ตอนที่ 45 คิดดีๆแล้วน่ากลัว
รถหยุดลง
ลู่โจวคาดไม่ถึงเลย เขาคิดว่าคุณหยางจะพาพวกเขาไปร้านที่ไม่ธรรมดา แต่ที่จริงแล้วปลายทางเป็นถนนสายเล็กๆที่ห่างไกลจากตัวเมือง
ทางเข้าถูกตกแต่งด้วยหินอ่อน มันตั้งอยู่ในส่วนลึกของถนนแปลกๆและถูกซ่อนอยู่ในกลุ่มร้านเล็กๆ แต่ถึงกระนั้นมันก็โดดเด่น
บางทีนี่อาจเป็นสไตล์ของคนรวย?
ลู่โจวไม่เข้าใจ
พวกเขาลงจากรถ คุณหยางเดินไปข้างหน้าแล้วนำพวกเข้าไปในร้าน
การตกแต่งภายในร้านนั้นแตกต่างจากที่ทางเข้าโดยสิ้นเชิง มันเหมือนกับอีกโลกนึง ใต้รูปปั้นหินอ่อนมีสายน้ำไหลผ่าน พืชและต้นไม้ออกแนวสไตล์ตะวันตก อันที่จริงร้านนี้ให้ความรู้สึกเป็นความงามระหว่างจีนและตะวันตก
ร้านสไตล์ตะวันตกอยู่ในตรอกลึกแบบนี้ ลู่โจวรู้สึกว่าเจ้าของร้านต้องรวยมากแน่
“สี่คน”
“เชิญทางนี้เลยครับ” บริกรกล่าวขณะทำท่าเชื้อเชิญ เขานำทางกลุ่มพวกเขาไปชั้นสอง
หานเมิ่งฉีปฏิเสธไม่ยอมนั่งกับแม่ เธอมานั่งข้างลู่โจวแทน
เหมือนย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในรถ เฉินยู่ซานนั่งข้างป้าของตน
เมื่อทุกคนนั่งลง บริกรก็นำน้ำมะนาวมาเสิร์ฟและวางเมนูไว้บนโต๊ะสองอัน
คุณหยางเปิดเมนู เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ร้านนี้ค่อนข้างดี มันเงียบมากและไม่มีความวุ่นวายของเมืองใหญ่มารบกวน ในเมืองอย่างเมืองจินหลิง มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาร้านแบบนี้ ฉันขอแนะนำสเต็ก ถ้าเธอไม่ชอบสเต็ก ปาเอยาก็ไม่เลวเหมือนกัน วันนี้ฉันเลี้ยงเอง สั่งตามที่ชอบเลย”
“งั้นผมจะสั่ง…” ลู่โจวพึมพำและยิ้มอย่างระวัง เมื่อเขาอ่านเมนู คิ้วเขาก็เลิกขึ้นสูง
เชี่ย แม่งโคตรแพง!
สเต็ก 888 หยวน? อะไรวะเนี่ย? ฉันจะเอาข้าวผัด…แค่ข้าวผัดก็หลายร้อยหยวนแล้ว?
นี่มันโกงกันชัดๆ!
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นสีหน้าคุณหยาง ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกเลย
ลู่โจวอดคิดไม่ได้
แนวคิดเรื่องเงินของคนรวยแตกต่างจากระดับของฉันอย่างสิ้นเชิง
หานเมิ่งฉีไม่ได้คิดมาก เธอหยิบเมนูจากลู่โจวแล้วรีบเปิดดู เธอชี้ไปที่รูปภาพแล้วกล่าว “ฉันอยากได้สเต็กแอปเปิลวู้ด(applewood steak)! แล้วไอสครีมอันนี้…”
เฉินยู่ซานก็สั่งเช่นกัน
มันเป็นตาของลู่โจว
ลู่โจวคิดเล็กน้อยแล้วในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลือกปาเอยาอาหารประจำชาติของสเปน
เขาไม่อยากทำให้ทุกคนเสียเวลา นอกจากนี้เขาไม่เคยทานมันมาก่อน แถมการทานด้วยมีดก็เป็นอะไรที่ฝันเฟื่องสำหรับเขา เขาไม่อยากทำให้ตนเองอับอาย
ส่วนคุณหยาง เธอสั่งสลัดอย่างเดียวเท่านั้น
ลู่โจวมองรูปสลัดแล้วสงสัยว่าคุณหยางกินแค่สลัดจะอิ่มจริงเหรอ
บางทีมันอาจเป็นเพราะในร้านมีคนไม่มากนัก อาหารจึงมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
ลู่โจวมองรีซอตโต้ทะเลแล้วน้ำลายไหลอย่างอดไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอยแมลงภู่กับหอยเชลล์โรยกระเทียม มันน่าอร่อยมาก!
ลู่โจวไม่ทันหยิบช้อนด้วยซ้ำ หานเมิ่งฉีก็ขโมยหอยแมลงภู่ไปชิ้นนึงแล้ว
ลู่โจวเลิกคิ้วขึ้นสูง เขาไม่อยากลดตัวลงไปอยู่ระดับเดียวกับเธอ เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไร
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของหานเมิ่งฉีไม่อาจหลุดพ้นจากการเฝ้าดูของแม่
แน่นอนคุณหยางกล่าวอย่างจริงจัง “เมิ่งฉี”
รอยยิ้มของหานเมิ่งฉีหายไป เธอเบือนหน้าไปทางอื่น
“คุณหยาง…ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเข้มงวดมากขนาดนั้นหรอกครับ หานเมิ่งฉีแค่ล้อเล่นเฉยๆ” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“นี่เป็นเรื่องของมารยาท” คุณหยางกล่าวอย่างจริงจัง เธอไม่ยอมลงให้
ลู่โจวดูจนปัญญา เขาไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาไม่สามารถแสดงความเห็นเกี่ยวกับวิธีการสั่งสอนเด็กของผู้อื่นได้นัก
เขาแค่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ…
บรรยากาศมื้อค่ำเป็นไปด้วยความเงียบ
ลู่โจวและเฉินยู่ซานรู้สึกถึงสงครามเย็นระหว่างแม่กับลูก เมื่อพวกเขาเหลือบมองกัน พวกเขาก็เห็นความจนปัญญาในแววตาของกันและกัน
เฉินยู่ซาน “ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้”
ลู่โจว “ไม่เป็นไร อันที่จริงผมก็คิดไว้แล้ว…”
เดี๋ยวนะ?
จู่ๆลู่โจวก็ตระหนักว่าเขาเหมือนจะสำเร็จวิชาใหม่
เขาสามารถสื่อสารกับผู้อื่นโดยใช้ตามอง?
อะไรเนี่ย?
ฉันพัฒนาความสามารถนี้จากการมองเธอในห้องสมุดงั้นเหรอ?
หรือมันจะเป็นระบบ…
ลู่โจวต้องยืนยันความสามารถนี้ ดังนั้นเขาจึงมองหานเมิ่งฉี
อืมมม…
ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์
หานเมิ่งฉีเห็นลู่โจวทำตัวแปลกๆ เธอถามด้วยใบหน้าเขินอาย “ทำไม นายมองฉันทำไม?”
“โอ้ ไม่มีอะไร ดูเหมือนเธอจะทานอาหารอร่อยเฉยๆ” ลู่โจวกล่าว เขาตระหนักถึงสิ่งที่ทำแล้วรีบเบนสายตากลับ
โชคดีที่คุณหยางลุกไปคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ เธอจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับทั้งสอง
ถ้าผู้หญิงที่เข้มงวดคนนี้เห็น มันคงไม่ดีแน่…
อย่างไรก็ตามเหมือนหานเมิ่งฉีจะเชื่อเหตุผลของลู่โจวจริงๆ เธอโยนเนื้อสเต็กชิ้นเล็กๆเข้าปากแล้วกล่าวขณะเคี้ยว “เอ่อ ไม่เป็นไร แต่มันไม่อร่อยเท่าอาหารฝีมือนาย”
ลู่โจวรู้สึกเขินกับคำชม “ต่อให้เธอชมผมก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ”
“ฉันไม่ได้โกหก นายไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้” หานเมิ่งฉีกล่าวและกลอกตามองบน
“นายทำอาหารเป็นด้วย?” เฉินยู่ซานถาม เธอมองลู่โจวด้วยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ฉันไม่รู้เลย…”
“แน่นอน เขาฝีมือดีมาก! เตาหู้มาโฝจานนั้นอร่อยมาก” หานเมิ่งฉีตอบก่อนที่ลู่โจวจะได้พูด
มันเหมือนกับว่าเธอกำลังโอ้อวด
“มันฟังดูเผ็ด” เฉินยู่ซานพึมพำและหดคอกลับ
เธอยังรู้สึกถึงความเผ็ดของซุปหมาล่าที่ลู่โจวพาเธอไปกินครั้งก่อน
เวลานั้นเองคุณหยางก็กลับมาที่นั่ง ข้างๆเธอเป็นชายที่ดูสุภาพมาก
“เมิ่งฉี หลานจะไม่ทักทายลุงหน่อยเหรอ?” ชายคนนั้นถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณลุง สวัสดีค่ะ ลาก่อน” หานเมิ่งฉีตอบอย่างงุ่มง่าม เธอไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ
“เด็กคนนี้…” คุณหยางถอนหายใจ เธอมองดูชายคนนี้อย่างขอโทษและอธิบาย “ฉันขอโทษ เมิ่งฉีเป็นแบบนี้ต่อหน้าทุกคน”
“ไม่เป็นไร” ชายคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน เขาทักทายเฉินยู่ซานก่อนจะหันมามองลู่โจว เขาถามด้วยแววตาเปล่งประกาย “เธอคือลู่โจวใช่ไหม?”
ลู่โจวแปลกใจ เขาไม่รู้เลยว่าเขาดังพอที่จะเป็นที่รู้จัก
แม้แต่ในมหาลัย ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จำเขาได้
แม้ว่าลู่โจวจะสับสนว่าชายคนนี้รู้ชื่อเขาได้ยังไง แต่เขาก็ยังลุกขึ้นยืนแล้วจับมืออีกฝ่ายด้วยความสุภาพ “สวัสดีครับ คุณคือ?”
“ฉันเป็นผู้จัดการของร้านนี้ ฉันเป็นเพื่อนคุณหยางด้วยเช่นกัน” ชายคนนั้นตอบกลับด้วยรอยยิ้มและจับมือกับลู่โจว เมื่อเขาปล่อยมือ เขาก็กล่าว “เธอปฏิเสธข้อเสนอจากซีอีโอหวังใช่ไหม? เด็กคนนี้ไม่เลว”
“มันก็แค่ผมยุ่งอยู่กับการเรียน ผมคิดว่าผมยังเรียนรู้ไม่พอ” ลู่โจวตอบอย่างถ่อมตน อันที่จริงเขาก็บ่นอยู่ในใจเหมือนกัน
ทำไมถึงมีคนจำนวนมากมาเอ่ยทักเรื่องนี้? มันก็แค่การปฏิเสธข้อเสนอ
“ฉันตู้ไห่เฟิง ไว้มาคุยเรื่องนี้กันอีกในอนาคต” ตู้ไห่เฟิงกล่าว เขาส่งนามบัตรให้ลู่โจวแล้วยิ้ม “พวกเธอทานกันต่อเถอะ ฉันไม่รบกวนแล้ว”
บางทีอาจเป็นเพราะเขาสัมผัสถึงความเย็นชาจากหานเมิ่งฉี หรือไม่เขาก็กำลังยุ่งอยู่ เขาจึงจากไป
ลู่โจวนั่งลงแล้วมองดูนามบัตรแล้วคิด ‘ผู้ถือหุ้นของไห่เฟิงแคปปิตอล?’
ฉันต้องดูแลนามบัตรนี้เอาไว้
คอนเน็คชั่นมีประโยชน์เสมอ
ถ้าลู่โจวอยากเริ่มธุรกิจ เขาก็ต้องมีเส้นสาย
หานเมิ่งฉีเห็นลู่โจวยอมรับนามบัตรของชายคนนั้น เธอก็ดูไม่ค่อยพอใจ
ลู่โจวสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์แล้วเริ่มวิเคราะห์
บางทีคุณตู้อาจมีความสัมพันธ์บางอย่างกับคุณหยาง?
พวกเขาต่างเป็นผู้ใหญ่ คนนึงก็ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ที่มีครอบครัวที่โชคร้ายและอีกคนเป็นผู้ชายที่มีความสามารถ ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นเหมือนในละครทีวี มันก็ไม่ได้แปลกอะไร
อืม…
เรื่องนี้มันก็ประเมิณได้ยาก
เมื่อมีอารมณ์มาเกี่ยวข้องในครอบครัว ทุกอย่างก็จะซับซ้อน
ลู่โจวไม่อยากไปยุ่งกับชีวิตคนอื่นนัก และเขาก็ชัดเจนในเรื่องนี้
หานเมิ่งฉีเหลือบมองแม่แล้วก้มหน้ากล่าวเสียงกระซิบกับลู่โจว “ชายคนนี้ไม่ใช่คนดี ระวังด้วย”
“โอเค” ลู่โจวกล่าว เขาเข้าใจความหมายของหานเมิ่งฉีผิดไป เขาจึงมองเธอด้วยความเป็นห่วง อันที่จริงเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ
แม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอไม่สนใจกับการมีพ่อเลี้ยง แต่ถ้าพ่อแม่แต่งงานใหม่จริงๆ ลูกๆก็ยังต่อต้านใช่ไหม?
เห็นได้ชัดว่าลู่โจวไม่ได้เก็บคำพูดของหานเมิ่งฉีมาใส่ใจอย่างจริงจัง เธอกล่าวอย่างเป็นกังวล “ฉันจริงจัง!”
ลู่โจวมองเธอแปลกแล้วกล่าวอย่างเฉยเมย “ผมชื่อเธอ…”
“นาย!” หานเมิ่งฉีกัดฟันแน่น เธอมองซ้ายมองขวาก่อนจะก้มหน้าพูด “ฉันเห็น…คุณตู้ชอบผู้ชาย”
ลู่โจว “???”
ประโยคสุดท้ายทำเอาเขาช็อค
เขายังจำที่อีกฝ่ายพูดได้ว่า ‘เด็กคนนี้ไม่เลว’
ลู่โจวกลัวมากจนแทบโยนนามบัตรทิ้งออกไปนอกหน้าต่าง