ในวันที่สี่ตุลาคม ซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติของจีน ผู้คนส่วนใหญ่มักจะพักผ่อน ท่องเที่ยวหรือนอนเล่นโทรศัพท์กัน
หากไม่ใช่วันแห่งการมอบรางวัล คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะให้ความสนใจกับรายชื่อล่าสุดของการประกาศรางวัลโนเบล
เว้นแต่… จะมีรายชื่อของบุคลอยู่ในรายการของผู้ชนะ
รายชื่อพิเศษพลันปรากฏขึ้นมาในระหว่างที่ข่าวกำลังแพร่ภาพและออกอากาศ
และทันทีที่รายชื่อถูกเปิดเผย ข่าวที่ลู่โจวได้รับรางวัลโนเบลก็ได้เผยแพร่ไปยังอุตสาหกรรมเคมีจนถึงวิทยาศาสตร์วัสดุอย่างรวดเร็ว รวมทั้งฟิสิกส์แห่งการควบแน่นไปจนถึงโลกแห่งคณิตศาสตร์ด้วย
ข่าวท้องถิ่นถูกเผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และข่าวดังกล่าวก็ไปเป็นกระแสนิยมในเว่ยป๋ออย่างมาก
ทันทีที่ข่าวถูกเผยแพร่ออกไป ครึ่งหนึ่งของประเทศจีนต่างก็กำลังพูดถึงข่าวของลู่โจว
[นักคณิตศาสตร์ได้รับรางวัลโนเบล!]
[ถ้าจำไม่ผิด ลู่โจวเคยได้รับรางวัลเหรียญฟิลด์จากการประชุมนานาชาติของนักคณิตศาสตร์ด้วยใช่ไหม?]
[ได้ทั้งเหรียญฟิลด์ ทั้งรางวัลโนเบลเลย สุดยอด!]
[นักเคมีอินทรีย์ถึงกับต้องหลั่งน้ำตา รางวัลโนเบลประจำปีนี้ สุดท้ายก็ถูกพรากไปแล้ว!]
[ผู้ได้รับรางวัลโนเบลอายุเพียงแค่ยี่สิบสี่ปี… ดูเหมือนว่าจะอายุน้อยกว่าบุคคลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลเสียอีก]
[ลู่โจวสุดเทพ!]
[มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ส่งข้อความแสดงความยินดี!]
[มหาวิทยาลัยเยียนจิงส่งข้อความแสดงความยินดี!]
[มหาวิทยาลัยจินหลิงส่งข้อความแสดงความยินดี!]
[…]
ลู่โจวกำลังรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่มีเวลาที่จะแบ่งปันความสุขกับคนอื่นเลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งแล้ว
รางวัลโนเบลเป็นตัวแทนของอะไร?
สำหรับประเทศนั้น มันหมายถึงความเชื่อมั่นของประเทศชาติ ซึ่งแสดงถึงระดับของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นไปตามมาตรฐานสากล นักเรียนที่ต้องการสอบเข้าวิทยาลัยจำนวนมากจะต้องพากันเข้ามาเรียนในสาขาชีวเคมีในปีหน้าแน่ และยังมีอีกหลายความหมายที่หลายคนยังไม่รู้…
ในขณะเดียวกัน มันก็หมายความว่าสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลู่โจวจะได้รับความสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านเกิด ที่พักอาศัย โรงเรียน อีกทั้งจะมีการพัฒนาการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการศึกษา อุตสาหกรรมวัฒนธรรมและอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับลู่โจวแล้ว นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ
ในระดับนานาชาติ ไม่มีมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยใดในโลกที่จะปฏิเสธการเข้าร่วมของผู้ได้รับรางวัลโนเบลอย่างแน่นอน
หากพูดถึงประเทศ มันก็จะเป็นแบบเดียวกัน
ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขาจะได้รับความเคารพ การปฏิบัติสุดพิเศษและทรัพยากรมากมาย ชนิดที่นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่นึกไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
…
พวกเขาทานอาหารด้วยกันเป็นเวลาประมาณสองชั่วโมง
ในช่วงหนึ่งชั่วโมงให้หลัง เฉินเป่าฮัวค่อนข้างรู้สึกฟุ้งซ่าน
ก่อนที่เขาจะมา เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าลู่โจวจะได้รับรางวัลโนเบล ไม่เพียงเท่านั้น เขายังกลัวว่าพรรคคอมมิวนิสต์เองก็จะคาดไม่ถึงในเรื่องนี้เช่นกัน
นักวิชาการระดับโนเบลและผู้ได้รับรางวัลโนเบลนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง…
หลังอาหารค่ำ เฉินเป่าฮัวเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติฟิลาเดลเฟีย เขาไม่ได้แวะพักที่นั่น แต่เขารีบนั่งเครื่องบินกลับโดยเร็ว
ตามที่เขาเคยกล่าว พรรคคอมมิวนิสต์จะโทรกลับมาหาหลังการหารือเพื่อไม่ให้ภารกิจล่าช้า
ในเวลาเดียวกัน เขายังได้กล่าวอีกด้วยว่าเงื่อนไขที่ลู่โจวเสนอมานั้นจะถูกนำไปพิจารณา
หลังจากไปที่ส่งเฉินเป่าฮัวที่สนามบิน ลู่โจวก็ได้ไปส่งเฉินยู่ซานกลับมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
และก่อนที่เธอจะลงจากรถ ลู่โจวก็กล่าวคำพูดที่นึกขึ้นได้ออกมา
“เธอสนใจรางวัลโนเบลไหมล่ะ?”
“แน่นอนสิ ฉันสนใจแน่”
“งั้นเดือนธันวาคมนี้มีเวลาไหม?”
“มีสิ! นายจะพาฉันไปด้วยเหรอ?” จากนั้น ดวงตาของเฉินยู่ซานก็เป็นประกายทันที เธอรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นาน เธอก็ตระหนักขึ้นได้ว่าตนอาจจะไปสร้างปัญหาให้กับลู่โจว เธอจึงกล่าวคำพูดออกไป “พาคนอื่นไปรับรางวัลด้วยก็ได้เหรอ? มันจะไม่เป็นการรบกวนนายใช่ไหม?”
ถึงจะน่าเสียดาย แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น เธอก็จะไม่ไป…
ลู่โจวเผยยิ้มพร้อมกล่าวคำพูด “ไม่มีปัญหา ฉันสามารถเอาเพื่อนกับญาติไปได้”
ไม่ว่าจะเป็นหอประชุมของพิธีมอบรางวัล หรืองานเลี้ยงอาหารค่ำ ในฐานะผู้ได้รับรางวัลโนเบลระดับโลก เขาก็ควรจะพาเพื่อนและครอบครัวไปเพื่อทานอาหารค่ำที่งานด้วย
กล่าวกันว่าไม่มีการจำกัดจำนวนคนที่ต้องการพาไป ไม่ว่าจะมากหรือน้อยขนาดไหน
จนกระทั่งในปี 1988 คามิโล โฮเซ่ เซอร์รา ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมได้พาผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนบ้านและญาติ ๆ จากทั่วทั้งหมู่บ้านประมาณหกสิบแปดคนไปทานอาหารค่ำ นั่นทำให้คณะกรรมการจัดงานถึงกับต้องตกใจ
หลังจากนั้น กฎหมายใหม่จึงถูกแต่งตั้งขึ้น ซึ่งก็คือผู้ได้รับรางวัลโนเบลสามารถพาญาติและเพื่อนไปด้วยได้ แต่ต้องไม่เกินสิบสี่คน
ถึงอย่างไร สิบสี่คนก็มากเกินไปสำหรับลู่โจวแล้ว
เขาไม่มีญาติมากขนาดนั้น และเขาก็สนิทกับแค่พ่อ แม่และเสี่ยวถงเท่านั้น
พ่อแม่และเสี่ยวถงต้องไปด้วยอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่สามคน ไหนจะเหลืออีกตั้งหลายคน เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาจึงคิดไม่ทันว่าจะเชิญใครไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ ลู่โจวก็เห็นว่าเฉินยู่ซานดูเหมือนจะสนใจมาก เขาจึงกล่าวชวน
ทันทีที่รู้ว่าไปด้วยได้ เฉินยู่ซานก็กล่าวคำพูดออกมาด้วยสีหน้าที่มีความสุข “งั้นเหรอ? งั้นฉันไปด้วย! ฉันไม่เคยเห็นเวทีรับรางวัลโนเบลเลยด้วยซ้ำ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็เผยยิ้ม
เขาไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน
หากเปรียบเทียบแล้ว ผู้คนกว่าเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ในโลกใบนี้ไม่มีโอกาสที่จะได้ไป…
…
ทันทีที่กลับมาถึงสถาบันพรินซ์ตัน มันก็ดึกเสียแล้ว
ลู่โจวขับรถกลับบ้านโดยไม่แวะห้องทำงานเลย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ลู่โจวที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงนอนก็พลันเห็นข้อความกว่าร้อยฉบับ เขาอดยิ้มมุมปากไม่ได้เลย
เราควรทำรายการอาหารค่ำจากงานเลี้ยงรางวัลโนเบลให้แฟน ๆ รู้ไหมนะ?
หลังจากคิดดูแล้ว ลู่โจวก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
แม้ว่าจะฟังดูน่าสนใจ แต่มันก็ดูน่าจะมีปัญหามากเกินไป…
จากนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
มันมาจากเสี่ยวถง
เมื่อเห็น ลู่โจวจึงกดรับสาย
ทันทีที่เชื่อมสาย น้ำเสียงตื่นเต้นก็ดังขึ้น
“พี่! ผลการประกวดแบบจำลองคณิตศาสตร์ของฉันออกมาแล้ว! ฉันได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันระดับประเทศด้วย!”
หลังจากได้ยินข่าวดี ลู่โจวกล่าวพร้อมยิ้มมุมปาก “ระดับประเทศเลยเหรอ? ไม่เลวนี่!”
เมื่อนึกถึงการประกวดการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ลู่โจวก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงมัน
หลังจากจบการประกวด เขาและเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนก็แยกทางกัน
ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง
ทันทีที่ได้ยินคำชมของลู่โจว เสี่ยวถงก็ยิ้มอย่างพอใจ
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ แต่เธอก็จินตนาการท่าทีของเสี่ยวถงออก
เสี่ยวถงเป็นคนที่เหมือนเขามาก
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือระดับความอ่อนน้อมถ่อมตน
จากนั้น เธอก็กล่าวคำพูดต่อ “พี่มีรางวัลให้ฉันไหม?”
ลู่โจวตอบด้วยรอยยิ้ม “ว่าแล้วเชียว… งั้นพี่พาไปเที่ยวหน่อยเป็นไง?”
ดวงตาของเสี่ยวถงเป็นประกายขึ้นมา แต่ในไม่ช้า เธอก็ตอบกลับด้วยสีหน้าสงสัย
“ไม่สิ พี่น่าจะยุ่ง พี่จะไปมีเวลาพาฉันออกไปเที่ยวได้ยังไงกัน?”
“ไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ใช่แค่ไปเที่ยวพักผ่อนอย่างเดียว”
เฉียวหยานรู้สึกสงสัย “ทำไมกัน?”
ลู่โจวเผยยิ้ม “ยังไงก็เถอะ พี่ได้รางวัลโนเบลด้วยนะ”
นอกจากรางวัลโนเบลแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีรางวัลใหญ่จากสถาบันเคลย์รอลู่โจวอยู่อีกด้วย
“พี่จะไปยุโรป แล้วก็ไปที่สถาบันฝรั่งเศสด้วย พี่จะไปรับหนึ่งล้านดอลลาร์น่ะ”
เสี่ยวถงถึงกับพูดอะไรไม่ออก
…………………………………………