล ก็คงไม่ต้องไปทำอย่างอื่นพอดี”
ชิริกยักไหล่และทำสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
“ก็ได้ คงพูดกับนายเรื่องนี้ไม่ได้สินะ ตอนแรกฉันคิดว่านายจะตื่นเต้นเสียอีก แล้วอีกอย่าง แบบจำลองทางทฤษฎีที่นายสร้างขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วนั้นเจ๋งมากเลยนะ”
“เวลาจะเป็นตัวบอกทุกอย่างเองแหละครับ อีกอย่าง ผมไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพราะต้องการรับรางวัลโนเบลอย่างเดียวสักหน่อย”
ในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน โทรศัพท์มือถือของลู่โจวก็ดังขึ้น
ศาสตราจารย์จิริเผยท่าทีที่แปลกไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ลู่โจวรับรู้ได้ทันทีว่าศาสตราจารย์จิริกกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่นานนัก เขาจึงถอนหายใจ “ผมรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า… แต่เดี๋ยวผมขอออกไปรับสายนี้ก่อนก็แล้วกัน”
ศาสตราจารย์ชิริกพลันกล่าวติดตลก “ทำไมไม่รับสายตอนนี้เลยล่ะ? แล้วถ้ามันเป็นเบอร์จาก จะเป็นอย่างไรถ้ามาราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดนล่ะ?”
“ตื่นนอน! เฉพาะวันที่หนึ่งตุลาคมเท่านั้น!”
แต่ทว่า เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เบอร์จากราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่ง โดยปกติแล้ว การโทรหาผู้ได้รับรางวัลโนเบลจะเกิดขึ้นก่อนการประกาศ
และการประกาศชื่อผู้ชนะรางวัลโนเบลของสาขาเคมีก็น่าจะเป็นวันที่สี่ตุลาคม
ไม่ต้องพูดถึงเลย ลู่โจวรู้ดีว่าตนไม่ได้รับรางวัลโนเบลแน่
ไม่ช้า ลู่โจวก็รับสายและวางโทรศัพท์ไว้ข้างหู
“สวัสดีครับ?”
“อ่า รับสักที…”
เมื่อลู่โจวได้ยินน้ำเสียงของเธอที่ดูจะไม่เป็นธรรมชาติ เขาก็พลันถามขึ้น ”มีอะไร?”
เฉินยู่ซานก็พลันกล่าวคำถาม “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ นายว่างไหม?”
ลู่โจวรู้สึกสับสน “อ่า ก็ว่าง… ทำไมล่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก” เฉินยู่ซานเผยยิ้ม “ก็แค่รู้สึกว่าไม่ได้เจอนายมานานแล้ว เลยอยากจะชวนกินข้าวด้วยสักหน่อย”
……………………………………………